(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน สู่ฝันที่มีฉันคุณโลมา เล่ม 1

Tuesday

บทที่ 6

สองร้อยเมตรข้างหน้า สองคนว่ายพร้อมกัน กระทั่งกลับตัวก็ยังเป็นอันรู้กันโดยไม่ต้องพูด กระทั่งว่าตอนที่ตีขาหลังจากกลับตัวก็ยังเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว

เย่หลินเข้าใจได้เป็นอย่างดี นี่ไม่ใช่ว่าเซี่ยจื้อกำลังลอกเลียนแบบเขา หากแต่เทคนิคและการประมาณกำลังของเด็กผู้ชายคนนี้ค่อนข้างจะสุกงอมแล้ว เพียงแต่บังเอิญที่ว่าจังหวะของพวกเขาเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว

เท่านั้นเอง

ผ่านไปสองร้อยเมตร เย่หลินก็เพิ่มความเร็วของตัวเองขึ้นทีละนิดๆ อย่างสงบเยือกเย็น แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าเซี่ยจื้อจะมีความรู้สึกเฉียบไวต่อท่าทางใต้น้ำของเขาถึงเพียงนี้ อีกฝ่ายค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นมาด้วยเช่นกัน

เมื่อผ่านไปสามร้อยเมตร เซี่ยจื้อก็นำเย่หลินไปได้นิดหน่อยแล้ว

การประลองใต้น้ำครั้งนี้เหมือนค่อยๆ มีเขม่าดินปืนตลบอบอวลขึ้นมา การพุ่งโถมกำลังในห้าสิบเมตรสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น

เย่หลินได้เปรียบกว่าเซี่ยจื้อเล็กน้อย ฟองอากาศที่สองคนปัดขึ้นแตกกระจายกลางอากาศ เสียงแหวกน้ำที่ต่อเนื่องกันเป็นระลอกจากตอนแรกสุด กลายมาเป็นเสียงเดียวกันในสิบเมตรสุดท้ายอย่างน่าประหลาด

ตอนที่เสียงของฟองกาศทับซ้อนกัน ก็เหมือนคลื่นลูกโตซัดสาดใส่หินผาอยู่ท่ามกลางสระว่ายน้ำอันกว้างโล่ง

แว่นว่ายน้ำของเซี่ยจื้อมีน้ำเข้าอีก แต่นี่ไม่สำคัญสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว เขาแหวกน้ำและตีน้ำอย่างสุดตัว อยากจะตีฝ่าจังหวะของเย่หลินไปให้ได้ นี่เป็นเหมือนขีดจำกัดที่จำเป็นต้องก้าวข้ามไปให้ได้

เสี้ยววินาทีที่มือเขาแตะสัมผัสกับขอบสระ เขาก็รู้ว่าเย่หลินที่อยู่ด้านข้างมาถึงก่อนแล้ว

ครึ่งนาทีเต็มๆ ที่สองคนไม่ได้พูดอะไรสักคำ

เสียงลมหายใจหนักหน่วงแทนที่เสียงน้ำสาดกระเซ็นก่อนหน้า

เซี่ยจื้อรู้ว่าตนเองแพ้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ดึงดันไม่ยอมรับ

เพราะเขาเชื่อว่า คนที่สามารถไล่กวดเย่หลินได้ถึงขั้นนี้มีไม่มากแน่

ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ทุกครั้งที่เขาว่ายน้ำอยู่คนเดียว เขามักสงสัยอยู่เสมอว่า…การว่ายน้ำเป็นสิ่งที่เขารักหลงใหลจริงๆ ไหม?

ทำไมในขณะที่เขาเฝ้าใฝ่ฝัน ในใจกลับเย็นเยียบถึงเพียงนั้น

แต่ว่าในคืนนี้ตอนที่เลือดฉีดพุ่งเข้าไปในหัวใจ เขาก็แน่ใจอีกครั้งว่า : เขาชื่นชอบการว่ายน้ำจริงๆ

“แว่นว่ายน้ำ…ของนาย…น้ำเข้าอีกแล้วเหรอ…”

เสียงแหบพร่าทุ้มต่ำดังขึ้น

เซี่ยจื้อกำลังจะดึงแว่นว่ายน้ำออก แต่นิ้วมือของเย่หลินก็สอดเข้าไปในช่องระหว่างผิวกับแว่นว่ายน้ำแล้ว น้ำไหลจ๊อกลงมาจากช่องนั่น เซี่ยจื้อก็มองเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เขามองเห็นเย่หลิน

ในเวลานี้แววตาอันอบอุ่นอ่อนโยนนั่นหม่นหมองมาก จู่ๆ นิ้วมือของเย่หลินก็ตั้งขึ้น

ข้อนิ้วของเขาลูบผ่านแก้มของเซี่ยจื้อไป แฉลบผ่านขนตาเปียกชื้นของเขา ยกแว่นว่ายน้ำขึ้นมาหมดทั้งอัน

มืออีกข้างของเขาลูบคราบน้ำบนแก้มของเซี่ยจื้อออก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเพิ่งแข่งสี่ร้อยเมตรจบลงด้วยหรือไม่ อุณหภูมิที่ปลายนิ้วของเย่หลินถึงสูงกว่าบนแก้มของเซี่ยจื้อมาก เสี้ยวขณะที่ปลายนิ้วของเขาแฉลบผ่านใบหูของเซี่ยจื้อไปนั้นก็ลวกร้อนเสียอย่างนั้น เซี่ยจื้อปัดมือของเย่หลินออกตามสัญชาตญาณ

ในเสี้ยววินาทีนั้นเองเขาก็เห็นสิ่งที่เดิมทีถูกสะกดกลั้นเก็บไว้อย่างมิดชิดในดวงตาคู่นั้นของเย่หลินกำลังจะไหลทะลักออกมา

เซี่ยจื้อเห็นลูกกระเดือกของเย่หลินขยับขึ้นลงหนึ่งที

โดยไม่มีสาเหตุ เซี่ยจื้อรู้สึกสังหรณ์ถึงอันตราย

ดูแล้วราวกับว่าเย่หลินคือสัตว์ร้ายที่สงบนิ่งมีเมตตา เล่นอยู่กับลูกสัตว์ตัวเล็กๆ แต่ในที่สุดก็อดเผยเขี้ยวเล็บออกมาไม่ได้

“นายแพ้อีกแล้ว”

ความแหบพร่าในเสียงของเย่หลินสลายหายไปแล้ว เปลี่ยนมาแจ่มชัดอ่อนโยน

“ฉันรู้แล้วละ นายอยากเป็นติวเตอร์ให้ฉันงั้นก็เป็นเถอะ นายพาฉันมาแข่งว่ายน้ำก็เพื่อให้ฉันรู้สึกดีกับนายเพิ่มขึ้นไม่ใช่เหรอ” 

ใบหน้าของเซี่ยจื้อไม่มีสีหน้าอารมณ์เชิงลบที่เกิดจากการพ่ายแพ้ยับเยินอย่าง double ใดๆ เลย กระทั่งว่าในสีหน้าวางท่าว่าดูเจ๋งนั่นก็ยังมีรอยยิ้มภาคภูมิใจอยู่หลายส่วน

“อ้อ ฉันเข้าใจแล้วว่าในสมองนายคิดอะไรอยู่”

“ฉันคิดอะไรเหรอ นายลองพูดออกมาดูหน่อยสิ?” เซี่ยจื้อกระตุกมุมปากยิ้ม

สีหน้าที่เดิมเย็นเยียบเป็นน้ำแข็งเพราะไม่มีรอยยิ้มนั้น นุ่มนวลอ่อนโยนขึ้นมาในทันที ซ้ำยังเจือด้วยความซุกซนแบบเด็กๆ ทำให้คนอยากโอบเขาเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ออกแรงกอดฟัดจนแหลกละเอียด จนเขาร้องไห้ออกมา

จู่ๆ เย่หลินก็ใช้นิ้วเขี่ยไปที่คางของเซี่ยจื้ออย่างไม่ทันให้ตั้งตัว เซี่ยจื้อคว้านิ้วของอีกฝ่ายไว้ทันที พลางคิดในใจว่าถ้าคว้าได้ละก็จะหักนิ้วเขาเสีย ให้เขาอ้อนวอนตนเองให้ปล่อย 

แต่เซี่ยจื้อนึกไม่ถึงว่า เสี้ยววินาทีที่สัมผัสโดนปลายนิ้วของเย่หลินนั้น ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เย่หลินก็คว้ามือของเขาเอาไว้ นิ้วมือสอดประสานเข้าไปในซอกนิ้วมือของเซี่ยจื้อ แล้วกดลงไปที่บ่าของเซี่ยจื้อทันที

เชี่ยแม่ง!

ขนคิ้วของเซี่ยจื้อก็ตั้งชันขึ้นมา

“ที่นายคิดอยู่ในใจก็คือ ถ้าฉันเป็นติวเตอร์ให้นาย นายก็จะนัดฉันออกมาแข่งว่ายน้ำได้แล้ว แต่ถ้าหากนายปฏิเสธไม่ยอมให้ฉันเป็นติวเตอร์ให้นาย อย่างนั้นแล้วฉันกับนายก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป นายอยากให้ฉันกลายเป็นแค่ ‘คนผ่านทาง’ ของนายเหรอ?”

เย่หลินขยับเข้าใกล้ทีละนิดๆ แขนของเซี่ยจื้อถูกอีกฝ่ายกดทับหนักขึ้นเรื่อยๆ

เย่หลินมองตาของเซี่ยจื้อ เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ชอบเอาชนะ รักศักดิ์ศรี ไม่ยอมแพ้ เขาคอยให้เซี่ยจื้อระเบิดอารมณ์ออกมาเหมือนกับประทัด

เย่หลินรู้ความคิดชั่วร้ายของตนเอง เขาหวังเอาไว้ว่า ไม่ว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะโมโหก็ดี จะระเบิดอารมณ์ออกมาก็ดี หากมันเกิดจากเขาแล้วละก็เขาจะรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

แต่เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับเพียงยิ้ม ยกมุมปากขึ้นมา กระทั่งยังดูเจ้าเล่ห์อยู่นิดหน่อยด้วย

“ใช่แล้ว ฉันตกลงให้นายเป็นติวเตอร์ของฉัน——แบบนี้ฉันจะได้มีเหตุผลนัดแข่งกับนายไง อยากให้ฉันตั้งใจฟังที่นายสอน งั้นก็เอาชนะฉันในสระให้ได้ อยากให้ฉันทำโจทย์ดีๆ ก็ต้องเอาชนะฉันในสระให้ได้ ยิ่งจำนวนครั้งในการแข่งกับนายมากขึ้น ในโลกนี้ฉันก็จะเป็นคนที่มีโอกาสมากที่สุดในการเอาชนะนายได้ แล้วทำไมจะไม่มีความสุขล่ะ?”

ในเสี้ยวขณะนั้น เย่หลินดูใจลอยอยู่บ้าง

แต่เซี่ยจื้อกลับเชิดหน้า “ปล่อยฉัน”

“สมัยประถม นายเคยชอบเพื่อนนักเรียนหญิงที่ถักเปียไหม?” เย่หลินก็ยังไม่มีทีท่าจะปล่อย

“ไม่เคย พูดเรื่องนี้ทำไม? นายเคยชอบก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”

“เวลานั้นฉันเห็นเพื่อนโต๊ะเดียวกับฉันดึงผมเปียเด็กผู้หญิงข้างหน้าเล่น รู้สึกว่าทั้งปัญญาอ่อนทั้งตลก แต่ฉันในเวลานี้กลับทำเรื่องแบบเดียวกัน เพียงแต่นายนี่มันน่าโมโหเสียยิ่งกว่าอีก”

“อะไรยังไง?”

“นายตัดเปียทิ้งแล้ว”

เย่หลินปล่อยมือออก

เซี่ยจื้อหมุนขยับข้อมือตนเอง มองดูเย่หลิน ในใจรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ช่างพูดจาไม่ปะติดปะต่อกันเลย ประสาทจริงๆ

แต่เย่หลินกลับรู้ดีว่าตนเองคิดอะไร

เมื่อครู่เขาอยากจะเห็นเซี่ยจื้อโมโห แต่เซี่ยจื้อกลับใจคอกว้างขวางกระทั่งจะแสดงความไม่พอใจสักนิดก็ยังไม่มี ก็เหมือนการดึงผมเปียเด็กผู้หญิงแถวหน้าสมัยประถมนั่นแหละ อยากเห็นอีกฝ่ายโมโห แต่เด็กผู้หญิงกลับตัดผมเปียทิ้งมันเสียเลย

ทั้งหดหู่ ทั้งยิ่งแคร์กว่าแต่ก่อนเสียอีก

“ไปเถอะ กลับไปอธิบายโจทย์ให้นายฟัง”

เย่หลินเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เซี่ยจื้อกลับเอ่ยปากพูดอีกว่า

“นายเคยบอกว่า สามรอบชนะนายสองรอบก็ใช้ได้แล้ว ฉันอยากรู้ว่า รอบที่สามคืออะไรแปดร้อยเมตร หรือว่าหนึ่งพันห้าร้อยเมตร?”

เย่หลินหันตัวกลับมา ก็เห็นเซี่ยจื้อที่กำลังดึงหมวกว่ายน้ำอยู่ บนขนตาเขายังมีคราบน้ำอยู่เลย มันส่องแสงวิบวับอยู่ภายใต้แสงไฟ หยดน้ำไหลลงมาตามแนวเส้นกล้ามเนื้อที่เอวและหน้าท้อง…

ผ่านไปหนึ่งถึงสองวินาทีแล้ว เซี่ยจื้อก็ยังไม่ได้ยินคำตอบของเย่หลิน หมวกว่ายน้ำที่อยู่บนศีรษะทำให้รู้สึกไม่สบายสักเท่าไร เขาเพิ่งจะดึงหมวกว่ายน้ำลงมา แต่พอเงยหน้าก็พบว่าเย่หลินมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว จู่ๆ ก็เข้ามาโอบกอดไหล่เขาไว้

มันแน่นเสียจนราวกับจะรัดเข้าไปถึงภายในกระดูก!

“ทำอะ——”

ยังพูดไม่ทันจบ เบื้องหน้าของเซี่ยจื้อก็เป็นฝ้าเพดาน มีเสียงน้ำกระจายดังสนั่นที่ข้างหู เขาถูกเย่หลินกดทับลงมาในน้ำ

พอรู้ตัวว่าตนเองถูกอีกฝ่ายวางแผนคิดร้ายเสียแล้ว เซี่ยจื้อก็โมโหจริงๆ ขึ้นมาจนอยากจะพังสระน้ำมันทั้งสระเลยทีเดียว

เขาอยากจะถีบเย่หลินให้ขึ้นมา แต่ว่าเย่หลินว่ายน้ำดีเหลือเกิน

พอเย่หลินกดทับลงไป แผ่นหลังของเซี่ยจื้อก็สัมผัสกับก้นสระทันที 

เซี่ยจื้อพลิกตัวกำลังจะกดเย่หลินลงบ้าง แต่เย่หลินกลับใช้มือข้างหนึ่งกดบ่าอีกด้านของเซี่ยจื้อไว้

เย่หลินหรี่ตายิ้มมองเซี่ยจื้อ เซี่ยจื้อโมโหสุดๆ เย่หลินจงใจแน่ๆ ก่อนกดเขาลงน้ำต้องสูดอากาศเก็บไว้เต็มที่แล้ว แต่ตนเองกลับตกลงไปโดยไม่ทันตั้งตัว ที่เขาไม่สำลักนี่ก็นับว่าบุญแล้ว

เซี่ยจื้อกำลังจะหาจุดสมดุลของตัวเองกลับคืนมา แต่พอเย่หลินเห็นว่าเขากำลังจะพลิกตัว จู่ๆ ก็เป่าปากใส่เซี่ยจื้อไปทีหนึ่ง

ฟองอากาศนับไม่ถ้วนพรั่งพรูเข้ามา พ่นมาที่ดวงตาของเซี่ยจื้อ เซี่ยจื้อหลับตาเอียงหน้าหนีทันที

ปอยผมอ่อนนุ่มของเด็กชายส่ายสะบัดไปมาในน้ำ กระทั่งท่าขมวดคิ้วก็ยังดูสุดแสนจะน่ารัก

พอฟองอากาศกระจายหายไป เซี่ยจื้อก็ถลึงตาใส่เย่หลินไปหนึ่งที เย่หลินพ่นอากาศนี่ออกมาแล้วเซี่ยจื้อไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะยังกลั้นหายใจอยู่ในน้ำได้นานกว่าตน!

เซี่ยจื้อกลั้นหายใจไปอีกราวสามสิบวินาที ที่นิ่งอยู่เฉยมาตลอด จู่ๆ ก็ออกแรงยกไหล่ดันตัวขึ้น เย่หลินจึงเป็นฝ่ายถูกกดทับลงไป เซี่ยจื้อที่มุ่งมั่นว่าจะต้องกดอีกฝ่ายลงให้ได้ก็เป่าปากใส่หน้าเย่หลินไปทีอย่างไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัวด้วยเช่นกัน

กระแสน้ำกับลมหายใจของเซี่ยจื้อพุ่งใส่ใบหน้าของเย่หลิน น่าเสียดายที่เล็งไม่ตรงดวงตาของเย่หลิน กลับมาโดนที่ริมฝีปากของเย่หลินแทน เย่หลินเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เสี้ยววินาทีอันแสนสั้นนั้นก็ดูเหมือนเซี่ยจื้อจะมองเห็นปลายลิ้นของเขา

เย่หลินจับมือเซี่ยจื้อไว้ ลากเขาเข้ามาในอ้อมกอดของตนเอง เซี่ยจื้อพอเห็นว่ากำลังจะชนเข้ากับใบหน้าของเย่หลินก็รีบเอียงหน้าหลบ

เขาเกือบหมดลมหายใจแล้ว เซี่ยจื้อกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว อย่างไรเสียคนหาเรื่องก่อนก็คือเย่หลิน ตนเองก็ไม่จำเป็นต้องเล่นตามกติกาเกินไป เขาจึงดึงขอบกางเกงว่ายน้ำของเย่หลินไว้ จะดึงไปที่อีกทาง

ใครจะรู้ว่าเย่หลินก็ดึงกางเกงว่ายน้ำของเซี่ยจื้อด้วยเช่นกัน อีกทั้งแค่ใช้ปลายนิ้วเขี่ยเบาๆ…

เซี่ยจื้อได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นตึกตักๆ กำลังที่โอบรัดร่างกายสายนั้นจู่ๆ ก็คลายออกไป 

นึกไม่ถึงว่าขอบกางเกงว่ายน้ำของเขาจะขาดออกเป็นช่องเล็กๆ! 

เซี่ยจื้อมือไวตาดีจับส่วนที่ขาดนั้นทันที แต่จู่ๆ เย่หลินกลับเป่าฟองอากาศวนรอบเซี่ยจื้ออยู่ใต้น้ำ 

ฟองอากาศชนเข้ากับส่วนที่ประดักประเดิดของเขาซึ่งถูกห่อหุ้มเอาไว้ไม่อยู่เข้าพอดิบพอดี

ใบหน้าร้อนลวกในทันที

แต่ว่าวัสดุของกางเกงว่ายน้ำตัวนี้ก็ช่างลื่นเหลือเกิน เซี่ยจื้อยังไม่ทันจะคว้าสองด้านที่ขาดออกได้ รอยขาดก็ใหญ่ขึ้นแล้ว!

รู้สึกเดือดดาลแค้นใจนัก!

เย่หลินอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ได้แต่มองดูเขา

ต่อให้เซี่ยจื้อคิดว่าเป็นผู้ชายด้วยกัน เวลาว่ายน้ำจะมี “อุบัติเหตุ” จำพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร นี่ถ้าอยู่กับเฉินชิงเหม่ย ตนเองคงถีบกางเกงว่ายน้ำตัวภาระนี่ทิ้ง แล้วขึ้นจากสระไปแล้ว

แต่เย่หลินที่นิ่งเงียบเช่นนี้ กลับทำให้เซี่ยจื้อรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ

ฉับพลันทันใดนั้น เย่หลินก็ว่ายเข้ามาใกล้ อัตราความเร็วนั้นทำให้เซี่ยจื้อคิดถึงฉลามล่าเหยื่อ

มือของเขาดึงกางเกงว่ายน้ำตรงที่ขาดของเซี่ยจื้ออย่างแรง รอยยิ้มที่มุมปากชั่วร้ายอย่างน่าแค้น!

เซี่ยจื้อเดือดดาลควันแทบออกจากหู

แม่ง——นายยังจะเล่นอีก! ฉันจะจัดการนาย!

เซี่ยจื้อยกเท้าจะถีบไปที่ไหล่ของเย่หลิน แต่สมดุลในน้ำเทียบกับบนฝั่งไม่ได้ ใบหน้าของเย่หลินพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เซี่ยจื้อสัมผัสได้ถึงปลายจมูกของเย่หลิน…ถัดมาคือแว่นว่ายน้ำของเย่หลินที่ชนเข้าตรงท้องน้อยของเขา สัมผัสที่ตรงกันข้ามกับความเย็นเป็นน้ำแข็งของแว่นตาว่ายน้ำก็คือความอ่อนนุ่มของส่วนใดส่วนหนึ่ง

ในหูของเซี่ยจื้อมีเสียงหึ่งดังเป็นระลอก ใจเต้นโครมครามแทบจะระเบิดพุ่งออกมา

เชี่ยแม่ง!

เลือดลมพุ่งตรงลงล่าง เซี่ยจื้อเกือบจะระเบิดออกมาจริงแล้ว 

เย่หลินลอยขึ้นไป เซี่ยจื้อก็ตามขึ้นเหนือน้ำไปด้วย

“ไม่เกี่ยวกับฉัน! นายกรรมตามสนองเอง!” 

เซี่ยจื้อพูดเสียงดัง ตากลมดิก เขารู้ว่าสภาพการณ์ของตนเองอันตรายมาก ยิ่งพยายามควบคุมไม่ให้กระแสเลือดไหลเร็วเท่าใด ก็ยิ่งเป็นการปลุกปั่นเหมือนให้น้ำในสระเดือดขึ้นมา

เย่หลินเห็นท่าทางของเขาแล้วก็หัวเราะฮะฮ่าขึ้นมา “นาย…นี่นายทำหน้าเหมือนถูกอันธพาลทำมิดีมิร้ายอะไรกันฮะ! ที่เสียคือฉัน ที่ได้คือนายต่างหาก!”

“อะไรนะ? ฉันได้อะไรนายฮะ!” เซี่ยจื้ออยากต่อยเย่หลินขึ้นมาจริงๆ

ทำไมเย่หลินถึงเป็นคนแบบนี้ไปได้? เย่หลินที่ยิ้มให้กับนักข่าวอยู่ในโทรทัศน์คนนั้นหายไปไหนแล้ว? เดือนแห่งโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัย T ผู้เป็นเด็กเทพสุภาพอ่อนโยนในตำนานคนนั้นไปไหนแล้ว?

“นายว่านายได้อะไรฉันล่ะ?”

เย่หลินใช้นิ้วเคาะลงที่ริมฝีปากหนึ่งที อากาศที่เดิมทีเย็นลงไปแล้วก็ร้อนลวกขึ้นมาใหม่ในฉับพลัน

เซี่ยจื้อขบฟัน “ถ้านายเล่นอีกฉันจะกดนายให้จมน้ำตาย”

“ใจเย็นๆ”

“เย็นห่าอะไร!”

“ฉันหมายถึงเย็น นั่น——” เย่หลินลากเสียงยาวเน้นย้ำ

“ก็เพราะฉันเห็นไอ้นั่นนาย ก็เลยเย็นมาก!” 

จู่ๆ เย่หลินก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรแล้ว เซี่ยจื้อขมวดคิ้ว

“นายกำลังคิดอะไรชั่วๆ อยู่อีก?”

“ฉันก็แค่รู้สึกว่า นายที่โมโหโวยวายแบบนี้ ก็น่ารักดี”

เย่หลินยิ้มบางๆ ในน้ำเสียงเจือความอิจฉาเซี่ยจื้ออยู่รางๆ

ดูท่าทางของเย่หลินแล้ว ความขวยเขินนิดๆ หน่อยๆ ของเซี่ยจื้อคงต้องโยนทิ้งไปไกลนอกอวกาศเสียแล้ว

จะเสียมากเสียน้อยก็เสียเหมือนกัน งั้นก็หน้าด้านไม่ต้องสนใจมันเลยแล้วกัน!

เป็นกางเกงว่ายน้ำตัวละห้าหยวนเหมือนกัน ทำไมของเย่หลินถึงไม่ขาด!

เขาถีบกางเกงว่ายน้ำที่ขาดแล้วลงมาตามขา ออกแรงว่ายไปหาเย่หลิน 

แน่นอนว่าเย่หลินรู้ความคิดของเขา ก็รีบหมุนตัวว่ายไปที่ขอบสระทันที

แล้วในเสี้ยววินาทีที่เย่หลินเกือบจะถึงขอบสระอยู่แล้วนั้น เซี่ยจื้อก็มาถึงหลังเขาแล้วเหมือนกัน เซี่ยจื้อคว้ากางเกงว่ายน้ำของเขาไว้หมับ

เซี่ยจื้อยันขาข้างหนึ่งไว้ที่ขอบสระข้างเอวของเย่หลิน ดึงกางเกงมาด้านหลัง!

เขาคาดหวังว่าจะได้ยินเสียงกางเกงว่ายน้ำของอีกฝ่ายขาด แต่ว่ากลับไม่มีประโยชน์อะไร

ความโมโหพุ่งพรวดขึ้นมา เซี่ยจื้อขึ้นจากน้ำออกแรงสูดหายใจเฮือก เย่หลินกลับไม่ได้ฉวยโอกาสขึ้นฝั่งไปแต่หมุนตัวกลับมา พิงขอบสระอย่างสบายอารมณ์

“นายคอยดูแล้วกัน!”

เซี่ยจื้อดำลงไปอีก ใช้สารพัดวิธีในการดึงกางเกงว่ายน้ำของเย่หลิน แต่มันก็ยังไม่ขาด!

เย่หลินก้มหน้ามองดูเซี่ยจื้อที่ใช้สารพัดวิธีอยู่ในน้ำ ในตอนแรกที่มุมปากก็ยังแต้มรอยยิ้มอยู่ แต่ตอนหลังก็อดส่งเสียงหัวเราะเหอะๆ ออกมาไม่ได้

ในขณะที่เซี่ยจื้อเดี๋ยวก็ดึง เดี๋ยวก็หมุนไปมาสามร้อยหกสิบองศาอยู่ในน้ำ มือของเย่หลินกลับเขี่ยเส้นผมของเซี่ยจื้อที่ลอยอยู่บนน้ำเล่นเบาๆ 

ปอยผมแฉลบผ่านปลายนิ้วกับซอกนิ้วของเย่หลินไปมาไม่หยุด รู้สึกคันยุบยิบอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ เย่หลินยื่นมือออกไปไม่รู้ตัว บิดหูของเซี่ยจื้อไปทีหนึ่ง

เซี่ยจื้อเดือดดาลเสียแทบตาย ถูกเย่หลินบิดหูแบบนี้ จึงได้สติคืนมาทันที

เขามุดขึ้นมาจากในน้ำ ปาดน้ำบนหน้าไปทีกล่าวดุดัน “นี่นายแม่งใส่กางเกงว่ายน้ำของตัวเองล่ะสิ? ไม่มีเหตุผลเลยที่ของฉันมันจะขาดง่ายเสียขนาดนั้น!”

พอเหลือบตาขึ้นมา เซี่ยจื้อถึงได้รู้สึกว่าตนเองอยู่ใกล้เย่หลินเกินไป อีกฝ่ายยิ้มอยู่นานมากแล้ว สีหน้าท่าทางที่เหมือนมองดูเด็กแบบนั้นทำให้เซี่ยจื้อไม่ชอบใจขึ้นมาจริงๆ

“ฉัน…ฉันคิดว่าถ้าทำนายโกรธหรือพูดอะไรไม่เข้าหูนายขึ้นมาก็คงมีประโยชน์สู้ทำกับกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวนี่ไม่ได้”

จู่ๆ เซี่ยจื้อก็ได้สติขึ้นมา ทำไมตนเองถึงได้งี่เง่าขนาดนี้นะ จึงออกแรงผลักเย่หลินไปทีแล้วกล่าวว่า “ไสหัวขึ้นไปเลย”

“ไม่แข่งแล้ว? ไม่ลองสักหน่อยละว่ารอบสุดท้ายจะเอาชนะฉันได้หรือเปล่า?”

เย่หลินไม่ได้ขึ้นไปบนฝั่ง หากแต่มองดูเซี่ยจื้อหมุนตัวเกาะบันไดขึ้นไป

น้ำไหลสวบลงมา เส้นกล้ามเนื้อที่เอวและแผ่นหลังของเขาราวกับงานศิลปะที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำ ช่วงเอวที่เว้าโค้งราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่างมาเติมเต็ม หมอนี่กำลังจะลุกขึ้นยืนโดยไม่มีการเตรียมป้องกันอะไรเลยแม้แต่น้อย

เย่หลินพิงอยู่กับสระว่ายน้ำไม่ขยับ แต่เขาเชิดหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว กระทั่งลมหายใจก็ยังขาดห้วงอยู่ในลำคอ

แต่ในเสี้ยวขณะนั้นเอง จู่ๆ เซี่ยจื้อก็ถอยกลับลงมาในน้ำ ดำมุดลงไปแล้วว่ายไปที่กลางสระ เขาไปหากางเกงว่ายน้ำที่ขาดแล้วสวมกลับเข้าไปเหมือนเดิม ผูกขอบกางเกงเป็นปมเอาไว้

แม้จะดูน่าตลกไปบ้าง แต่สิ่งที่เย่หลินอยากเห็นก็ถูกบดบังเอาไว้แล้ว

“กางเกงว่ายน้ำฉันกลายสภาพเป็นแบบนี้ไปแล้ว ว่ายห่าไรกันล่ะ ไม่อย่างนั้นนายถอดของนายมาให้ฉันใส่?”

“เครื่องขายที่ฝั่งนั้นก็ยังมีให้ซื้ออยู่” เย่หลินเชิดหน้า

เซี่ยจื้อหมุนตัวกลับมา ประกายในดวงตานั่นช่างเจิดจ้าชัดเจน

“จริงเหรอ? คงไม่ใช่ตัวละห้าหยวนหรอกมั้ง?”

“อือ”

“ห้าหยวนก็ห้าหยวน แต่ว่าฉันไม่มีเงิน” เซี่ยจื้อมองไปที่เย่หลิน

“สแกนจ่ายได้”

เย่หลินยันตัวขึ้นจากสระ เดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

เซี่ยจื้อจับกางเกงว่ายน้ำของตนด้วยมือเดียว เดินตามหลังเย่หลินไป

นึกไม่ถึงเลยว่าในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าจะมีเครื่องขายของอัตโนมัติตั้งอยู่เครื่องหนึ่งจริง เซี่ยจื้อก้มหน้าลงมาดู ยังมีกางเกงว่ายน้ำขายจริงๆ ด้วย!

เย่หลินหันหน้ามาทันเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจของเซี่ยจื้อนั้นแล้ว สายตาก็ไล่ลงมาตามท้ายทอยของเขา สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่กางเกงว่ายน้ำ แนวกล้ามเนื้อที่เอวทอดยาวเข้าไป เหลือเพียงส่วนเว้าที่ตรงนั้น

“รอบที่สาม นายจะแข่งอะไรกันแน่?” เซี่ยจื้อเชิดหน้า

“นายนี่แรงดีจริง” เย่หลินหัวเราะเบาๆ หนึ่งที “รอบสามไม่ใช่แปดร้อยเมตร แล้วก็ไม่ใช่ พันห้าร้อยเมตรด้วย ฉันให้โอกาสนาย ก่อนที่เราจะหมดแรงว่ายไม่ไหว ถ้านายว่ายนำหน้าฉันไปได้ ถือว่านายชนะ”

เซี่ยจื้อมองดูเย่หลิน ในขณะนั้นเขาไม่รู้ว่าเย่หลินกำลังล้อเล่นอยู่หรือไม่ หากว่าแค่เสี้ยววินาทีก็ยังนับละก็ นี่ก็คือการทดสอบทั้งแรงเร่งสปีดและความทรหดสองอย่างควบคู่กันเลย

อีกทั้งยังต่างจากแปดร้อยเมตรหรือไม่ก็หนึ่งพันห้าร้อยเมตรด้วย การแข่งขันในระยะทางขนาดกลางต้องใส่ใจกับการแบ่งพละกำลังอย่างเหมาะสม หากแต่ตามกฎกติกาการแข่งของเย่หลินนี่ พวกเขาจะต้องว่ายด้วยความเร็วสูงสุดตั้งแต่ตอนเริ่มต้น จนกระทั่งเรี่ยวแรงเหือดหาย ความเร็วก็จะลดลงไปเรื่อยๆ

ช่างเป็นการฆ่าตัวตายในน้ำโดยแท้

แต่ความบ้าระห่ำนี้กลับทำให้เซี่ยจื้อรู้สึกว่า นี่สิถึงเป็นเย่หลิน

เย่หลินที่อยากจะเอาชนะคู่แข่งแค่เพียงในระยะทางที่จำกัดมันธรรมดาสามัญเกินไป

“จะเอาไหม? ไม่เอาก็กลับบ้านไปทำโจทย์” เย่หลินเอ่ยปาก

แต่เซี่ยจื้อกลับตื่นเต้นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ เขาเคาะนิ้วลงไปที่บนกระจกของเครื่องขายของอัตโนมัติหนึ่งที “วีแชตฉันไม่มีเงิน นายช่วยซื้อให้ฉันก่อน เดี๋ยวฉันคืนให้นาย”

แม้จะเป็นคำตอบที่เย่หลินคาดไว้อยู่แล้ว ทว่าความดีใจที่ไม่มีปกปิดที่ก้นบึ้งนัยน์ตาของเซี่ยจื้อก็ทำให้เย่หลินดีใจตามไปด้วยเช่นกัน

เมื่อกฎกติกาทั้งหมดทั้งมวลถูกทำลายลง เมื่อการแพ้ชนะไม่ได้ตัดสินชี้ขาดด้วยกฎเกณฑ์สามัญอีกต่อไป นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หลินว่ายน้ำกับใครบางคนไม่ใช่เพื่อตัดสินแพ้ชนะ หากแต่เพราะรู้สึกอย่างแท้จริงว่า——การได้ว่ายน้ำกับคนคนนี้มันรู้สึกสุดยอดไปเลย

เย่หลินซื้อกางเกงว่ายน้ำกับแว่นตาว่ายน้ำใหม่ให้เซี่ยจื้อ เซี่ยจื้อถือกางเกงว่ายน้ำไปที่ฉากกั้น เย่หลินก็ยืนอยู่นอกประตูกั้นฉาก ได้ยินเสียงห่อพลาสติกถูกฉีกขาดดังมาจากด้านใน เขายังได้ยินกระทั่งเสียงดีดกางเกงว่ายน้ำสองที

“ถ้าสุดท้ายนายไม่มีแรงกลับไป ฉันไม่แบกนายหรอกนะ”

“ขอให้นายเก่งจริงอย่างที่ว่าก็แล้วกัน”

เย่หลินอยากรู้มากว่า เด็กผู้ชายคนนี้จะทำให้ตนเองรักษาสติสัมปชัญญะอยู่ในน้ำได้นานเพียงใดกันแน่?

แปดร้อยเมตร? หนึ่งพันเมตร? สองพันเมตร?

หรือว่าจะมีสติไปได้ตลอด?

ประตูถูกผลักเปิดออก เซี่ยจื้อถือแว่นตาว่ายน้ำเดินออกมา

นี่เป็นครั้งที่สามที่พวกเขาสองคนมายืนอยู่บนแท่นออกตัว

เซี่ยจื้อขยับหมุนลำคอ ก่อนหน้านี้พวกเขาว่ายไปแล้วห้าร้อยเมตร เรี่ยวแรงเหือดหายไปไม่มากก็น้อย การแข่งขันที่ไม่มีกฎกติกาครั้งนี้ บางทีแล้วก็อาจจะดำเนินไปได้ไม่นานเท่าไรนัก

แต่พอลงน้ำ ก็มีแต่พละกำลังอันมหาศาล ผิวน้ำถูกกระแทกสาดกระเซ็น ฟองอากาศยังไม่ทันหล่นกลับลงมา คลื่นระลอกที่สองก็ซัดขึ้นมาแล้ว

พละกำลังมหาศาลในน้ำของเย่หลินพุ่งขึ้นหน้าไปอย่างแข็งแกร่ง หัวใจของเซี่ยจื้อที่สัมผัสกับทั้งหมดทั้งมวลนี่ได้ก็บีบแน่นขึ้นเป็นพักๆ ทุ่มเรี่ยวแรงไล่ตามติดไป

ว่ายไปแล้วห้าสิบเมตรแรก เซี่ยจื้อก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เรี่ยวแรงจะเหือดหายไป

ห้าสิบเมตรที่สอง ความเร็วก็ลดลงมา แต่แม้เช่นนี้เย่หลินก็ยังคงนำหน้าเซี่ยจื้ออยู่เหมือนเดิม ยิ่งว่ายต่อไปก็ยิ่งต้องการออกซิเจน

หลังจากว่ายไปกลับกี่รอบก็ไม่รู้ ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายหนักขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งการแหวกน้ำก็ยังไม่ได้ดังใจ

ความเร็วของเซี่ยจื้อลดลงเรื่อยๆ ความเหนื่อยล้าจู่โจม ทุกท่าทางของร่างกายต่างถูกขับเคลื่อนไปด้วยสัญชาตญาณ

เซี่ยจื้อกำลังคอยอยู่ เขารู้ว่าจุดจบของการประลองสนามนี้ไม่ใช่การจมลง หากแต่เป็นการเริ่มต้นของรูปแบบใหม่

แม้การรักษาสมดุลจะยากเย็นเพียงนั้น แต่กระแสน้ำที่ทะลักเข้ามาจากช่องว่ายด้านข้างก็ทำให้เย่หลินตื่นตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

การแหวกน้ำของเด็กชายช้าลงแล้ว นี่จึงยิ่งทำให้เย่หลินสามารถสัมผัสถึงทุกอิริยาบถในท่วงท่าของเขาได้อย่างละเอียดขึ้นด้วยเช่นกัน นั่นคือความทรหดอดทนอันสมบูรณ์แบบ มีพละกำลังและความสมดุลอย่างหนึ่งที่หลงเหลือหลังจากการเร่งความเร็วเหือดหายไปหมดแล้ว

ดูเหมือนหมดแรง แต่กลับแฝงด้วยความยิ่งใหญ่ที่รู้อยู่ว่าทำไม่ได้แต่ก็ยังยืนหยัดที่จะทำ

ครั้งแรก เซี่ยจื้อสัมผัสได้ว่าตนเองเข้าไปในดินแดนหนึ่ง นั่นคือดินแดนของเย่หลิน ในห้วงความคิดเขามีเสียงหนึ่งดังขึ้น——ก็คือเสี้ยวขณะนั้น!

นี่เป็นการเร่งความเร็วครั้งสุดท้ายของเขา——เขาเหยียดแขนออกไปแหวกน้ำ นำเย่หลินไปได้!

เสี้ยวขณะนั้น การเต้นของหัวใจ การหายใจ กระแสน้ำก็ราวกับจะหยุดนิ่งไปหมดเสียอย่างนั้น

มีเพียงเซี่ยจื้อที่ยังคงมุ่งหน้าต่อ

มือของเขาแตะที่ขอบสระ ลมหายใจที่เก็บกลั้นเอาไว้พ่นออกมา เขาสำลักน้ำ

เย่หลินที่อยู่ด้านข้างว่ายเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตัวเขาเองก็ไม่มีเรี่ยวแรงอะไรแล้วเช่นกัน แต่กลับดันเซี่ยจื้อให้ขึ้นไปเหนือน้ำ สองมือของเซี่ยจื้อเกาะอยู่ที่ขอบสระ เพิ่งจะหายใจไปได้เฮือกหนึ่งก็หล่นร่วงกลับลงมาในน้ำอีก

สองคนไม่มีกระทั่งเรี่ยวแรงจะหายใจ หน้าอกราวกับถูกน้ำบีบอัดอยู่

เย่หลินนอนแผ่ลงไปในน้ำเลย ก่อนจะค่อยๆ ลอยขึ้นมา เซี่ยจื้อเกาะทุ่นลอยน้ำ ในที่สุดก็สูดหายใจเข้าไปได้เฮือกหนึ่ง

นี่เป็นครั้งแรกที่ว่ายน้ำว่ายเสียจนเกือบตาย

ในหูมีแต่เสียงดังหึ่งๆ หัวใจเต้นจนแทบกระดอนออกจากอก จากนั้นก็ระเบิดออกเป็นดอกไม้สีเลือด

ไม่มีใครมีเรี่ยวแรงที่จะขึ้นฝั่งเลย อย่างน้อยก็นาทีกว่าที่เย่หลินลอยอยู่ในน้ำโดยไม่ขยับเขยื้อนตัวเลย

เซี่ยจื้อไม่มีแรงจะเอ่ยปากพูด เขาคิดจะยกมือขึ้นคว้าข้อเท้าเย่หลินแล้วลากเขามาที่ข้างตัว หากแต่กระทั่งแรงจะยกมือก็ยังไม่มี

เวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิดทีละน้อย เซี่ยจื้อรู้สึกว่าน้ำเย็นขึ้นเรื่อยๆ นี่แสดงให้เห็นว่าพละกำลังของเขาเหือดหายไปหมดแล้ว อยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

เซี่ยจื้อถีบน้ำไป ลากข้อเท้าของเย่หลินเข้ามา

จู่ๆ เย่หลินก็ขยับตัวพลิกตัวกลับ ว่ายช้าๆ ไปที่บันไดข้างสระ พวกเขาต่างไม่มีแรงยันตัวขึ้นสระแล้ว

ตอนที่เหยียบขึ้นบันได เย่หลินเซอย่างเห็นได้ชัด

เจ้าหมอนี่ยังมีแรงขึ้นไปอีก แต่เซี่ยจื้อไม่มีแรงกระทั่งจะจับบันได

เย่หลินนั่งอยู่บนบันไดขั้นสุดท้ายพลางกวักมือมาทางเซี่ยจื้อ เซี่ยจื้อแหวกน้ำไปอย่างอืดอาดสุดๆ เขาไม่ได้ให้เย่หลินช่วยดึงแต่ขึ้นไปเอง

พอขึ้นจากน้ำได้ตัวก็อ่อนปวกเปียกเหมือนดินโคลน เกือบล้มแผละลงไป

เซี่ยจื้อเดินไม่ไหวแม้แต่ก้าวเดียว จึงนอนฟุบลงไปบนพื้นกระเบื้อง ไม่ว่าจะหนาวหรือไม่หนาวเขาก็ลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว

เย่หลินก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร นอนลงที่ข้างเซี่ยจื้อด้วย

หน้าอกสองคนขยับขึ้นลงต่อเนื่องกันเป็นระลอก พื้นกระเบื้องเย็นจนเสียดแทงกระดูก เซี่ยจื้อพยายามออกแรง แต่ก็ยังลุกไม่ขึ้นอยู่ดี

เขากำลังจะตาปิด กระทั่งกระดูกก็ยังสั่นสะท้านอยู่

ตั้งแต่เล็กจนโต ต่อให้จะว่ายตามหลังบิดาที่เรี่ยวแรงแข็งแกร่งไม่ธรรมดาอยู่ทั้งวัน เซี่ยจื้อก็ยังไม่รู้สึกว่าตนเองเหมือนตายไปแล้วเช่นนี้

“หนาวไปแล้ว…ลุกขึ้น…” เย่หลินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากกล่าว

“เก่งจริง…นายก็ลุกขึ้นให้ดูสิ…” เซี่ยจื้อคิดจะหลับไปทั้งแบบนี้

นึกไม่ถึงว่าเย่หลินที่อยู่ด้านข้างจะเซไปเซมาลุกขึ้นได้จริงๆ

เซี่ยจื้อลืมตาขึ้นมามองเย่หลินจากมุมนี้ โดยเฉพาะในบางแห่ง ช่างแข็งแกร่งทรงพลังเสียจริงเลย…

มีความรู้สึกบางอย่างบอกว่าสู้อีกฝ่ายไม่ได้ เซี่ยจื้อจึงฮึดฮัดลุกขึ้นยืน แข็งใจเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ล้มแผละลงบนเก้าอี้ผ้าใบข้างสระอย่างยินยอมรับชะตา

เย่หลินหัวเราะหนึ่งที เดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปช้าๆ ผ่านไปได้ไม่นานก็ออกมา ดูท่าเขาน่าจะซื้ออะไรบางอย่างจากเครื่องขายของอัตโนมัติอีกแล้ว ที่แขนพาดเสื้อโค้ทของเขากับเซี่ยจื้อที่โยนไว้บนเก้าอี้ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

เย่หลินโยนเสื้อโค้ทของเซี่ยจื้อลงบนหน้าเขา เซี่ยจื้อค่อยๆ สวมเสื้อโค้ทคลุมช้าๆ จากนั้นก็เล็งไปที่ขนมสนิกเกอร์สที่ถืออยู่ในมือของเย่หลิน 

ฉับพลัน ความกระหายต่อพลังงานก็ทำให้เซี่ยจื้อใช้แรงเฮือกสุดท้าย แย่งขนมสนิกเกอร์สมาจากในมือของเย่หลิน

“นายนี่มันนิสัยเสียพอตัวเลย” เย่หลินไม่แย่งกลับ ก้มหน้ามองเขาอยู่เช่นนี้

นิ้วมือของเซี่ยจื้อยังสั่นอยู่เลย เขาจะฉีกซองขนมก็ฉีกไม่ได้

“เอามา” เย่หลินกระดิกนิ้วมือมาทางเขา

“ไม่ให้” เซี่ยจื้อตอบในทันที

เขาอ้าปากกัดที่ริมห่อ นิ้วจับสนิกเกอร์สแน่น พอหมุนคอก็ได้ยินเสียง ‘แควก’ ห่อเปิดออกมาแล้ว

ใบหน้าของเซี่ยจื้อเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา มือที่จับอยู่ด้านล่างห่อขนมก็ดันๆ ชิ้นขนมขึ้นบน จากนั้นก็กัดไปคำโต ขนมสนิกเกอร์สแท่งยาวทั้งแท่ง…ก็หายไปสองในสามส่วนแล้ว

เซี่ยจื้อแก้มป่อง รสหวานเข้มข้นทำให้เวลานี้เขารู้สึกสบายตัวสบายใจ ราวกับว่านี่เป็นเสี้ยววินาทีแห่งความสำเร็จ

เย่หลินมองดูท่าทางของเขานั่นแล้ว ก็หัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้

เซี่ยจื้อไม่ได้กินจนหมด โยนสนิกเกอร์สที่เหลือมาให้เย่หลิน

เย่หลินเปิดออก มองเห็นรอยฟันเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย มีเสียงเซี่ยจื้อดังมาที่ข้างหู “ถ้ารังเกียจ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าจะต้องกินหมด”

“ฝันไปเถอะ”

เย่หลินกินที่เหลือลงไปในคำเดียว

ไม่เหมือนเซี่ยจื้อที่ไม่มีแรงจะฉีกห่อ เย่หลินฉีกห่อพลาสติกผ้าขนหนูว่ายน้ำแบบใช้ครั้งเดียวออก คลี่มันให้แผ่ออกมา ก้มตัวลงขยี้ลงบนศีรษะของเซี่ยจื้อ

“ลุกขึ้น เช็ดหัวนายให้แห้ง”

ชั่วขณะนั้น เซี่ยจื้อก็รู้สึกผิดขึ้นมา

เย่หลินแสดงด้านที่โตกว่าเซี่ยจื้อออกมาให้เห็น ใจกว้างแล้วยังรู้จักดูแลคนอื่น

“นายจะเช็ดผืนเดียวกันเหรอ?”

“เหลือแค่ผืนเดียวแล้ว”

“งั้นก็อย่าให้ฉันหมดเลย นายก็รีบเช็ดด้วยสิ”

“งั้นนายก็เช็ดครึ่งนี้ อีกครึ่งเหลือไว้ให้ฉัน”

เซี่ยจื้อรับเอาผ้าขนหนูมา กำลังขยี้อยู่บนศีรษะ นึกไม่ถึงว่าเย่หลินกลับเขี่ยผ้าขนหนูอีกครึ่งขึ้นมา

ราวกับพื้นที่ถูกแบ่งออกจากกันด้วยผ้าขนหนูบางๆ ผืนนี้ พอเซี่ยจื้อเหลือบตาขึ้นมาก็เห็นเย่หลิน พออีกฝ่ายหันหน้าเข้ามาใกล้ ในพื้นที่คับแคบนี้ก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่เป็นของเย่หลิน

เป็นกลิ่นอ่อนมาก อ่อนมากๆ ที่อธิบายไม่ถูก

เย่หลินหันหน้ามา ท่าทางนั่นเหมือนกับจะเข้ามาจูบเสียอย่างนั้น ขนตาที่เปียกชื้นเหมือนจะสะบัดคราบน้ำใส่ตาของเซี่ยจื้อ

เสี้ยววินาทีนั้น เซี่ยจื้อก็นึกถึงสัมผัสที่ริมฝีปากของเย่หลินชนกับตัวเอง อ่อนละมุนชุ่มชื่น กั้นอยู่ด้วยเส้นใยของผ้า เหมือนจะสูบเลือดของเซี่ยจื้อไปจนหมด

พลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอีก

เซี่ยจื้อปล่อยมือออก ยกผ้าขนหนูให้เย่หลินไปหมด

“มีแรงหรือยัง? มีแรงแล้วก็กลับ วันนี้ฉันยังไม่ได้ดูนายทำโจทย์สักข้อเลย”

“ไม่หรอกมั้ง? นี่นายยังจะมีแรงมาเฝ้าฉันทำโจทย์อีกเหรอ?”

เหนื่อยขนาดนี้แล้ว ไม่ควรจะกลับไปนอนหรือไง?

“จากประสบการณ์ของฉัน ตอนที่เหนื่อยจนถึงระดับหนึ่ง กลับจะทำให้คนตื่นตัวมีสติได้ต่างหาก” เย่หลินกล่าว

เซี่ยจื้อก็รู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆ แล้วเหมือนกัน จึงตะกายลุกขึ้นมาจากเก้าอี้นั่งตามเย่หลินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

น้ำร้อนที่สระว่ายน้ำปิดไปตั้งนานแล้ว พวกเขาต่างรู้ใจหันหลังให้กัน เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพูดอะไร

เซี่ยจื้อเพิ่งจะสวมกางเกงขึ้นมา ยังไม่ทันยืนตรงเลยด้วยซ้ำก็ถูกเย่หลินขยี้ผมไปทีหนึ่ง

“ยังเปียกอยู่นี่ ไปเถอะ ไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของผู้หญิงกัน”

“อะไรนะ? ไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิงทำไม?” เซี่ยจื้อเบิกตาโตมองเย่หลิน

เย่หลินอดขำไม่ได้ “ในสมองนายคิดอะไรอยู่กันฮะ? ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิงมีไดร์เป่าผมไง!”

“อ๋อ…อย่างนี้นี่เอง”

อย่างไรเสียทั้งสระว่ายน้ำนอกจากพวกเขาสองคนก็ไม่มีคนอื่นอีก เซี่ยจื้อเดินตามเย่หลินเข้าไปในไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของผู้หญิงอย่างรวดเร็ว

สองคนยืนเป่าผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

พอเดินออกมาจากสระว่ายน้ำ ลมยามดึกก็พัดเอาความเย็นมา เซี่ยจื้อรู้สึกดีใจขึ้นมาอีกครั้งที่พวกเขาเป่าผมแห้งแล้วถึงออกมา

ขณะมองดูเย่หลินเดินไปคืนกุญแจที่ห้องเฝ้ายามของสระว่ายน้ำ จู่ๆ เซี่ยจื้อก็รู้สึกขึ้นมาว่า เย่หลินไม่ได้อยู่ห่างไกลเสียขนาดนั้น

กระทั่งว่ายังมีความรู้ใจบางอย่างที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรด้วย

เช่นว่าพอพวกเขาเดินออกมาจากสระว่ายน้ำ ก็มองไปที่แมคโดนัลด์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ได้นัด ตัวหนังสือ “24 ชั่วโมง” ที่ติดไว้ด้านบนไม่เคยสวยงามขนาดนี้มาก่อนเลย

เซี่ยจื้อเลียมุมปากทีหนึ่ง แม้สนิกเกอร์สจะหวานมาก แต่ก็ไม่อาจทำให้ท้องอิ่มได้

เย่หลินไม่พูดอะไรเช่นกัน ก็เดินเข้าไปในนั้นเลย

สองคนยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์สั่งอาหาร เย่หลินพูดออกมาว่า “เอาแฮมเบอร์เกอร์สิบอัน บิ๊กแมค”

พนักงานที่เดิมทีกำลังง่วงเหงาหาวนอนอยู่ก็ตกใจตื่นทันที เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่วินาทีที่เห็นเย่หลินกับเซี่ยจื้อ ผู้ชายรูปร่างใหญ่สองคนจะกินมากขนาดนี้ก็ไม่ได้เกินไปนักหรอก

เย่หลินยกถาดอาหารมานั่งลงใกล้ๆ สองคนไม่พูดอะไรสักคำ เปิดห่อออกแล้วก็กินทันที

เซี่ยจื้ออ้าปากกัดสิ่งที่เรียกว่า “บิ๊กแมค” ไปหนึ่งในสามส่วนเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น

พอเขาเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปทางเย่หลินแวบหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่ยังมีอารมณ์สุนทรีย์มาบีบซอสมะเขือเทศใส่แฮมเบอร์เกอร์อยู่อีก?

หากแต่จัดการกับแฮมเบอร์เกอร์สิบชิ้น พวกเขาใช้เวลาไปไม่ถึงห้านาที

พอกินอิ่มแล้วเซี่ยจื้อก็พิงพนักเก้าอี้ เป่าปากฟู่ออกมา

รู้สึกอิ่มเอมใจเป็นที่สุด

เย่หลินหัวเราะออกมาเบาๆ “ไปเถอะ กลับบ้าน”

เขาเดินออกมาที่นอกประตูร้านแมคโดนัลด์ เซี่ยจื้อตามไปเห็นเย่หลินยืนอยู่ใต้ไฟข้างทาง หันข้างล้วงเอาบุหรี่กล่องหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า เขย่าๆ ออกมา

ท่าทางสบายๆ ไม่ยี่หระ

เซี่ยจื้อขมวดหัวคิ้ว เขาไม่ได้ตำหนิที่เย่หลินเป็นนักกีฬาแล้วยังสูบบุหรี่ แต่กลับถามว่า “บุหรี่นี่มีอะไรเป็นพิเศษ?”

เย่หลินหรี่ตาสูดไปเฮือกหนึ่ง นิ้วที่คีบบุหรี่อยู่กระดิกเรียกเซี่ยจื้อ

เซี่ยจื้อเพิ่งจะเดินเข้าใกล้ จู่ๆ เย่หลินก็เป่าควันออกมาใส่หน้าเขา

ในดวงตาเขาเป็นสีของฟ้ายามราตรี แววตาผ่อนคลาย หากแต่รอยยิ้มกลับแฝงด้วยรสชาติอย่างชายหนุ่ม

ควันบุหรี่ลอยขึ้นไปที่ปลายจมูกปลายผมของเซี่ยจื้อ

เดิมทีเย่หลินคิดว่าเซี่ยจื้อจะขมวดคิ้วถอยหลังหนีเหมือนเจอกับสัตว์ร้ายภัยพิบัติ แต่เซี่ยจื้อกลับเอาแต่มองเขาอยู่ตลอด ยื่นศีรษะเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ กระทั่งยังสูดหายใจดมๆ ด้วย

“นี่คืออะไร? ดูเหมือนจะมีกลิ่นของสมุนไพรด้วย?”

เย่หลินหลุบตาลงมองดูปลายจมูกของเซี่ยจื้อ ไม่รู้ว่าตกลงแล้วจะดมกลิ่นบุหรี่หรือว่าดมกลิ่นแผงอกของเขากันแน่ ก็สะกดกลั้นความวู่วามที่จะผลักอีกฝ่ายออกไป

“นายไม่กลัวฉันใช้นิโคตินมอมนายเหรอ?”

“ว่ายกับนายมาทั้งวัน สมรรถภาพร่างกายของนายยังอยู่ในจุดสูงสุด ก็แสดงว่านายไม่ได้ทิ้งการว่ายน้ำไป ในเมื่อไม่ได้ทิ้งนายก็ไม่มีทางจะทำเรื่องที่ทำร้ายร่างกายตัวเองหรอก รวมถึงการสูบบุหรี่ด้วย” เซี่ยจื้อตอบเรียบเฉย

“บุหรี่ชนิดนี้ทำให้สมองฉันตื่นตัว”

“อ๋อ”

“หอมไหม?” เย่หลินเป่าใส่เซี่ยจื้อไปอีกที

“ไม่หอมเท่ากลิ่นแฮมเบอร์เกอร์”

เย่หลินหัวเราะ

น่าจะเพราะในบุหรี่เป็นสมุนไพรจีน เผาไหม้เร็วมาก ไม่ถึงนาทีก็เหลือแค่ก้นบุหรี่แล้ว เย่หลินดีดนิ้ว ก้นบุหรี่ก็หล่นลงไปในถังขยะ

เซี่ยจื้อสอดมือล้วงกระเป๋าไม่พูดอะไรอีก ทว่าในใจกลับดีใจขึ้นมานิดหน่อย เพราะเย่หลินไม่ได้สูบบุหรี่ประเภทที่ทำลายสุขภาพ เพียงแต่บุหรี่สมุนไพรจำพวกนี้มีผลข้างเคียงอะไร ในเมื่อเย่หลินไม่พูดเซี่ยจื้อก็ไม่คิดว่าจำเป็นต้องถาม

ลมพัดเอาปอยผมที่หน้าผากของเซี่ยจื้อปลิวขึ้นมา เย่หลินหันหน้ามาก็มองเห็นรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าเย็นเยียบเป็นน้ำแข็งของเซี่ยจื้อได้ในปราดเดียว

“ขอบใจ”

“หา?” เซี่ยจื้อมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ขอบใจที่นายเป็นห่วงที่ฉันสูบบุหรี่”

“ฉันเปล่า” เซี่ยจื้อปฏิเสธทันควัน

“อ้อ นายเปล่า”

“ก็ฉันเปล่าไง!”

“อือ นายเปล่า”

เส้นเลือดบนหน้าผากเซี่ยจื้อเต้นตุบๆ อดกลั้นความวู่วามอยากอัดเย่หลิน

เย่หลินเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง กลับมาถึงบ้านก็สี่ทุ่มพอดี

“ฉันจะอธิบายโจทย์ให้นายฟังชั่วโมงหนึ่ง นายต้องเรียกสติตัวเองขึ้นมา”

เย่หลินเปิดโคมไฟของเซี่ยจื้อ ลากเก้าอี้ออกมาให้เซี่ยจื้อนั่ง

พอเซี่ยจื้อนั่งลงไปแล้ว แม้ใบหน้าจะไม่แสดงสีหน้าอารมณ์อะไร แต่กลับถอนใจเฮือกออกมา

แน่นอนว่าเย่หลินจับปฏิกิริยาเล็กน้อยของเขาได้อยู่แล้ว

“เซี่ยจื้อ อันที่จริงแล้วเกาเข่ากับการว่ายน้ำก็เหมือนกัน”

“ฉันอนุญาตให้นายว่าคำคมมาได้เลย แต่ฉันจะฟังไหมก็เป็นสิทธิ์ของฉัน” เซี่ยจื้อเหลือบตามองเย่หลินแวบหนึ่ง

“ห้าสิบเมตร นายไม่ชนะฉัน หนึ่งร้อยเมตร แล้วก็สี่ร้อยเมตรนายก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้ แต่พอฉันไม่จำกัดเวลากับระยะทางนาย นายชนะฉัน”

เสี่ยวขณะนั้น จู่ๆ เซี่ยจื้อก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา การประลองสามครั้งของเขากับเย่หลิน หนึ่งร้อยเมตรกับสี่ร้อยเมตรต่างก็ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง รอบสุดท้ายนั่นต่างหากถึงใช่

“ตอนที่นายสร้างขีดจำกัดให้ตัวเองว่าเป็นห้าสิบเมตร ความเป็นไปได้ที่นายจะชนะฉันน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย พอเปลี่ยนเป็นหนึ่งร้อยเมตร โอกาสที่จะชนะของนายก็เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ตอนสี่ร้อยเมตรก็น่าจะราวๆ ขนาดนี้” เย่หลินใช้นิ้วมือทำท่าประกอบ

“ครั้งสุดท้ายนายยอมให้ฉันเหรอ?” เซี่ยจื้อเลิกคิ้วขึ้น มองตรงเข้าไปในดวงตาของเย่หลิน

เย่หลินใจกระตุกวูบเพราะอีกฝ่าย

“ฉันไม่ได้ยอมให้นาย นายรู้ไหมว่าตอนที่นายว่ายชนะฉันได้น่ะ ว่ายไปแล้วกี่เมตร?”

“แปดร้อยเมตร?” เซี่ยจื้อประมาณโดยคร่าวๆ แล้วถาม

“ไม่ใช่”

“งั้นมากสุดก็หนึ่งพันห้าร้อย” เซี่ยจื้อหวนนึกไปถึงความรู้สึกที่ตัวเองเกือบตาย

“ไม่แค่นั้น” เย่หลินยิ้มมีเลศนัย

“สองพันเมตร?”

“สองพันสี่ร้อยเมตร” เย่หลินตอบ

“สองพันสี่ร้อยเมตร” คำตอบนี้มาหยุดอยู่ในหัวใจของเซี่ยจื้อ

นี่เป็นระยะทางที่เกินจากที่เขาคาดไว้ไปไกลลิบ

“เป็น…เป็นไปไม่ได้มั้ง…ความเร็วของเรานั่น ว่ายไปได้ตั้งสองพันกว่าเมตร?”

เซี่ยจื้อคิดว่าเย่หลินอาจจะนับผิดหรือเปล่า

พวกเขาใช้วิธีการว่ายที่ทำให้พละกำลังเหือดหายไปได้อย่างเร็วที่สุด

“เพราะฉะนั้นเวลาที่นายไม่ตั้งขีดจำกัดอะไรให้กับตัวเอง โอกาสชนะของนายก็จะยิ่งไร้ขีดจำกัด เวลาที่นายไม่ไปตั้งขีดจำกัดความสามารถตัวเองเอาไว้ล่วงหน้า นายยังสามารถว่ายได้ไกลกว่าที่ตัวนายเองจินตนาการไว้เสียอีก เกาเข่าก็เป็นแบบนี้ ตัวอย่างข้อสอบทุกแผ่นก็เป็นแค่การแข่งห้าสิบเมตร การสอบรายเดือนทุกครั้งก็เป็นแค่การแพ้ชนะที่หนึ่งร้อยเมตร ถ้าหากนายจะยอมแพ้แค่ที่ ห้าสิบเมตรกับหนึ่งร้อยเมตร งั้นมันก็ไม่มีความเป็นไปได้ต่อจากนี้แล้ว”

หัวใจของเซี่ยจื้อรู้สึกร้อนขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ จู่ๆ เขาก็เข้าใจอะไรๆ ขึ้นมา การแข่งขันในคืนนี้ เย่หลินน่าจะวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจเป็นติวเตอร์ให้เขา

ใช้สิ่งที่เขารักและหลงใหลมาชักจูงให้เขาขยันและทุ่มเทในอีกเรื่องที่เขาเบื่อหน่าย คงมีแต่เย่หลินเท่านั้นที่จะทำแบบนี้

“อย่าเอาเวลามาชี้วัดตัดสินความสามารถของตัวเอง แล้วก็อย่าเอาคนอื่นมาตัดสินตัวนายเองด้วยเช่นกัน นายไม่เหมือนใครทั้งนั้น”

“ไม่เหมือนตรงไหน?”

“นายมีฉัน”

สามคำนี้เย่หลินพูดเบามาก

แต่เซี่ยจื้อรู้ว่าเขาจริงจัง

เซี่ยจื้อนึกถึงตอนเด็กที่ไล่ตามก้นบิดา ถามว่าหากเขาไม่ได้ไปฝึกอบรม ไม่ได้ไปทีมว่ายน้ำอะไรเลย ต่อไปจะคว้าแชมป์โลกได้ไหม

บิดายิ้มกล่าวว่า “ลูกไม่เหมือนพวกเขา ลูกมีพ่อ”

เซี่ยจื้อตาแดงขึ้นมาในบัดดล

เขาก้มหน้าลงไปทันที

เย่หลินหยิบเอาตัวอย่างข้อสอบของเซี่ยจื้อมาเปิดออกต่อหน้า เซี่ยจื้อก็ยังคงก้มหน้าไม่ได้สติคืนมาอยู่ เย่หลินลูบคางตัวเองแล้วกล่าว “เซี่ยจื้อ แบบนี้ก็แล้วกัน ถ้านายทำการบ้านตั้งแต่ศุกร์นี้จนถึงศุกร์หน้าเสร็จเรียบร้อยดี วันอาทิตย์หน้าฉันจะพานายไปมหา’ลัยหนานเฉิง”

“ฉันไม่ได้อยากสอบเข้ามหา’ลัยหนานเฉิงสักหน่อย”

จะทำโปรแกรมเที่ยวครึ่งวันมหา’ลัยหนานเฉิงอะไรกัน?

เซี่ยจื้อไม่กระทั่งเหลือบตาขึ้นมา

“ทีมว่ายน้ำม.Q เรามีแข่งนัดอุ่นเครื่องกับมหา’ลัยหนานเฉิง เพื่อนในทีมคนหนึ่งของฉันข้อเท้าได้รับบาดเจ็บ นายลงแข่งว่ายผลัดฟรีสไตล์ สี่คูณร้อยเมตรแทนเขาได้”

“อะไรนะ?” เซี่ยจื้ออึ้งตะลึงไป

เขาอยากว่ายน้ำ อยากลงแข่งขันมาตลอด

ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย Q หรือว่ามหาวิทยาลัยหนานเฉิง ต่างก็เป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งของการแข่งขันในระดับมหาวิทยาลัย ต่อให้เป็นการแข่งอุ่นเครื่องก็ยังอยู่ในขั้นฝีมือสูงมากอยู่ดี “นายไม่อยากไปเหรอ?” เย่หลินหันหน้ามา แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย รอยยิ้มที่เดิมเอื่อยเฉื่อยของเขามีความหยอกเย้าเจือเพิ่มมาอยู่บ้าง

“แล้วถ้าฉันไม่ทำการบ้านให้ดีๆ ล่ะ?”

นี่เย่หลินคิดว่าเขาเป็นเด็กน้อยงั้นเหรอ ทำการบ้านเสร็จให้รางวัลเป็นการไปเที่ยวสวนสนุก

“งั้นก็ไม่ต้องไปไง”

“แล้วนายล่ะ? นายจะลงแข่งนัดอุ่นเครื่องนั้นด้วยไหม?”

เซี่ยจื้อสอดมือล้วงกระเป๋า ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ราวกับไม่สนใจข้อเสนอของเย่หลิน

แต่ในใจกลับอยากรู้มากว่า เย่หลินจะกลับมาลงแข่งขันแล้วใช่หรือไม่

“เอ่อ…ฉันน่ะเหรอ…” เย่หลินหลับตาลง เหมือนกำลังครุ่นคิด

เขาไม่พูดอะไร พาให้เซี่ยจื้อใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ถ้าฉันพานายไป ฉันก็ต้องลงแข่งอยู่แล้ว แต่ถ้าหากนายทำตามกฎในการเรียนที่ฉันตั้งไว้ไม่ได้ วันอาทิตย์หน้าเราก็อยู่เรียนหนังสือกันดีๆ ที่นี่แหละ”

“นายก็จะไม่ไปแข่งนัดอุ่นเครื่องเหรอ?” เซี่ยจื้อขมวดคิ้วขึ้นมา

“ฉันจะไปได้ยังไง? ฉันต้องจับตาดูนายทำตัวอย่างข้อสอบกับทำการบ้าน”

“เดิมทีนายก็ไม่ได้สนใจว่าจะไปหรือไม่ไปอยู่แล้วไหม อย่าเอาเรื่องที่นายไม่ลงแข่งมาโทษฉันเลย”

“แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากฉันไปก็เป็นเพราะนาย”

เย่หลินกางข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ของเซี่ยจื้อออกมา ดูท่าจะลงมือสอนเซี่ยจื้อขึ้นมาจริงๆ แล้ว

แต่ในสมองเซี่ยจื้อกลับมีแต่เสียงดังหึ่งๆ เพราะคำพูดนั้นของเย่หลินที่ว่า “ก็เพราะนาย”

รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองไม่ได้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่เสียขนาดนั้น แต่พออีกฝ่ายพูดมาเช่นนี้ ใจของเขาก็เต้นโครมครามขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

เย่หลินติวเลขให้เซี่ยจื้อไม่ได้ทำตามกรอบตามเกณฑ์ แต่ทำโจทย์ไปพลางก็เรียบเรียงหัวข้อความรู้ที่เกี่ยวข้องลงบนกระดาษทดไปพลาง อธิบายหัวข้อความรู้ตั้งแต่ชั้นมัธยมสี่จนถึงตอนนี้ไปหนึ่งรอบ วาดเป็นขอบเขตเนื้อหาตามตรรกะออกมาให้เซี่ยจื้อได้ในระยะเวลาอันสั้น

อีกทั้งเขายังสามารถหาโจทย์ที่มีหัวข้อทดสอบใกล้เคียงกันทั้งหมดออกมาจากข้อสอบได้อย่างรวดเร็วรวมแล้วให้เซี่ยจื้อฝึกทำ

ปกติเวลาเรียนเซี่ยจื้อจะใจลอยแล้วจะงีบหลับ แต่พอถูกเย่หลินจับตาดูเช่นนี้ เซี่ยจื้อคิดจะวอกแวกก็เป็นอะไรที่ยากมาก

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังดูไม่เป็นความจริงเสียยิ่งกว่าการแข่งขันในสระว่ายน้ำโรงแรมนั่นเสียอีก

พอมาถึงเรื่องเรขาคณิตสามมิติ เส้นแนวแกนของเย่หลินก็เข้ามาในสมองของเซี่ยจื้อ ไม่เสียชื่อจอหงวนสายวิทย์ของปีนั้นเลยจริงๆ 

ถึงห้าทุ่มโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำตัวอย่างข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์เสร็จเรียบร้อยไปหนึ่งแผ่นพอดี

“โอเค รีบนอน พรุ่งนี้เรามาดูฟิสิกส์ เคมี ชีวะกันสักหน่อย”

เย่หลินลุกขึ้นยืน หลับตาลงพลางบิดขี้เกียจ

ลำตัวเขายืดยาวออกมา เหมือนสัตว์ร้ายตัวหนึ่งที่เกียจคร้านแต่ก็สามารถอาละวาดได้ตลอดเวลา หากแต่บนใบหน้ากลับไม่มีการข่มขู่คุกคามเลยแม้แต่น้อย

เซี่ยจื้อไม่เข้าใจว่า คนคนหนึ่งจะรวมเอาอำนาจที่ดูห้าวหาญกับความสุภาพดูมีการศึกษาสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงไว้ได้อย่างไร

แล้วในตอนที่เซี่ยจื้อครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆ เย่หลินก็ก้มหน้าลงมาพูดที่ข้างหูเขาว่า “ให้ฉันส่งให้ไหม?”

“หา? อะไรนะ?” เซี่ยจื้อคิดไม่ทัน

“รูปถ่ายของฉันตอนที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในทีมว่ายน้ำ”

“ใครจะอยากดูของแบบนั้นกัน!” เซี่ยจื้อตะโกนขึ้นมาไม่รู้ตัว

เย่หลินยิ้ม เขาอยู่ใกล้ขนาดนั้น ขนตาที่สั่นไหวเล็กน้อยก็ยังเห็นชัดเจนมากในสายตาของเซี่ยจื้อ

“ถ้าไม่อยากดู ก็ต้องตั้งใจเรียนให้ดี”

เย่หลินเดินออกไปแล้ว แสดงให้เห็นว่าคำพูดเมื่อครู่เป็นการล้อเซี่ยจื้อเล่น

เซี่ยจื้อสูดหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วก็เป่าปากออกมา บ่นพึมพำอย่างแค้นเคือง “ประสาท”

ใครจะรู้ เห็นอยู่ว่าเย่หลินออกไปแล้วแต่ก็ดันย้อนกลับมาอีกกล่าวเสริมว่า “พรุ่งนี้บ่ายสามคนประสาทจะมาหานาย อย่าออกไปเที่ยวเล่นร้านเน็ตล่ะ”

เซี่ยจื้ออัดอั้นตันใจมาก

นี่มันหูผีอะไรกันเนี่ย เขาพูดเบาขนาดนั้น เย่หลินยังจะได้ยินได้อย่างไรกัน!

พอเย่หลินออกจากห้องของเซี่ยจื้อไปแล้ว เจอกับเฉินฟางหัวที่กลับมาจากเข้าเวรพอดี

“เย่หลิน ติวถึงดึกดื่นขนาดนี้เลยเหรอ? รู้สึกเกรงใจจริงๆ เลย! เซี่ยจื้อเรียนเป็นยังไงบ้าง?”

“พอได้ครับ คุณน้าอย่ากังวลมากไปเลยครับ ยิ่งคุณน้ากังวลเขาก็ยิ่งรู้สึกกดดัน เขาก็จะทำตามเป้าหมายของคุณน้าไม่ได้ พอนานวันเข้าก็หมดความคาดหวังในตัวเองได้ง่ายๆ จนปล่อยตัวไปตามยถากรรม”

พอเย่หลินพูดมาเช่นนี้ ก็ทำให้เฉินฟางหัวครุ่นคิดว่าตนเองนั้นสร้างความกดดันเป็นอย่างมากให้เซี่ยจื้อโดยไม่รู้ตัวอยู่ใช่หรือไม่

เฉินฟางหัวอุ่นนมร้อนให้เซี่ยจื้อแก้วหนึ่งอย่างไม่เคยทำมาก่อนเลย บอกกับเขาว่าค่อยเป็นค่อยไป พยายามเต็มที่ก็พอ

ตอนที่เฉินฟางหัวเหลือบไปเห็นตัวอย่างข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์บนโต๊ะเซี่ยจื้อที่มีลายมือเขียนอยู่เต็มหน้านั้น ก็เผยสีหน้าชื่นใจออกมา

เซี่ยจื้อนอนอยู่บนเตียง พลิกตัวไปมาทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ

เย่หลินกลายมาเป็นติวเตอร์ของตนได้อย่างไรกัน?

เขารู้จักกับองค์ไทเฮาที่บ้านตนได้อย่างไรกัน? อ๋อ ดูเหมือนจะเป็นเหล่าเว่ยที่แนะนำ…

แต่ว่าเย่หลินเรียนอยู่ที่มหา’ลัย Q ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงได้ว่างมากขนาดกลับบ้านมาทุกสัปดาห์ได้? ต่อให้เพราะเป็นติวเตอร์ แต่ตลาดในเมืองหลวงก็ใหญ่กว่า เงินเดือนของติวเตอร์ก็สูงด้วยนี่!

ค่าตั๋วรถไฟไปกลับตั้งสองร้อยกว่าแล้วไหม?

แน่นอนว่าเงินค่ารถนี้ แม่ต้องให้เขาเบิกได้อยู่แล้ว

เซี่ยจื้อคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ พอตอนที่กำลังจะพลิกตัวดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ในสมองก็มีแต่เสียงพูดของเย่หลิน ซ้ำยังมีสีหน้าตอนที่พูดประโยคนั้นอีกด้วยว่า “นายมีฉัน” กับท่าทางที่เขาจับปากกาอีก

หรือจะจริงที่ว่าเมื่อเหน็ดเหนื่อยจนถึงขีดสุด จะกลับกลายเป็นนอนไม่หลับ?

แล้วในเวลานี้เองโทรศัพท์มือถือของเซี่ยจื้อก็สั่นหนึ่งที พบว่าเป็นข้อความที่เย่หลินส่งมาขอเพิ่มเป็นเพื่อน

ความรู้สึกตื่นเต้นกดดันในใจนั่นกลับมาอีกแล้ว

ก็แค่ส่งมาขอเพิ่มเป็นเพื่อนเองไม่ใช่เหรอ? เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรกัน? พอดีเลย จะได้ดูเสียหน่อยว่าในโมเมนต์* (โมเมนต์ : เป็นหน้าในโปรแกรมสนทนาวีแชตที่ผู้ใช้สามารถลงรูปภาพและข้อความต่างๆ เพื่อเผยแพร่ให้เพื่อนในรายการได้เห็น) ของเย่หลินมีอะไรบ้าง

แต่ว่าเซี่ยจื้อมือไถลกดไปโดน “ไม่อนุญาต”

เขาลุกขึ้นพรวดเบิกตาโต นึกไม่ถึงว่าตนเองก็จะมีวันที่มือง่อยด้วยเหมือนกัน!

ดูท่าหมดกันแล้ว…

เซี่ยจื้อ “ไม่อนุญาต” ก็ “ไม่อนุญาต” อย่างไรเสียพรุ่งนี้บ่ายก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว นอนเถอะ!

พรุ่งนี้เช้ายังต้องรีบตื่นไปอควาเรียมโลมานะ!

เย่หลินในเวลานี้กำลังผสมเครื่องดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ในบาร์เหล้า กระเป๋ากางเกงสั่นหนึ่งที เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา มองดูข้อความที่ตนเองถูกเซี่ยจื้อปฏิเสธแล้ว ก็อึ้งไปเล็กน้อยก่อน จากนั้นก็ยกมุมปากยิ้มออกมา

“มันน่านัก”

“พี่หลิน? เล่นมือถือตอนผสมเหล้า ไม่มีสมาธิเลยนะ”

 

หนังสือแนะนำ All

Special Deal