(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน สู่ฝันที่มีฉันคุณโลมา เล่ม 1

Tuesday

บทที่ 8

เที่ยงวันจันทร์ เซี่ยจื้อกับเฉินชิงเหม่ยกินอาหารเที่ยงที่โรงอาหารเล็กของโรงเรียนเรียบร้อย กลับเข้าห้องเรียนมาสองคนคุยเล่นกันสักพักก็ฟุบหลับลงบนโต๊ะ 

ตอนที่นอนไปได้ครึ่งหนึ่ง โทรศัพท์มือถือของเซี่ยจื้อก็สั่นขึ้นหนึ่งที เซี่ยจื้อหยิบมาดูแวบหนึ่งอย่างสะลึมสะลือ พบว่าเป็นเสียงเตือนข้อความเข้าฉบับหนึ่ง

ตั้งแต่วีแชตเป็นที่นิยมแพร่หลายเป็นต้นมา โอกาสที่เซี่ยจื้อจะได้เห็นข้อความเข้าก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ

ทุกวันนี้ข้อความเข้าไม่กี่ฉบับนั่นน่ะ หากไม่ใช่ข้อความที่ส่งมาจากหมายเลข 10000* ( หมายเลข 10000 : เป็นหมายเลขสายด่วนบริการลูกค้าของบริษัท China Telecom ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเคลื่อนที่รายใหญ่ของประเทศจีน) เตือนว่าเน็ตใกล้หมดกับให้จ่ายค่าโทรศัพท์ ก็คือโฆษณาสารพัดอย่าง กู้เงินเอย ซื้อบ้านเอย บางคราวก็ยังมี “บริการพิเศษ” อยู่บ้างด้วย

ดังนั้นเซี่ยจื้อจึงแค่เหลือบๆ ตา ไม่ได้อยากจะอ่านเลยสักแวบเดียว

กลับเป็นเฉินชิงเหม่ยที่อยู่ด้านข้างขยับๆ โต๊ะเข้ามา มีเสียงโลหะกระทบกันเบาๆ ดังมาจากในกระเป๋าหนังสือของเซี่ยจื้อ เขาถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า วันอาทิตย์ก่อนที่เย่หลินจะกลับมหา’ลัยQ อีกฝ่ายให้กุญแจบ้านไว้กับเขา

ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหนังสือ เซี่ยจื้อก็คลำเจอกุญแจดอกนั้น นึกถึงตอนที่เย่หลินจะจากไป เขายิ้มพลางโยนกุญแจมาเบาๆ มันตกลงไปในกระเป๋าหนังสือของเซี่ยจื้อนิ่งๆ

ท่าทางสบายๆ นั่น ราวกับพวกเขารู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี นายกินของของฉัน ฉันใช้ของของนายต่างก็ไม่เป็นไร

เสี้ยววินาทีนั้น เซี่ยจื้อมีภาพลวงตาที่ประหลาดอย่างหนึ่ง เขารู้สึกว่าเย่หลินคิดหาวิธีดึงช่องว่างระหว่างพวกเขาให้เข้าใกล้กันอยู่ตลอดเวลา

ความคิดเช่นนี้คงอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งวินาที เซี่ยจื้อก็หัวเราะเยาะตนเองอยู่ในใจว่าคิดเองเออเองเกินไปแล้ว

นายคิดว่าเย่หลินว่างมากนักเหรอ!

พอคลำเจอกุญแจนั้นแล้ว เซี่ยจื้อก็เปิดข้อความเข้าในมือถือฉบับนั้นอ่าน พอเห็นชื่อคนส่งมา ก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งทันที

เย่หลิน :[i]ฉันทิ้งของขวัญชิ้นหนึ่งไว้ให้นายที่คอนโด รอวันศุกร์ตอนที่ฉันมาตรวจการบ้านนาย ถ้านายยังไม่ได้เอาของขวัญไป หรือว่าของขวัญหมดอายุเน่าไปแล้ว ฉันก็จะรู้ว่านายไม่ได้ไปตากกางเกงว่ายน้ำ[i]

ข้อความเข้าฉบับนี้ยาวมาก เซี่ยจื้อจินตนาการถึงรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของเย่หลินที่เห็นเขาเป็นเด็กตัวน้อยไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ได้เลย

เซี่ยจื้อออกแรงขยี้ๆ ผมสั้นของตนเองแล้วแหงนหน้าถอนใจเฮือกกับสวรรค์

รู้แต่แรกคงสารภาพกับเขาไปหมดแล้วว่าตนเองไม่มีบัตรว่ายน้ำ นอกจากวันเสาร์ก็ไม่ได้ลงน้ำหรอก 

เซี่ยจื้อเพิ่งขยับเก้าอี้ออก เฉินชิงเหม่ยที่นอนจนน้ำลายยืดอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปากถาม “อาจื้อ…ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วเหรอ…ทำไมมือถือไม่ดัง?”           

เซี่ยจื้อกดศีรษะของเฉินชิงเหม่ยกลับลงไปบนโต๊ะ “นายนอนต่อไปเลย!”

จังหวะนั้นคงออกแรงมากเกินไปหน่อย ต่อให้เฉินชิงเหม่ยอยากจะนอนต่อแต่หัวกระแทกจนตื่นแล้ว เขามองเห็นเซี่ยจื้อสะพายกระเป๋าวิ่งออกจากห้องเรียนไป

ยังมีเวลาอีกยี่สิบนาทีกว่าคาบเรียนแรกจะเริ่ม ถ้าเขาขี่จักรยานไปกลับน่าจะยังพอมีเวลา

เซี่ยจื้อวิ่งหน้าตั้งตรงไปที่คอกรถจักรยานของนักเรียน ขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว

ขี่มาตลอดทางก็คาดเดามาตลอดทางว่า “ของขวัญ” ที่เย่หลินให้เขานั้นคืออะไรกันแน่?

หรือจะเป็นของกิน เพราะฉะนั้นถ้าทิ้งไว้นานก็จะหมดอายุได้

แต่หากเป็นของกิน เซี่ยจื้อก็แค่มาเอาไปก่อนที่เย่หลินจะกลับมาในวันศุกร์ก็ใช้ได้แล้วนี่ เสียไป หมดอายุไป โยนทิ้งไปก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เพราะอย่างไรเสียเย่หลินก็ไม่มีทางรู้ได้หรอก!

“ไม่ใช่มาง้อเด็กผู้หญิงสักหน่อย! ของขวัญบ้าบออะไรกัน!”

เซี่ยจื้อมาถึงใต้ตึกที่บ้านของเย่หลินแล้ว ไขกุญแจเปิดแล้วก็เข้าลิฟต์ไป จนกระทั่งชั่วขณะที่เขาบิดไขกุญแจประตูห้อง เสียง ‘แกร๊ก’ ทำให้เขารู้ตัวว่า ที่กำลังจะเข้าไปนี้ไม่ใช่บ้านของเฉินชิงเหม่ย แล้วก็ไม่ใช่บ้านของอาจารย์คนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นบ้านของเย่หลิน

หัวใจเต้นแรงหนึ่งที เซี่ยจื้อยิ้มเยาะตนเอง 

“ตื่นเต้นห่าไรล่ะ!”

ไม่ได้ไปบุกน้ำลุยไฟ บุกเข้าถ้ำสักหน่อย!

เซี่ยจื้อผลักประตูเข้าไป ถึงรู้ว่านี่เป็นคอนโดที่อยู่คนเดียว ปราดเดียวก็มองไปสุดผนังแล้ว 

มิน่าเล่าเย่หลินถึงบอกว่าตัวเขาพักอยู่คนเดียว ถ้าหากมีคนในครอบครัวอยู่ บุ่มบ่ามให้กุญแจกับคนอื่น ก็จะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว

เซี่ยจื้อที่เดิมรีบทำเวลามาก ถูกดึงดูดด้วยห้องของเย่หลิน

เขาไม่ได้มีเจตนาจะไปรื้อค้นข้าวของของเย่หลิน เพียงแต่มองไปรอบๆ สังเกตดูการจัดวางของภายในห้องสักหน่อย

ใช่ว่าจะเป็นห้องผู้ชายตามแบบฉบับทั่วไป ไม่มีลูกฟุตบอล บาสเกตบอลอะไรเลย ไม่มีโมเดล แล้วก็ไม่มีภาพโปสเตอร์ดาราฟุตบอลหรือว่าดาราผู้หญิง มันเรียบง่ายเสียจนราวกับเป็นเพียงสถานที่ที่เย่หลินมาพักค้างแต่ไม่ใช่สถานที่ที่เขาอาศัยใช้ชีวิตอยู่

หนึ่งเดียวที่มีกลิ่นอายของความมีชีวิต ก็คือหมอนอิงบนโซฟา ซึ่งมีแค่ใบเดียวเท่านั้น

นี่ทำให้เซี่ยจื้อจินตนาการขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า เย่หลินไม่เคยพาแขกมาเลยใช่หรือไม่

เซี่ยจื้อเดินเข้าไปด้านใน ในที่สุดก็มองเห็นกล่องใบหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือข้างเตียงนอนสำหรับนอนคนเดียวหลังนั้น บนกล่องยังมีโบอยู่ด้วย บนนั้นติดกระดาษโน้ตไว้หนึ่งใบ : [i]แกะฉันออกเถอะ[i]

เซี่ยจื้อหัวเราะเหอะๆ อยู่ในใจสองที เขาพอจะเดาได้แล้วว่า เย่หลินกำลังปั่นหัวเขาเล่นอยู่

“แกะบ้าอะไรของพี่!”

แต่ว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ต่อให้รู้ว่าตนเองถูกปั่นหัวเล่น ความอยากรู้อยากเห็นก็ยังชักนำให้เซี่ยจื้อกระตุกดึงโบนั่นออก

ใครจะรู้ว่าใต้โบยังมีอักษรตัวเล็กอีกแถวขวางไว้อยู่ด้วย : [i]อ่อนโยนกับฉันหน่อย[i]

“อ่อนโยนกับผีสิ!”

ยิ่งพูดเช่นนี้ เซี่ยจื้อก็ยิ่งดึงกระดาษห่อชั้นนั้นออกอย่างรำคาญ แล้วก็มองเห็นกล่องกระดาษใบหนึ่ง

บนกล่องกระดาษเขียนว่า : [i]ฉันมอบความคิดฉันไว้ให้นาย[i]

หัวใจราวกับถูกขนนกเขี่ยไปทีหนึ่ง เซี่ยจื้อยกมือขึ้นมากดนวดดวงตา

นี่คือเย่หลินเหรอ?

เล่นลูกไม้อะไรพวกนี้ออกมาได้ ปัญญาอ่อนไหมเนี่ย!

เย่หลินที่มีภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบคนนั้น ในใจของเซี่ยจื้อรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดี 

เขากำลังจะเปิดกล่องออกแล้ว ก็พบว่าข้างในกลับเป็นสมุดโน้ตหลายเล่ม!

สมุดโน้ตเหล่านี้ดูเก่าบ้างแล้ว ลายมือในนั้นเขียนตามใจชอบแต่ก็มีพลัง เป็นสรุปความรู้ทั้งหมดที่เย่หลินสรุปออกมาสมัยมัธยมปลาย

เซี่ยจื้อหยิบทุกเล่มออกมาพลิกเปิดดู มีของวิชาคณิตศาสตร์ วิชาฟิสิกส์ วิชาเคมี สรุปออกมาเป็นเค้าโครงเช่นนี้ได้ มิน่าเล่าเวลานั้นเย่หลินถึงทำได้ดีทั้งการเรียนและว่ายน้ำ

ตอนที่เซี่ยจื้อหยิบเอาสมุดโน้ตออกมา ก็พบว่าที่ก้นของกล่องติดกระดาษโน้ตไว้หนึ่งใบ ในนั้นเขียนว่า : [i]อย่ามัวแต่อาลัยอาวรณ์คิดถึงฉัน นายควรไปเข้าเรียนได้แล้ว[i]

เซี่ยจื้อนึกขึ้นได้ทันทีว่าตนเองยังต้องรีบกลับไปที่โรงเรียน จึงเอาสมุดโน้ตยัดเข้ากระเป๋าหนังสืออย่างลวกๆ ล็อกประตูแล้วลงจากตึกมา

เซี่ยจื้อพุ่งเข้าห้องเรียนพร้อมเสียงออด สาวเท้ามาถึงที่นั่งทันเวลา เขายัดกระเป๋าหนังสือเข้าลิ้นชักเสียงดังสวบ

คาบแรกของตอนบ่ายเป็นวิชาภาษาจีน ต้องวิเคราะห์ภาษาจีนโบราณอีกแล้ว เฉินชิงเหม่ยที่อยู่ด้านข้างทอดถอนใจบ่นว่าปวดหัวเอามากๆ

เซี่ยจื้อก้มหน้าลง แอบๆ หยิบสมุดโน้ตออกมาจากในกระเป๋าหนังสือ

“นายกำลังดูหนังสือโป๊อยู่เหรอ!” เฉินชิงเหม่ยชะโงกหน้าเข้ามา เซี่ยจื้อยกศอกยันเขาให้กลับไป

“ขี้งก! ต่อไปฉันจะไม่โหลดหนังให้นายดูแล้ว!”

“นายยังกล้าพูดถึงหนัง?” เซี่ยจื้อมองค้อนเขาแวบหนึ่งด้วยสายตาเย็นเยียบ

ใช่สิ นั่นมันหนังริมสระผีบ้าอะไร ปฏิวัติการมองโลกไปเลย

เฉินชิงเหม่ยหดศีรษะกลับไปแต่โดยดี แสร้งทำเป็นตั้งใจเรียน

ลายมือในสมุดโน้ตของเย่หลินสวยมาก ระหว่างหัวข้อความรู้ก็ยังเชื่อมโยงกันบ้างด้วย เซี่ยจื้อรู้สึกว่าเข้าใจได้ง่ายมาก เป็นคัมภีร์ในการเตรียมตัวก่อนเรียนและทบทวนบทเรียนเลยนะ

พอถึงตอนที่อาจารย์วิชาภาษาจีนหันกลับไปเขียนกระดาน เซี่ยจื้อก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ตอบเป็นอักษร “凸” หนึ่งตัวกลับไปให้เย่หลินอย่างรวดเร็ว เขาไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยว่าเย่หลินเห็นข้อความฉบับนี้แล้วจะไม่พอใจ

แล้วตอนที่เขากำลังจะวางโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในลิ้นชัก ข้อความของเย่หลินก็ส่งเข้ามา

เซี่ยจื้ออยากรู้มากว่าเย่หลินจะตอบเขาว่าอะไร พอปัดเปิดดู มีเพียงอักษรเดียว : 凹 

นิ้วเคาะพิมพ์อักษรหลายตัวลงบนจอ แต่สุดท้ายเซี่ยจื้อก็หยุด

คำตอบนี้ของเย่หลินหมายความว่าอะไร?

เซี่ยจื้อเขียนใส่กระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้เฉินชิงเหม่ยที่อยู่ด้านข้าง : ฉันส่งข้อความไปคำหนึ่งว่า “凸” อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “凹” หมายความว่าอะไร?

เฉินชิงเหม่ยเผยรอยยิ้มไม่ปกติ ไม่ทันไรก็ส่งกระดาษคืนให้เซี่ยจื้อ

พอเซี่ยจื้อเห็นก็เกือบจะอัดเฉินชิงเหม่ยน่วมในคาบเรียนไปเลย

凸 หมายถึง Fuck you ก็แน่นอนว่า凹 หมายถึง come on baby!

ตลอดทั้งคาบเรียนวิชาภาษาจีน เซี่ยจื้อเอาแต่จินตนาการอยู่ในหัวว่า ตนเองชูนิ้วกลางให้เย่หลินอย่างเท่ จากนั้นเย่หลินก็เอียงคออมยิ้มแล้วตอบกลับมาอย่างไม่ยี่หระว่า “come on baby” น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยแล้วก็มีเสน่ห์ดึงดูด

ทั้งยังอันตรายมากอีกด้วย

จนกระทั่งเลิกเรียน เซี่ยจื้อถึงได้ตอบกลับไปว่า : [i]นายส่งมาว่า 凹 หมายความว่าอะไร?[i]

เย่หลินตอบ : [i]คำตรงข้ามของ 凸 ไม่ใช่ 凹 หรือไง?[i]

เสียเวลาเปล่าไปกับการคิดฟุ้งซ่านตลอดคาบเรียน เซี่ยจื้อมองดูเฉินชิงเหม่ยแวบหนึ่ง กล่าวอย่างรังเกียจ “ผีปอบเปิดกบาล ผิดหวังจากไป”* ( ผีปอบเปิดกบาล ผิดหวังจากไป : เป็นประโยคที่ใช้กระทบกระเทียบด่าว่าผู้อื่น มาจากประโยคเต็มว่า “ผีปอบเปิดกบาล ผิดหวังจากไป แมงกุดจี่ผ่านมา ตาเป็นประกาย” หมายถึงเปิดกะโหลกมาไม่มีสมอง มีแต่สิ่งปฏิกูล แมงกุดจี่ที่กินมูลสัตว์เป็นอาหารจึงได้ประโยชน์ไป)

เฉินชิงเหม่ยหัวเราะ “คำพูดนี้ฉันเคยได้ยิน นายกำลังประชดว่าฉันสมองกลวงละสิ!”

เซี่ยจื้อส่ายหน้า “แมงกุดจี่ข้างๆ ยิ้มเลย”

เฉินชิงเหม่ยหัวเราะคิกคัก “แมงกุดจี่ตัวนั้นก็คือนายไม่ใช่หรือไง!”

ไม่เสียทีที่เป็นเฉินชิงเหม่ย เป็นอึไปแล้วก็ยังลากเอาเซี่ยจื้อไปด้วย

โดยทั่วไปแล้ว การบ้านที่อาจารย์ให้หลังคาบเรียนล้วนเป็นจำพวกพื้นฐาน เวลาเรียนตั้งใจฟังสักหน่อยก็ทำได้ จุดสำคัญอยู่ที่การพลิกแพลงและการใช้สูตร

ตอนที่เซี่ยจื้อทำตัวอย่างข้อสอบ โจทย์ข้อสอบแบบอัตนัยด้านหลังทำให้ความคิดของเขาตีบตันมาก

เห็นได้ชัดว่าการรวบรวมสมาธิและกำลังเพียงหนึ่งสัปดาห์ไม่อาจชดเชยวิชาเรียนที่เขาทำตกหล่นไปก่อนหน้านี้ได้ในทันทีทันใด


 

สามทุ่มครึ่ง เดิมทีเซี่ยจื้อคิดจะล้มเลิกยอมแต่เพียงเท่านี้แล้วรีบเข้านอนให้เร็วหน่อย แต่พอนอนลงไปก็นึกถึงที่เย่หลินเคยพูดเอาไว้ว่า จะดูผลงานของเขาเพื่อเอามาตัดสินว่าสุดสัปดาห์นี้จะพาเขาไปมหาวิทยาลัยหนานเฉิงหรือไม่ เซี่ยจื้อจึงรู้สึกว่าตนเองยังต้องกระตือรือร้นทุ่มเทมากขึ้นอีกสักหน่อย 

เขาโทรไปที่มือถือของเย่หลิน ขณะที่ฟังเสียงรอสายอยู่นั้น เซี่ยจื้อตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อยโดยไม่มีสาเหตุ

จากนั้นก็รู้สึกว่าตนเองผิดปกติ เย่หลินก็ไม่ใช่เด็กสาวเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องตื่นเต้นด้วย

ตอนที่เสียง “ฮัลโหล” ของเย่หลินดังขึ้น เซี่ยจื้อรู้สึกว่าหัวใจถูกดึงกระตุกขึ้นมาด้วย

“เอ่อ พี่หลิน มีเวลาว่างไหม?”

“มีสิ ทำไมเหรอ?”

เสียงของเย่หลินผ่านทางโทรศัพท์มือถือนุ่มนวลมาก เซี่ยจื้อรู้สึกคันยุบยิบอย่างแปลกประหลาด ตั้งแต่ใบหูไปจนถึงหัวใจ

“ผมมีโจทย์ข้ออัตนัยที่ทำไม่ได้”

“อ้อ งั้นนายแอดวีแชตฉันมา ถ่ายรูปส่งมาให้ฉันดูหน่อย”

“ได้”

ครั้งนี้เซี่ยจื้อเป็นฝ่ายเพิ่มเย่หลินเป็นเพื่อนเอง

เขาเพิ่งจะส่งภาพไปให้ ก็เห็นเย่หลินส่งข้อความมา : [i]ไอ้หนู สุดท้ายก็ต้องแอดฉันเป็นเพื่อนวีแชตอยู่ดี[i]

เซี่ยจื้อพอจะจินตนาการถึงน้ำเสียงที่อีกฝ่ายล้อเขาได้ รีบตอบกลับไปว่า : [i]ครั้งที่แล้วผมมือไปโดน[i]

แล้วเซี่ยจื้อก็เริ่มสงสัยตามมาติดๆ หรือว่าเย่หลินจะแก้แค้นเขา ถึงได้ส่งข้อความมาบอกให้เขาวิ่งไปเอาของขวัญที่เขาเตรียมไว้ที่หอพักกลางวันแสกๆ?

พอมาคิดดูอีกที มันจะเป็นไปได้อย่างไร…เย่หลินไม่ใช่คนที่ว่างมากสักหน่อย

ผ่านไปไม่นาน เย่หลินก็โทรกลับมา เขาไม่ได้สอนเซี่ยจื้อทำโจทย์ทีละขั้นๆ หากแต่ชี้นำให้เซี่ยจื้อคิด แล้วก็ยังสอนหัวข้อความรู้อีกสองสามอย่างให้เซี่ยจื้อกลับไปเปิดหนังสือเรียนก่อนหน้าดู

เย่หลินในเวลานี้นอนอยู่บนฟูกในหอพักของมหาวิทยาลัยตนเอง

หอพักเป็นห้องสี่คน อีกสองคนไปอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน มหาวิทยาลัย Q ไม่ใช่สถานที่ที่จะปล่อยปละละเลยทำตามอำเภอใจได้ ไม่ตั้งใจเรียนให้ดีก็มีโอกาสสูงที่จะไม่ได้ปริญญา 

ที่เหลืออยู่ก็คือเฉินเจียรุ่นกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะหนังสือตัวเล็กของเตียงชั้นล่าง

รอจนเย่หลินวางโทรศัพท์แล้ว เฉินเจียรุ่นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “เย่หลิน นายพูดจาอ่อนโยนเป็นคนดีเข้าอกเข้าใจคนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”

“ปกติฉันไม่ใช่เหรอ?” เย่หลินถาม

“พอเถอะ ฉันถามอะไรนายนิดหน่อย นายเคยตอบฉันเหรอ? นายยังมาแสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์อีก หลอกใครอยู่น่ะ?”

“ฉันไม่ได้เสแสร้งนะ ฉันก็ใสบริสุทธิ์มาตลอด” เย่หลินยิ้มกล่าว

“เหอะๆ ”

เฉินเจียรุ่นทำหน้าเหยียด

“เจียรุ่น นัดอุ่นเครื่องกับม.หนานเฉิงอาทิตย์หน้า นายไม่เข้าร่วมเหรอ?”

“ตอนนี้ฉันยังเป็นทหารบาดเจ็บอยู่เลย ไปแล้วก็ยังต้องถูกคนทั้งโขยงมาสนใจว่าฉันจะหายดีช้าเร็วแค่ไหน ช่างมันเถอะ”

“งั้นฉันจะให้เด็กผู้ชายคนนั้นลงแข่งแทนนายละนะ”

เฉินเจียรุ่นรีบเดินกะเผลกมาที่ข้างเตียงเย่หลินทันที แล้วออกแรงผลักไปทีหนึ่ง

“ฉันยังไม่ตายนะ! นี่นายแทบจะรอหาคนมาแทนฉันไม่ไหวแล้วเหรอ! นายมีมนุษยธรรมบ้างไหมฮะ!”

“กับนาย ไม่จำเป็นต้องมีมนุษยธรรมหรอก”

“ในที่สุดฉันก็รู้ว่าทำไมเวลานายถ่ายรูปไม่ต้องใช้แอพแต่งแล้ว!”

เย่หลินกำลังถือตำราอาหารเล่มหนึ่งอยู่ในมือ เปิดไปถึงหน้าซี่โครงหมูนึ่งเต้าซี่ “ฉันก็ไม่ได้รักสวยรักงามเหมือนนาย จะใช้แอปแต่งอะไรกัน?”

“นั่นเป็นเพราะว่าแอปก็หมดปัญญากับวิญญาณที่แปลงร่างมาอย่างนายต่างหาก” 


 

พอวันศุกร์ เย่หลินก็รักษาสัญญาเอากางเกงว่ายน้ำมาให้เซี่ยจื้อ ซ้ำยังซื้อกางเกงว่ายน้ำตัวใหม่แบบแห้งเร็วให้เขาอีกสองตัวด้วย

“พี่หลิน นี่ให้ผมเหรอ?”

“อือ ถือว่าเป็นของรางวัลที่นายตั้งใจทำการบ้านทุกวันแล้วกัน”

“เพราะฉะนั้น…วันอาทิตย์พี่จะพาผมไปม.หนานเฉิงใช่ไหม?”

“อือ” เย่หลินพยักหน้า

“แต่แม่ผมไม่มีทางยอมหรอก” เซี่ยจื้อถอนใจเฮือก

“อ๋อ นั่นมันต้องดูว่าใครเป็นคนเอ่ยปากต่างหาก”

ด้วยเหตุนี้ในคืนวันนั้น ตอนที่เซี่ยจื้อกำลังทำโจทย์อยู่ในห้อง เขาจึงเงี่ยหูฟังเย่หลินคุยกับไทเฮาไปด้วย

“คุณน้าครับ วันอาทิตย์ผมอยากพาเซี่ยจื้อไปที่ม.หนานเฉิงสักหน ม.หนานเฉิงกับม.ครุศาสตร์หนานเฉิงจะจัดโต้วาทีกันครับ”

“อ้อ อย่างนั้นเหรอ…” เฉินฟางหัวลังเลบ้างตามคาด ไม่อยากให้เซี่ยจื้อไปเมืองอื่น อยากจะให้เขาอยู่ทำข้อสอบเพิ่มอีกสักชุดที่บ้านมากกว่า

“อาทิตย์นี้ เซี่ยจื้อตั้งใจมากครับ ต้องค่อยเป็นค่อยไป บีบบังคับให้ทำแต่โจทย์มากเกินไป ผมกลัวว่าเขาจะล้าจนต่อต้านได้ ผมคิดว่าถ้าเวลาที่เหลืออยู่เซี่ยจื้อตั้งใจเรียนให้ดีแล้วละก็ จะสอบเข้าม.หนานเฉิงก็มีความเป็นไปได้ครับ”

“จริง…จริงเหรอ?” ในน้ำเสียงของเฉินฟางหัวเจือด้วยความยินดี “เธออย่าทำเป็นมาปลอบใจน้านะ!”

“เรื่องนี้เราต้องมองตามความเป็นจริงครับ ถ้าผมให้ความหวังกับคุณน้าโดยไม่อยู่กับความเป็นจริง ก็ไม่ดีเหมือนกันครับ ครั้งนี้ที่จะพาเซี่ยจื้อไป หนึ่งคือถือว่าให้เขาไปผ่อนคลายสักหน่อย ไปสัมผัสบรรยากาศของมหา’ลัยหนานเฉิงบ้าง ไม่แน่ว่าอาจทำให้เขายิ่งมีแรงผลักดันในการเรียนนะครับ”

“การคาดการณ์และการมองโลกในแง่ดี” ที่เย่หลินมีต่ออนาคตของเซี่ยจื้อ ทำให้มารดาของเซี่ยจื้อฟังแล้วหวั่นไหวคล้อยตามไปด้วย

“สองคือ ผมก็อยากไปฟังโต้วาทีด้วยเหมือนกันครับ ที่จริงแล้วในการโต้วาทีมีความคิดเห็นที่เฉียบคมตั้งมากมาย ช่วยเปิดกว้างทางความคิด ช่วยให้เซี่ยจื้อจัดระเบียบความคิดเห็นกับเหตุผลสนับสนุนของตัวเองเวลาเขียนเรียงความได้”

น้ำเสียงของเย่หลินผ่อนคลายสบายมาก เฉินฟางหัวฟังดูแล้วรู้สึกมีเหตุผลเป็นอย่างยิ่ง

เซี่ยจื้อกำด้ามปากกาแน่น นึกไม่ถึงเลยว่าเย่หลินจะพูดจามั่วซั่วได้อย่างเอาจริงเอาจังขนาดนี้

งานโต้วาทีของม.หนานเฉิงกับม.ครุศาสตร์หนานเฉิงอะไรกันล่ะ!

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าพวกเขาจะไปร่วมการแข่งขันนัดอุ่นเครื่องระหว่างหนานเฉิงกับม.Q นี่!

รอจนเย่หลินเข้ามาในห้อง เซี่ยจื้อกำลังก้มหน้าแสร้งว่าทำการบ้านอยู่

“ข้อนี้ แล้วก็ยังมีข้อนี้อีก ผิดหมดเลย ไม่มีสมาธิเลย!”

เซี่ยจื้อเหลือบตาขึ้นมามอง “นั่นเพราะพี่โกหกจนเป็นธรรมชาติเกินไปแล้ว ผมยังแทบฟังไม่ลงเลย!”

เย่หลินนั่งลง ยกนิ้วมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ

“นี่เป็นการโกหกด้วยความปรารถนาดี แล้วเรื่องการแข่งโต้วาทีก็เป็นเรื่องจริงด้วย รีบเขียนการบ้านของนายไป ไม่อย่างนั้นวันอาทิตย์ก็อย่าคิดจะไปไหนทั้งนั้น”

เซี่ยจื้อที่มีแรงผลักดัน ย่อมมีเรี่ยวมีแรงทำโจทย์อย่างที่สุด


 

เช้าตรู่วันเสาร์ เซี่ยจื้อก็ไปอควาเรียมโลมาตามปกติ ไปเล่นเป็นเพื่อนผีผี่

ไม่เหมือนท่าทางที่ไม่สนอกสนใจอะไรก่อนหน้านี้เลย เซี่ยจื้อเพิ่งจะเดินเข้าไป ผีผี่ก็ว่ายมาที่ขอบสระแล้ว โผล่หัวขึ้นมารอเซี่ยจื้อลงไป

พอเซี่ยจื้อลงน้ำไป ผีผี่ก็ว่ายวนรอบตัวเขา ถูไถดุนเบาๆ เซี่ยจื้ออยู่ครู่หนึ่ง ครู่เดียวก็ซุกเข้ามาในอ้อมอกของเขา

“โอเค โอเค ผีผี่!”

เซี่ยจื้อลูบๆ ครีบหลังของผีผี่ ผีผี่ก็เปลี่ยนมาเชื่อฟังเป็นเด็กดี หยุดนิ่งอยู่ข้างเซี่ยจื้อ ยกหัวขึ้นด้วยท่าทางชอบอกชอบใจ

“แกชอบให้คนลูบขนาดนี้เลยเหรอ?”

ผีผี่กระโดดตู้มว่ายหนีไป แล้วก็เริ่มว่ายวนรอบเซี่ยจื้ออีก ยังดีที่เซี่ยจื้อว่ายน้ำเก่ง ไม่เช่นนั้นคงจมลงก้นสระไปนานแล้ว 

“ผีผี่อย่าเล่น!”

แต่ว่าผีผี่เรี่ยวแรงเยอะเหลือเกิน เซี่ยจื้อคิดจะคว้าครีบหลังมันไว้ เจ้าตัวน้อยนี่ยังจงใจใช้ครีบหลังปัดผ่านฝ่ามือของเซี่ยจื้อไปที ว่ายแนบเอวของเซี่ยจื้อไปที่ด้านหลังเขา 

“เจ้าเด็กนี่——ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะจับแกไม่ได้!”

ใครจะรู้ว่าเจ้าตัวน้อยนี่กลับมุดขึ้นมาจากด้านล่างของเซี่ยจื้อ จงใจใช้ข้างครีบหลังเฉียดผ่านขาสองของเซี่ยจื้อไป จากนั้นก็โชว์หนังหน้าท้องเริ่มอวด

“ยอมให้นายแล้วได้ใจขนาดนี้เลยเหรอ!”

เซี่ยจื้อว่ายไปอย่างเหี้ยมเกรียม ยกหมัดขึ้นทำท่าเหมือนจะต่อยมัน

แต่นึกไม่ถึงว่าโลมาน้อยจะอ้าปากงับมือของเซี่ยจื้อเข้าแล้ว

เดิมทีคิดว่าเซี่ยจื้อจะเจ็บ แต่ก็พบว่าผีผี่แค่ใช้ฟันขบๆ มือเขาเท่านั้น จากนั้นก็อมข้อมือเขาดุนๆ เบาๆ นี่ทำให้เซี่ยจื้อนึกถึงสมัยเด็กขึ้นมาทันที คุณน้าที่วิจัยสัตว์ทะเลเคยบอกเขาว่า โลมาใช้วิธีนี้เพื่อแสดงความชอบ

ส่วนโลมาที่โตเต็มวัยแล้วน่ะหรือ…เวลานั้นคุณน้าไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ยิ้มๆ

เซี่ยจื้อที่โตแล้วในที่สุดก็เข้าใจว่า แน่นอนว่าโลมาที่โตเต็มวัยก็ใช้แสดงความรักไง!

เซี่ยจื้อลูบๆ ผีผี่ วางท่าเคร่งขรึมจริงจังกล่าว “ผีผี่ ตอนเด็กที่แกงับฉันน่ะ หมายถึงออดอ้อน พอโตขึ้นแกจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ”

ดูเหมือนผีผี่จะฟังเข้าใจ แม้บนหน้าจะยังทำท่ายิ้มอยู่ แต่ก็เหมือนจะโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว มันกัดแรงขึ้นอีกนิด แต่แม้ว่าผีผี่จะเอาแต่ใจ ก็ไม่ได้ทำร้ายเซี่ยจื้อ

“ผีผี่ แกต้องเป็นเด็กที่เชื่อฟังที่สุดในโลกนะ” เซี่ยจื้อดีดหน้าผากมันไปหนึ่งที

“แอ๊!” ผีผี่เอียงหัว ใช้หางตีน้ำใส่เซี่ยจื้อเต็มหน้า

ความหมายชัดเจนมาก ผีผี่ไม่อยากเป็นเด็กที่เชื่อฟังน่ะสิ

เซี่ยจื้อกับผีผี่แข่งว่ายน้ำกันไปมาหลายรอบ ทุกครั้งผีผี่ก็จะมุดไปมาก่อกวนเซี่ยจื้อ หากไม่ขวางอยู่หน้าทางว่ายของเซี่ยจื้อ ก็จะว่ายมาจากอีกฝั่งแล้วเอาส่วนปากชนเซี่ยจื้อ ทุกครั้งที่เซี่ยจื้อเบี่ยงหน้าหลบ ผีผี่ก็จะก่อกวนหนักกว่าเดิมอีก

เซี่ยจื้อเหนื่อยแล้ว เขานอนแผ่อยู่บนผิวน้ำ ผีผี่รู้ว่าเวลานี้หากก่อกวนอีก เซี่ยจื้อจะต้องโกรธ มันจึงหยุดอยู่ข้างตัวเซี่ยจื้อ

“ผีผี่ ยังจำเย่หลินคนนั้นที่ฉันเคยเล่าให้แกฟังได้ไหม?”

ผีผี่โผล่หัวขึ้นมา แล้วก็จมลงไปในน้ำ นี่คือมันกำลังพยักหน้า

“เขาบอกว่า พรุ่งนี้จะว่ายสี่คูณร้อยเมตรกับฉันนะ ตอนเด็กๆ ฉันเคยฝันแบบนี้มาตั้งหลายครั้ง นึกไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ แม้จะเป็นแค่นัดอุ่นเครื่อง ไม่ได้เป็นการแข่งขันจริงๆ …แต่ก็รู้สึกว่า ความฝันวัยเด็กของฉันจะได้กลายเป็นจริงแล้วอย่างนั้นเลยแหละ”

เซี่ยจื้อมองดูประกายจากน้ำใสแจ๋วที่ส่องสะท้อนขึ้นไปบนฝ้าเพดาน ก็เคลิบเคลิ้มล่องลอยไปบ้าง

อยู่นิ่งเงียบไปได้ครู่หนึ่ง จู่ๆ ผีผี่ก็เอาปากมาชนๆ เซี่ยจื้อ อ้าปากส่งเสียงร้องออกมาสองที

เซี่ยจื้อมองมัน ไม่เข้าใจว่าผีผี่เป็นอะไรไป แต่ผีผี่กลับว่ายไปที่ขอบสระ เซี่ยจื้อถึงได้เข้าใจว่าผีผี่อยากจะแข่งว่ายน้ำกับเขา

ผีผี่ฟังเข้าใจแล้วว่าเซี่ยจื้อจะต้องไปแข่งวันอาทิตย์ นี่มันกำลังจะฝึกซ้อมเป็นเพื่อนเขา

“โอ๊ย แกนี่มัน…”

เซี่ยจื้อรู้สึกว่าผีผี่น่ารักเสียจนเหมือนเป็นเทวดาตัวน้อยๆ อย่างไรอย่างนั้นเลย

เพียงแต่เวลาแข่งขัน เซี่ยจื้อก็ยังคงถูกมันแกล้งเสียจนน่าอนาถอยู่ดี

เซี่ยจื้อปาดน้ำบนใบหน้าออก โลมาน้อยรีบเข้ามาใกล้ทันที หอมไปหอมมาบนใบหน้าเขา เซี่ยจื้อจะหลบก็หลบไม่พ้น

“จั๊กจี้นะ! เจ้าบ้าไสหัวไปเลย!”

เซี่ยจื้อว่ายหนี แต่ผีผี่กลับไล่ตามหลังเซี่ยจื้อต่อ ในน้ำหน้าตาน่ารักนั่นเจ้าเล่ห์เอามากๆ ราวกับมันกำลังอวดดี—— ใครให้นายว่ายเร็วสู้ฉันไม่ได้ล่ะ!

น่องของเซี่ยจื้อถูกจะงอยปากของผีผี่ชนเข้าเบาๆ หนึ่งที เจ้าตัวน้อยนี่ยังจงใจจะดุนตั้งแต่หลังข้อพับเข่าของเซี่ยจื้อไปจนถึงข้อเท้า

เซี่ยจื้อหมุนตัวกลับไปผลักผีผี่ออก ทำมือเป็นท่าให้มัน “ออกไป”

แต่ผีผี่กลับเข้ามาใกล้ พุ่งชนเอวของเซี่ยจื้อ

เซี่ยจื้อหลบไปได้ ผีผี่ก็ยิ่งเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ สนุกจะตายชัก เซี่ยจื้อลอยขึ้นมา ตะโกนเสียงดัง “มิน่าแกถึงชื่อผีผี่! ถ้าแกเป็นเด็กผู้หญิง ต้องถูกตบไปแล้วเนี่ย!”

ผีผี่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ อ้าปากส่งเสียงร้องอย่างอารมณ์ดีสองที

รอยยิ้มของมัน ในความน่ารักก็ยังแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง

เซี่ยจื้อนึกถึงบทพูดน้ำเน่าในละครโทรทัศน์ขึ้นมา——เธอร้องสิ เธอร้องเลย ร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก!

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ ดูเหมือนผีผี่จะชอบเอวเซี่ยจื้อเอามากๆ ถ้าไม่เอาหัวมาพิง ก็คลอเคลียไม่ยอมห่าง

เซี่ยจื้อหลบผีผี่จนเหนื่อยแทบตายแล้ว

เขานอนแผ่หอบหายใจอยู่ที่ริมสระ แต่ผีผี่กลับยังมีเรี่ยวแรงกระโดดลอยตัวขึ้นเหนือผิวน้ำอีก โดดไปมาสามรอบ!

“น่าโมโหจริงๆ ! แกเป็นโลมา แรงดีแล้วเก่งนักเหรอ!”

ผีผี่ส่ายหัวไปมาอยู่ในน้ำ อ้าปากออก ดูเหมือนสบายอกสบายใจเป็นอย่างมาก เซี่ยจื้ออดทนไว้ คว้าเอาลูกบอลสีส้มลูกเล็กๆ ที่ริมสระมา โยนไปโดนหน้ามันพอดี

สุดท้ายผีผี่กลับคาบมันไว้ได้ เอามาคายไว้บนฝั่ง

เซี่ยจื้อโมโหเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

เซี่ยจื้อก็โยนไปอีก ผีผี่ก็คาบขึ้นมาอีก

สุดท้ายเขาก็นั่งอยู่บนฝั่ง ผีผี่ก็อยู่ใกล้ๆ เขานี่แหละ เดี๋ยวก็ลอยขึ้นมาซบต้นขา เดี๋ยวก็ดุนที่ข้อเท้าว่ายมุดไปมา เซี่ยจื้อก็เตรียมพร้อมถีบผีผี่ตอนที่มันจะโผล่หัวขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา

นี่เป็นเกม “ตีแมลงสาบ” ในน้ำ

ผีผี่ยังจงใจชนฝ่าเท้าเซี่ยจื้อด้วย

เล่นไปเล่นมา ผีผี่สนุกเกินไป กลับส่งเสียงร้องแอ๊ขึ้นมาเป็นชุด ข้างครีบปัดผ่านสองขาของเซี่ยจื้อไป ส่วนปากเกือบชนเข้ากับส่วนนั้น

เซี่ยจื้อตกใจจนหงายหลังล้ม สภาพดูไม่ได้เลยทีเดียว

ใครจะรู้ว่าโลมาน้อยขึ้นมานอนทับบนตัวของเซี่ยจื้อ หนังหน้าท้องแนบอยู่กับตัวเซี่ยจื้อ สองครีบตีใส่ขาเซี่ยจื้อไปทีหนึ่ง แล้วก็ไหลกลับลงไปในน้ำ

เซี่ยจื้อคว้าเอาลูกบอลโยนใส่มันไป

“ไอ้ตัวเล็ก——เมื่อกี้แกเล็งที่ตรงไหนกันฮะ!”

“แอ๊——”

เวลามีความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ

ตอนบอกลา เซี่ยจื้อก็ goodbye kiss กับผีผี่ตามธรรมเนียมในน้ำ แต่ตอนที่เซี่ยจื้อขึ้นฝั่งมา ผีผี่ก็มองเขาอยู่อย่างนั้น แววตาหม่นหมอง เจ้าปีศาจตัวน้อยที่เมื่อครู่ยังทำเก่งอยู่ เวลานี้ดูน่าสงสารถึงเพียงนั้น

“ผีผี่ เจอกันอาทิตย์หน้านะ”

“แอ๊…”

กระทั่งเสียงร้องก็ยังห่อเหี่ยว


 

วันที่สอง เย่หลินซื้อตั๋วรถไฟไว้เรียบร้อยแล้ว จะพาเซี่ยจื้อไปมหาวิทยาลัยหนานเฉิงจริงๆ

หลังสองคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เซี่ยจื้อก็อดที่จะถามเย่หลินขึ้นมาไม่ได้ “พี่หลิน พี่คิดว่าผมจะสอบเข้าหนานเฉิงได้จริงเหรอ?”

เย่หลินหันหน้ามาพร้อมหรี่ตามอง “นายหมายความว่ายังไง? นายยังกล้ายื่นหนานเฉิง?”

“ผมก็แค่พูดไหม…ผมยื่นคณะศิลปศาสตร์ของมหา’ลัยในเมือง T ก็พอประมาณแล้ว”

“เสี่ยวจื้อเอ๊ย นายนี่มันช่างไม่กลัวตายเสียจริง”

สุดสัปดาห์มีแต่ผู้โดยสารเดินไปเดินมาเพื่อหาที่นั่ง ทว่าเสียงของเย่หลินกลับดังชัดเจนมาก 

“ผมคงไม่ถึงขั้น…กระทั่งคณะศิลปศาสตร์ของมหา’ลัยในเมือง T ก็เข้าไม่ได้หรอกไหม?”

“ฉันเป็นติวเตอร์นาย หรือเป้าหมายของนายไม่ควรจะเป็นม.Q เหรอ?” 

เย่หลินเพิ่งจะพูดจบ เซี่ยจื้อก็สำลักน้ำลายตัวเองแล้ว

“พี่หลิน——พี่อย่าซี้ซั้วพูดเล่นสิ! เข้าม.Q? นั่นต่างหากถึงเรียกว่ากล้าบ้าดีเดือด!”

“รอเดือนหกปีหน้า เดี๋ยวก็รู้ว่านายกล้าบ้าดีเดือดหรือเปล่า”

สีหน้าของเย่หลินไม่เหมือนล้อเล่นเลยสักนิด ทำให้เซี่ยจื้อรู้สึกเคลิบเคลิ้มตามไปบ้าง


 

มหาวิทยาลัยหนานเฉิงก็เป็นมหาวิทยาลัยสหสาขาที่มีชื่อแห่งหนึ่งเหมือนกัน อีกทั้งยังลงทุนทรัพยากรในด้านการกีฬาค่อนข้างมากอีกด้วย มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีสระว่ายน้ำเป็นของตนเอง เซี่ยจื้อมองไปรอบๆ แม้จะเป็นวันอาทิตย์ แต่คนที่เดินไปมาในมหาวิทยาลัยก็ยังมีอยู่ไม่น้อย

พวกเขาไม่เหมือนกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกที่หน้าดำคร่ำเครียด หากแต่กลับมีแต่เสียงหัวเราะพูดคุยไม่หยุด เซี่ยจื้อยังเห็นประกาศกิจกรรมชมรมสารพัดอย่างบนบอร์ดประกาศด้วย การแสดงละครเอย การแข่งขันร้องเพลงของมหาวิทยาลัยเอย เป็นต้น

แล้วก็ยังมีประกาศการแข่งขันนัดอุ่นเครื่องระหว่างมหาวิทยาลัยหนานเฉิงกับทีมว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย Q ด้วย

ตอนที่เซี่ยจื้อดูอยู่นั้น เย่หลินก็หยุดเดินด้วยเหมือนกัน ยืนรอเซี่ยจื้ออ่านจบอย่างอดทน

ในเวลานี้ มีคนกำลังเรียกชื่อของเย่หลินอยู่

“พี่หลิน! พี่มาจริงๆ ด้วย! ดีเหลือเกิน!”

คือหลินเสี่ยวเทียนที่ไปขวางเย่หลินไว้ที่สระว่ายน้ำของโรงแรมฮุ่ยหมิงเมื่อคราวก่อน

“ฉันเบี้ยวนัดนาย แต่ก็ไม่กล้าเบี้ยวลั่วหลีหรอก”

“แต่ว่าวันนี้พี่ใหญ่ลั่วไม่อยู่ เขาบอกว่าให้พี่นำทีม” หลินเสี่ยวเทียนลูบๆ ท้ายทอย

เย่หลินประหลาดใจอยู่บ้าง “เขาไปไหนแล้ว?”

“เขาว่า…พี่เจียรุ่นเอาแต่เสแสร้งว่ายังเจ็บไม่หายอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาจะคุมตัวพี่เจียรุ่นไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง!”

“อ๋อ” เย่หลินยิ้มๆ “สมน้ำหน้า”

เฉินเจียรุ่นเอาแต่กินๆ นอนๆ อยู่ในหอพักมานานเกินไปแล้ว ทั้งคนทั้งสวรรค์ต่างพากันหมั่นไส้

“พี่ใหญ่ลั่วบอกว่าเราไม่ต้องกังวลว่าจะแพ้น่าอนาถเกินไป เขาบอกว่าพี่จะพากำลังเสริมมา…” สายตาของหลินเสี่ยวเทียนมาหยุดอยู่ที่เซี่ยจื้อที่อยู่ด้านข้าง กล่าวอย่างตื่นตะลึง “โอ๊ะ! เด็กนี่นี่เอง! เขาอยู่มหา’ลัยเราด้วยเหรอ?”

เซี่ยจื้อสอดมือล้วงกระเป๋า ไม่พูดอะไรสักคำ ค่อนข้างจะวางท่าหยิ่ง

บวกกับครั้งที่แล้วในสระว่ายน้ำโรงแรมที่เซี่ยจื้อ KO หลินเสี่ยวเทียนไปได้ ก็ทำให้หลินเสี่ยวเทียนมีความรู้สึกถูกกดดันอยู่บ้าง 

เย่หลินเดินเข้ามาแล้วใช้มือเดียวโอบไหล่หลินเสี่ยวเทียนไว้ ลดเสียงให้เบาลงกล่าว “พวกนายไม่พูด พวกหนานเฉิงจะรู้เหรอ? พวกเขาคงคิดแค่ว่าเซี่ยจื้อเป็นเด็กปีหนึ่งไง!”

หลินเสี่ยวเทียนเอียงคอกล่าว “พี่หลิน…แบบนี้ไม่ดีมั้ง? นี่มันโกงไหม?”

เย่หลินยิ้ม “ถ้าต่อไปเขาสอบเข้าม.Q ได้ ก็ไม่นับว่าโกงแล้วไง!”

แค่ดูก็รู้ว่าหลินเสี่ยวเทียนเป็นเด็กซื่อตรงคนหนึ่ง

“งั้นก็ต้องรอถึงปีหน้า เขาสอบเข้าได้แล้ว ถึงไม่นับว่าเราโกงใช่ไหม?”

“นายแค่บอกฉันมาว่าเรายังอยากชนะอยู่ไหม”

“อยากสิ”

“งั้นก็เลิกเป็นคนดีซะ อยู่กับเซี่ยจื้อให้ดีๆ!”

หลินเสี่ยวเทียนเหล่ตามองเซี่ยจื้อแวบหนึ่ง นึกถึงผลงานของเซี่ยจื้อในวันนั้น ก็เอาความซื่อสัตย์ป้อนหมาไปเลย เขาเดินมาตรงหน้าเซี่ยจื้อ

“เฮ้! วันนี้แสดงฝีมือให้ดี! ต้องให้ไอ้พวกหนานเฉิงนั่นรู้ว่า ขุมกำลังของทีมว่ายน้ำชายม.Q เราแข็งแกร่งมาก!”

“หา?” เซี่ยจื้อจับต้นชนปลายไม่ถูก

ขณะที่เดินไปที่สระว่ายน้ำ เย่หลินก็อธิบายให้เซี่ยจื้อฟังไปพลาง

“อันที่จริงแล้วนัดอุ่นเครื่องครั้งนี้ โดยหลักก็เพื่อให้คนใหม่ที่เพิ่งเข้าทีมว่ายน้ำมาปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขัน ส่วนพวกตัวเก่งๆ เช่นว่าคนอย่างฉันนี่ ยืนดูอยู่ข้างสระกันหมด”

“พี่แน่ใจเหรอว่าช่วยให้คนใหม่ปรับตัวเข้ากับการแข่งขัน หรือว่ามาอวดใส่กัน?” เซี่ยจื้อถามเฉยชา

เดิมทีก่อนหน้าเซี่ยจื้อยังคิดว่าเย่หลินจะลงแข่งด้วย แต่ว่าตอนนี้ดูแล้วอย่าว่าแต่ลงแข่งเลย ไม่แน่ว่ากระทั่งกางเกงว่ายน้ำเขาก็อาจไม่เปลี่ยนเสียด้วยซ้ำ

“อืม…ถือว่าอวดใส่กันก็ได้ ต่างก็อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่า ไอ้พวกลูกหมูของตัวเองน่ะถ้าฝึกเลี้ยงดูอีกสักหน่อยก็ส่งออกได้แล้ว!”

“ตกลงแล้วพวกพี่เป็นทีมว่ายน้ำ หรือว่าทีมเลี้ยงหมูกันแน่?”

จู่ๆ เย่หลินก็เงียบไป เซี่ยจื้อยังคิดว่าเป็นแค่การล้อเล่นกันก็เท่านั้น ไม่นับว่าเป็นการไม่เคารพทีมว่ายน้ำมหาวิทยาลัย Q หรอกมั้ง?

ใครจะรู้ว่าเย่หลินจะดึงหูเซี่ยจื้อเข้ามาหาแล้วพูดเบาๆ ว่า “แล้วนายเต็มใจให้ฉันเลี้ยงไหมล่ะ?”

เซี่ยจื้อยกไหล่ขึ้นมา ลมหายใจของเย่หลินเหมือนจะแทรกซึมเข้าไปในผิวหนัง

“ผมไม่ใช่ลูกหมูสักหน่อย!”

ใครจะรู้ว่าจู่ๆ เย่หลินก็ตะโกนออกมา “โอ๊ะ! ลูกหมูบ้านฉันตั้งท้อง! ตกลงใครทำกันแน่!”

นักศึกษาที่เดินผ่านไปไม่น้อยต่างนิ่งอึ้ง

เซี่ยจื้อก้มหน้า แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเย่หลิน แล้วพาดมือลงบนไหล่ของหลินเสี่ยวเทียนที่ยืนอึ้งอยู่ข้างๆ “เราไปกันเถอะ! ปล่อยให้เขาโฆษณาว่าหมูท้องอยู่ที่นี่คนเดียวไป!”


 

พอมาถึงสระว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยหนานเฉิง เซี่ยจื้อก็มองดูช่องว่ายมาตรฐานห้าสิบเมตรอย่างใจลอย

ทางฝั่งนั้น โจวเสียงโค้ชของหนานเฉิงกำลังพูดคุยทักทายอยู่กับไป๋จิ่งเหวินโค้ชของทีมว่ายน้ำมหาวิทยาลัย Q

“ไอ้หยา! ไท่ไป๋จินซิง ไม่ได้เจอกันพักหนึ่งแล้ว ดูนายซีดเซียวไปไม่น้อยเลย! เพราะระยะนี้ตัวนักกีฬาในทีมไม่ดีใช่หรือเปล่า กลุ้มอยู่ละสิ!”

“เหล่าโจว! ไม่ใช่ว่าตัวนักกีฬาในทีมไม่ดี แต่มันดีเกินไปต่างหาก ฝึกซ้อมไม่ไหว ตะโกนจนคอจะแตกแล้ว!”

สองคนเสแสร้งทำเป็นกอดกัน เสียงดังกันทั้งคู่ ราวกับกลัวว่าลูกทีมทั้งสองฝั่งจะไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น

ในสายตาของเซี่ยจื้อแล้ว พฤติกรรมเช่นนี้ของพวกเขาทั้งเสแสร้งทั้งปัญญาอ่อน มีอะไรก็มาวัดกันในสระว่ายน้ำไปเลยไม่ได้หรือไง?

เย่หลินสวมเสื้อวอร์มตัวหลวม สะพายเป้ออกกำลังกายเดินเข้ามา เขาดึงดูดสายตาของคนนับไม่ถ้วน

เขาไม่เหมือนกับสมาชิกใหม่ในทีมที่มีสีหน้าตึงเครียด ที่กลัวว่าตนเองจะทำผลงานได้ไม่ดีเหล่านั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาสุขุมมาก 

“ไอ้หยา ฉันยังพูดอยู่เลยว่าเฉินเจียรุ่นบาดเจ็บไม่ลงแข่งก็แล้วไป กระทั่งลั่วหลีกัปตันทีมก็ยังไม่มา พวกนายจะจองหองอะไรกันขนาดนี้! นึกไม่ถึงว่าเย่หลินจะกลับมาได้!” โจวเสียงเดินเข้ามา ตบๆ ที่ไหล่ของเย่หลิน “นายนี่ไม่ได้ลงแข่งมาตั้งปีหนึ่งแล้ว ตกลงเป็นอะไรกันแน่?”

“รอใครสักคนที่ทำให้หัวใจผมเต้นเร็วอยู่ไงครับ” เย่หลินยิ้มกล่าว

“เจ้าเด็กนี่ กับฉันก็ยังพูดเล่น!”

อีกด้านหนึ่ง หลินเสี่ยวเทียนก็กระตือรือร้นแนะนำเซี่ยจื้อให้กับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ

“นี่คือเพื่อนของพี่หลิน มีแผนจะเข้าร่วมทีมว่ายน้ำของเรา โค้ชไป๋ของพวกเราคิดว่า ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องได้ฝึกซ้อมด้วยกัน ไม่สู้ให้ทุกคนรู้จักกันเร็วหน่อย ปรับตัวกันไว้ล่วงหน้า!”

หลินเสี่ยวเทียนพูดอย่างเป็นจริงเป็นจัง จนเซี่ยจื้อยังรู้สึกจริงๆ เลยว่า ปีหน้าตนเองจะเข้ามหา’ลัย Q แล้ว

“อ้อ! นายอยู่สาขาไหน? ทำไมมาเข้าทีมช้าขนาดนี้!”

เซี่ยจื้อถึงได้เข้าใจว่า คนอื่นๆ ต่างพากันเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย Q ช้าไปสามสี่เดือนกว่าจะตัดสินใจเข้าร่วมทีม ชั่วประเดี๋ยวประด๋าวไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไรดี เอาเถอะถ้าพูดเรื่องจริงออกไป ตนเองก็จะลงน้ำไม่ได้แล้วใช่หรือไม่?

ในเวลานี้เองเย่หลินก็เดินเข้ามาหาพอดี เขาขยี้ศีรษะของเซี่ยจื้อไปทีหนึ่ง “งั้นวันนี้เขาก็ต้องแสดงฝีมือให้ดี ไท่ไป๋จินซิงถึงจะยอมรับเขาไงล่ะ!”

เซี่ยจื้อตกตะลึงมาก ถามเย่หลินว่า “พี่บอกโค้ชของพวกพี่ไปแล้วด้วยเหรอ?”

“ใช่สิ” เย่หลินตอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล “คนจัดการแข่งขันคือโค้ช โค้ชไม่เห็นด้วย จะให้นายไปแข่งได้เหรอ?”

เวลานี้ไป๋จิ่งเหวินยืนอยู่ไม่ไกลนัก ทำมือส่งมาทางเย่หลินกับเซี่ยจื้อว่าให้ “เดินมา”

เย่หลินจึงพาเซี่ยจื้อไปหาเขา

“สะใภ้ขี้เหร่อย่างไรก็ต้องพบพ่อแม่สามีอยู่ดี”

“พี่สิสะใภ้ขี้เหร่!”

เซี่ยจื้อเดินมาถึงตรงหน้าไป๋จิ่งเหวิน โค้ชคนนี้ตัวสูงมาก เกษียณมาจากทีมว่ายน้ำระดับชาติ รูปร่างไม่ได้ดูหย่อนหยานไปเพราะการเกษียณเลย ในทางกลับกันเขายังคงออกกำลังกายรักษารูปร่างอยู่ ดูสูงใหญ่มีอำนาจบารมี

ชื่อของไป๋จิ่งเหวินฟังดูแล้วสุภาพเรียบร้อยมาก แต่เวลาที่เขาไม่ยิ้มไม่พูดล้อเล่นนั้น เป็นคนเคร่งขรึมจริงจังมากทีเดียว

“สวัสดีครับโค้ชไป๋” เซี่ยจื้อพยายามทำให้เสียงของตัวเองฟังดูนิ่งที่สุด

“อืม ที่จริงตามหลักแล้ว ฉันไม่มีทางยอมให้คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของทีมว่ายน้ำม.Q เข้าร่วมนัดอุ่นเครื่องอย่างนี้หรอก เพราะยังไงการที่ทุกคนจะได้โอกาสฝึกซ้อมสักครั้งก็ไม่ได้ง่ายๆ เลย แต่ละคนต่างก็แย่งโอกาสที่จะทำผลงานกันทั้งนั้น”

เซี่ยจื้อเองก็รู้เช่นกันว่า ทีมที่มีขุมกำลังยิ่งใหญ่อย่างมหาวิทยาลัย Q แน่นอนว่าการแข่งขันภายในยิ่งต้องมีมาก

“แต่เย่หลินบอกฉันว่า นายเป็นลูกชายของเซี่ยอวิ๋น ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจให้โอกาสนี้กับนาย ให้นายเป็นสมาชิกคนหนึ่งในทีมของเราไปก่อนชั่วคราว ถ้าหากฝีมือนายไม่ดี ต่อไปจะไปไหนก็ไสหัวไปเลย”

เซี่ยจื้อนึกไม่ถึงเลยว่า อีกฝ่ายจะรู้จักกับบิดาของตนเอง

“เมื่อก่อนฉันกับพ่อนายเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน แล้วยังอยู่ในหอพักเดียวกันด้วย พ่อนายเป็นความภาคภูมิใจของนักกีฬาว่ายน้ำในยุคสมัยพวกเรา ถ้านายทำพ่อนายขายหน้า ฉันจะถีบนายให้ตายเลย”

ชั่วขณะนั้น เซี่ยจื้อก็มองเห็นความคาดหวังภายในดวงตาที่ดูเหมือนเข้มงวดของไป๋จิ่งเหวิน

เขาทิ้งช่วงไปเกือบสามปี โอกาสที่จะได้ร่วมการแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรก อันที่จริงแล้วก็ได้มาเพราะอาศัยบิดา

“หลินเสี่ยวเทียน——นายมานี่ พาเซี่ยจื้อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ช่วยเขายืดเส้นสายอบอุ่นร่างกายด้วย!”

“ครับ!”

พอหลินเสี่ยวเทียนพาเซี่ยจื้อไปแล้ว ไป๋จิ่งเหวินถึงได้มองไปที่เย่หลิน

“วันนี้นายคงไม่หลับในสระแล้วใช่ไหม?”

“เอ่อ…ไม่รู้ครับ” เย่หลินสอดมือล้วงกระเป๋า เงยหน้าขึ้น

“นายว่า จะให้จัดนายกับเซี่ยจื้ออยู่ในการแข่งรอบเดียวกัน ฉันคิดว่ายังไงก็ได้ แต่ว่าในการว่ายผลัด นายขอให้เซี่ยจื้อเป็นผลัดสุดท้าย เพราะอะไร?”

“แข่งว่ายผลัดเป็นสถานการณ์เดียวที่ผมไม่มีโอกาสจะได้ลงสระแข่งพร้อมกับเขาเลยให้เขาทำแทนผม เขามีความสามารถนี้” เย่หลินลูบๆ ปลายจมูก “นายบอกว่าเวลาที่มีเขาอยู่นายจะไม่ถอดจิต…นายหมายความแบบนั้นจริงเหรอ?” ไป๋จิ่งเหวินขมวดคิ้วขึ้นมา

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก เพราะฉะนั้นถึงต้องลองสักตั้งไงครับ” เย่หลินหันไปเตือนไป๋จิ่งเหวิน “ถ้าผมหลับไป อย่าลืมไปช้อนผมขึ้นมาด้วยนะครับ”

“ประสาท”

ไป๋จิ่งเหวินแม้ปากจะพูดเช่นนี้ ทว่าในใจกลับเป็นกังวลจริงจัง

อีกฝั่งของขอบสระ เจียงอี้กัปตันทีมว่ายน้ำชายของหนานเฉิงก็พูดอยู่ที่ข้างโค้ชโจวว่า “ดูจากท่าทางที่เย่หลินหัวเราะพูดคุยกับไป๋จิ่งเหวิน บางทีร่างกายเขาอาจจะหายดีเป็นปกติเหมือนเดิมแล้วก็ได้”

โค้ชโจวขมวดคิ้วส่ายหน้า “วันนั้น ภาพเหตุการณ์ตอนที่ลั่วหลีกระโดดน้ำลงไปช่วยเย่หลิน นายก็เห็น นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่นอน”

เจียงอี้ไม่ได้พูดอะไร หยิบเอาตารางแบ่งกลุ่มแข่งขันอุ่นเครื่องเป็นสองทีมออกมา

“เย่หลินลงแข่งแค่ฟรีสไตล์สองรายการเท่านั้น ห้าสิบเมตรกับร้อยเมตร ต้องการแรงระเบิดกล้ามเนื้อมากทั้งนั้น”

“แต่ว่ารายการระยะกลางกับระยะยาวเขาไม่ได้ลงแข่งสักอันเลยเหรอ?” โค้ชโจวถาม

“ครับ เรามาดูกันว่าเย่หลินจะว่ายได้ยังไงก็แล้วกัน ปีที่แล้วหลังเขาออกจากทีมไป เวลาที่ผมกับลั่วหลีแล้วก็เฉินเจียรุ่นเจอหน้ากัน พอผมถามถึงอาการของเย่หลินขึ้นมา พวกเขาก็ไม่ได้บอกว่าเย่หลินอยู่ในโรงพยาบาลอะไรพวกนี้เลย ไม่เหมือนว่าร่างกายมีปัญหาจริงๆ”

“แต่ว่าไม่ได้ลงแข่งมาเป็นปี อย่างไรเสียก็ต้องมีปัญหา ทีมว่ายน้ำชายของม.Q ยังค่อนข้างจะอ่อนในรายการว่ายฟรีสไตล์อยู่บ้าง มาดูกันว่าที่พวกเขารับเข้าทีมใหม่ในปีนี้จะมีที่สร้างแรงกดดันให้พวกเราได้ไหม”

เย่หลินสะพายกระเป๋า เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นหลินเสี่ยวเทียนกับเซี่ยจื้อต่างฝ่ายต่างกำลังยืดเส้นสายให้กันอยู่ โดยรอบคือสายตาที่สอดส่องของเหล่าบรรดาสมาชิกปีหนึ่งและปีสองคนอื่นๆ ในทีม 

พวกเขาต่างกำลังคาดเดาว่าเซี่ยจื้อมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมเย่หลินถึงพามาด้วยตนเอง

รูปร่างและกล้ามเนื้อของเซี่ยจื้อน่ามองมาก โดยเฉพาะเวลาที่เขาบิดลำตัวท่อนบน เส้นกล้ามเนื้อที่เอวและแผ่นหลังทำให้คนนึกถึงประโยคที่ว่า “วายุหมื่นลี้ส่งห่านป่า” นั่นเป็นพละกำลังที่อยู่ตรงกลางแบ่งขอบเขตระหว่างเด็กหนุ่มกับชายหนุ่ม

ริมฝีปากเย่หลินแต้มรอยยิ้ม ทว่าสายตากลับหม่นหมองลงไป

เซี่ยจื้อในเวลานี้ก้มหน้าลง สองมือจับอยู่ที่เอวของกางเกงออกกำลังกาย ก้มตัวลงไป เผยให้เห็นบั้นเอวทั้งหมด

เย่หลินไม่ได้ขยับ หากแต่เบนหน้าไปเล็กน้อย

เซี่ยจื้อสวมกางเกงว่ายน้ำไว้ด้านในแล้ว กางเกงว่ายน้ำที่รัดแน่นเผยรูปร่างของเขาออกมาให้เห็นหมด นั่นกลับไม่ใช่กล้ามเนื้อที่จงใจปั้นออกมาจากฟิตเนส หากแต่เป็นเส้นกล้ามเนื้อที่ปั้นออกมาจากสายน้ำ โดยเฉพาะขาคู่นั้น พอสายตาได้สัมผัสก็โหยหาอยากจะกลายเป็นกระแสน้ำซัดสาด ห่อหุ้มพวกมันไว้ ไหลเชี่ยวไปตามพวกมัน

“พี่หลิน พี่มาแล้ว!” หลินเสี่ยวเทียนเดินมาตรงหน้าเย่หลิน

“อือ” เย่หลินยิ้มๆ

เพราะอย่างไรเสียในบรรดาสมาชิกทีมที่ลงแข่งขันในวันนี้ เย่หลินก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ที่สุด แล้วผลงานก็ยังโดดเด่นเจิดจ้าเป็นที่สุดด้วยเช่นกัน 

สมาชิกเด็กๆ คนอื่นๆ ที่เพิ่งเข้าทีมมาแทบจะไม่เคยได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเย่หลินเลย ต่างใช้สายตามองดูเขา เพียงแต่สายตาเช่นนี้ไม่ได้เคารพยกย่องไปเสียทั้งหมด

เซี่ยจื้อเข้าใจความคิดของพวกเขาได้ในปราดเดียว พวกเขากำลังสงสัยอยู่เช่นกันว่า เย่หลินฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติแล้วหรือไม่? เขายังจะเก่งกาจได้เหมือนเมื่อก่อนไหม?

คนที่มองอะไรทะลุปรุโปร่งเช่นเย่หลิน จะมองสายตาคนอื่นแล้วไม่เข้าใจเสียที่ไหน หากแต่เขากลับสามารถเดินมาตรงหน้าเซี่ยจื้ออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ใช้แขนล็อกคอเซี่ยจื้อไว้ ขยับเข้าใกล้ข้างหูของเขา เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นน้ำเสียงที่เจือเสียงหัวเราะ ทว่ากลับจริงจังอย่างมาก

“เซี่ยจื้อ แต่ละรายการจะแบ่งเป็นสองกลุ่มแข่งรอบคัดเลือก หลังจากรอบคัดเลือกก็จะเข้าไปที่รอบชิงเลย แสดงฝีมือให้เต็มที่”

“รู้แล้วครับ”

เซี่ยจื้อหันศีรษะออกไปตามสัญชาตญาณ เขาไม่ได้ชอบให้มีคนมาพูดอยู่ที่ข้างหู เพราะความอุ่นร้อนนั่นมันรู้สึกเหนียวเหนอะมาก

แต่ว่าลมหายใจของเย่หลินต่างออกไป ในความอุ่นร้อนของมันเจือด้วยความชัดเจนเด็ดขาดอย่างหนึ่ง เหมือนกับพละกำลังในการลงน้ำและขึ้นจากน้ำทุกครั้งของเขา กลับสามารถดำดิ่งลงไปอย่างไร้สุ้มเสียงหลังย้อนกลับมาแล้ว 

“ใช่แล้ว ถ้าครั้งนี้ผมเอาชนะพี่ได้ล่ะ?” เซี่ยจื้อไม่ได้มองเย่หลิน ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง

จากมุมมองของเย่หลินแล้ว เขาสามารถมองเห็นขนตาที่หลุบลงของเซี่ยจื้อได้ ขนตาของเซี่ยจื้อไม่ได้ยาว แต่กลับมีความดึงดันอยู่บ้าง บวกกับดั้งจมูกที่หล่อเหลาสูงโด่งเข้าไปนั่นแล้ว ความอ่อนละมุนที่ตัดกับความแข็งกร้าวนี้ กลับทำให้คนรู้สึกคันยุบยิบในใจขึ้นมา

“อือ นายชอบฉันขนาดนั้น…ถ้านายเอาชนะฉันได้ ฉันจะฝืนใจยกตัวฉันให้นายเลยแล้วกัน”

เย่หลินทำท่าครุ่นคิดใคร่ครวญ

หลังจากที่เซี่ยจื้อเห็นคำพูดพวกนั้นที่เย่หลินเขียนอยู่บนกล่องของขวัญเป็นต้นมา เซี่ยจื้อก็ได้เตรียมใจกับลักษณะเช่นนี้ของเย่หลินเอาไว้แล้ว 

สามารถพูดล้อเล่นกันได้ มันแสดงถึงความสนิทสนมระหว่างพวกเขา

เซี่ยจื้อแม้ใบหน้าจะทำเฉยเมย ทว่าในใจกลับหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เย่หลินกับเขาจะสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ สนิทสนมกันแบบที่ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันอะไรจำพวกนั้นเป็นดีที่สุด

“เหอๆ ได้ งั้นผมจะรับไว้ให้ดีๆ”

เซี่ยจื้อเดินผ่านข้างกายเย่หลินไป ทิ้งท้ายอีกครึ่งประโยคที่เหลือ “ถึงเวลาพี่ก็รับผิดชอบยกน้ำมาล้างเท้า ขัดห้องน้ำ ซักกางเกงว่ายน้ำให้ผมแล้วกัน”

“ฉันยังอุ่นเตียงเป็นด้วยนะ เรื่องนี้ฉันทำได้ดีมากเลยแหละ” เย่หลินกล่าวต่อ

“พี่ฝันไปเถอะ”

 

หนังสือแนะนำ All

Special Deal