(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน ความปรารถนาไร้เดียงสาของโอเมก้า Low Class เล่ม 1

Wednesday

ตอนที่ 3

โม่ฉือใช้ฝักบัวฉีดตัวลวกๆ ท่าทางเหมือนสุขกายสบายใจเหลือเกิน ก่อนออกจากห้องน้ำเขามองดูชายที่ขดตัวพิงผนังอย่างหมดสภาพ เส้นผมยุ่งเหยิง อ้าปากหอบหายใจ คราบน้ำขาวขุ่นเปรอะไปทั่วร่างขาวนวลที่ป่นปี้นั่น

โม่ฉือประหลาดใจกับความปรารถนาที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร เขาเป็นถึงอัลฟ่าระดับสูง จึงมีปฏิกิริยากับฟีโรโมนได้ว่องไวอยู่แล้ว ประจวบเหมาะกับที่เขามีรสนิยมชอบฟีโรโมนของเจ้าคนนี้พอดี ถึงได้เกิดความปรารถนาเร้นลับหลังจากที่การติดฮีตสิ้นสุด อย่างไรก็ได้ร่วมรักกันถึงสองวันแล้ว จะเพิ่มอีกสักสองครั้งก็ไม่เห็นเป็นอะไร

โม่ฉือยังคงมีท่าทีหยิ่งยโสเหมือนเดิม ทั้งยังคว้าผ้าขนหนูโยนใส่หรงเชว่ ทิ้งไว้เพียงคำพูดที่ว่า “ล้างตัวให้สะอาดแล้วออกมา”

ว่าแล้วก็เดินจากไป

ทิ้งให้หรงเชว่ขดตัวอยู่ที่ผนังห้องน้ำ หรงเชว่หอบหายใจเพื่อปรับจังหวะให้เป็นปกติ ก่อนจะใช้มือเกาะผนังแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา

เมื่อโม่ฉือเดินออกจากห้องน้ำมาแล้วก็ควานหาเสื้อผ้ามาสวม จากนั้นหยิบมือถือโทรหาตำรวจที่สนิทสนมกัน เรื่องที่เจ้าหมาน้อยขโมยสเปิร์มของเขา จะจบลงง่ายๆ ด้วยการมีเซ็กซ์เพียงไม่กี่ครั้งไม่ได้

หลังจากโม่ฉือพูดคุยกับตำรวจแล้ว ตำรวจก็รีบส่งคนมาทันที แต่รอตั้งนานกลับไม่เห็นคนที่อยู่ในห้องน้ำเดินออกมา โม่ฉือรู้สึกสงสัยจึงผลักประตูห้องน้ำเข้าไป พบว่าในนั้นไม่มีใครสักคน

หน้าต่างถูกเปิดเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าคนนั้นคงกระโดดหน้าต่างหนีไปแล้ว

ตำรวจเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยว่า “คุณโม่อย่าได้กังวลใจ ต่อให้เขากระโดดหน้าต่างหนีไปแล้ว แต่เรามั่นใจว่าจะสามารถหาทางจับเขามาได้แน่นอน”

ความจริงแล้วเรื่องที่จะจับอีกฝ่ายส่งเข้าคุกที่ขังนักโทษอัลฟ่าต้องคดีอุกฉกรรจ์นั้นเป็นเรื่องที่เขาก็แค่ขู่ไปงั้นๆ โม่ฉือแจ้งตำรวจเพราะอยากจะตั้งข้อหาอีกฝ่าย จะได้ถูกขังหลายเดือนหน่อย ถือเป็นการสั่งสอนเล่นๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะตกใจมากขนาดนั้น

โม่ฉือมองดูพื้นห้องน้ำที่เปียกแฉะ เมื่อนึกถึงสภาพอ่อนเปลี้ยราวกับถูกเขา ‘รัก’ จนป่นปี้ขนาดนั้นแล้ว ยังอุตส่าห์หนีไปได้ในสภาพนั้นอีก

โดนเขาปลุกปล้ำเสียยับเยินแบบนั้น โอเมก้าโลว์คลาสท้องยากอย่างเจ้านั่น คงต้องนอนซมกับเตียงเป็นเวลาสิบวันถึงครึ่งเดือนแน่นอน ถือว่าเป็นการสั่งสอนก็แล้วกัน

เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว โม่ฉือก็โบกมือให้ตำรวจที่อยู่ด้านหลัง “ช่างเถอะ”

เขายุ่งจะตาย ไม่อยากจะมาเสียเวลาหรือสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปกับคนแบบนั้นนักหรอก

 

 

หรงเชว่ขดตัวนอนห่มผ้านวมผืนหนาอยู่บนเตียง ไข้ที่ขึ้นสูงทำให้เขาที่แม้จะนอนหลับ แต่สติสตังกลับสับสนวุ่นวาย พอตกใจตื่นก็พบว่าตัวเองกลับถึงห้องพักเรียบร้อยแล้ว ร่างกายที่สั่นเทาถึงได้กลับมาเป็นปกติ เสียงบิดประตูดังขึ้นจากด้านนอก ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก เหยียนซีหิ้วยาที่ซื้อเดินเข้ามา

เหยียนซีมองดูชายที่นอนหน้าแดงหายใจรวยรินอยู่บนเตียงแล้วก็นึกอยากตบกบาลเข้าให้

แต่พอคิดว่าเดิมทีเจ้านี่ก็ไม่ได้ฉลาดเฉลียวอยู่แล้ว เกิดตบแล้วโง่ยิ่งกว่าเดิมละ จึงได้แต่ข่มกลั้นเอาไว้

เหยียนซีเดินไปรินน้ำอุ่นมาแก้วหนึ่ง หยิบยาลดไข้จากในถุงออกมาแล้วยัดใส่มืออีกฝ่ายอย่างดุดัน สื่อให้รู้ว่าจงกินมันเข้าไปซะ

“สมองนายพังแล้วใช่ปะ คนอย่างโม่ฉือ นายยังกล้าแหยม? ฉันว่านายคงเบื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!”

หรงเชว่พยายามกลืนยาลงคออย่างยากลำบาก ปากขมเหลือเกิน

“โชคดีที่ดูเหมือนว่าโม่ฉือไม่คิดจะไล่ล่านายต่อ ไม่งั้นให้มีนายเป็นสิบ ก็ทนการทรมานจากเขาไม่ไหว...”

“ดูเอาเถอะ ปกตินายก็ไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ เป็นบ้าอะไรถึงได้ทำลงไปได้? ฉันอุตส่าห์หางานพาร์ตไทม์ที่โรงแรมให้นาย เพื่อจะให้นายไปนอนกับอัลฟ่าเหรอ? เอาละสิ งานตรงนี้ก็เสียไปละ ดีไม่ดี งานที่นายอุตส่าห์พยายามแทบตายกว่าจะหาได้ อาจพลอยปลิวไปด้วย...”

“ตอนนี้นายก็อธิษฐานเข้าเถอะ ภาวนาอย่าให้โม่ฉือเห็นนายอยู่ที่บริษัทเขา ไม่งั้นละก็...จบเห่แน่”

หรงเชว่ชินกับความขี้บ่นของเพื่อนมานานแล้ว รู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วงถึงได้บ่นแบบนี้

ทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากที่เรียนจบก็อยู่ทำงานที่เมืองนี้ด้วยกัน เนื่องจากเป็นคนต่างถิ่น มีฐานะธรรมดา ทำให้ทั้งสองไม่ค่อยมีเพื่อน จึงเช่าห้องในเขตเก่าๆ แห่งหนึ่งด้วยกัน จะได้ดูแลซึ่งกันและกันได้

มีเพียงเหยียนซีที่รู้ว่าทำไมหรงเชว่จึงรีบร้อนอยากตั้งท้อง แต่ถึงอย่างไรหลังจากที่รับสายขอความช่วยเหลือจากหรงเชว่แล้ว เขาก็รีบขับรถไปหา พอได้เห็นอีกฝ่ายเดินเท้าเปล่าสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำ สภาพน่าเอนจอนาถ ก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่ารอบแล้วรอบเล่า

หรงเชว่มองดูผู้ชายที่โมโหโทโสอยู่ข้างเตียงแล้วก็เอ่ยเสียงอ่อยๆ ว่า “...ผ่านมาตั้งสี่วัน ทางบริษัทไม่ได้ลงดาบฉัน แบบนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ...” เหยียนซีกลอกตามองบน เอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้ว?”

หรงเชว่เม้มริมฝีปากบาง พยักหน้าอย่างน่าเวทนา

เหยียนซีเห็นสภาพเพื่อนแล้ว พลันนึกย้อนไปถึงภาพของเพื่อนสนิทคนนี้ตอนที่เขาไปพบ รอยเขียวช้ำบนตัวทำให้เขาด่าต่อไม่ลงจริงๆ เหยียนซีจึงทำเพียงถอนหายใจในความไม่ได้เรื่องของอีกฝ่าย “ต่อไปอย่าคิดทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก โดยเฉพาะกับอัลฟ่าระดับซูเปอร์ไฮคลาสอย่างโม่ฉือ ถึงครั้งนี้นายจะโชคดีที่เขายอมปล่อยนาย แต่ครั้งต่อไปก็ไม่แน่ นายก็รู้นี่นาว่าเวลาอยู่ต่อหน้าอัลฟ่า โอเมก้าได้แต่ต้องยอมสยบให้เท่านั้น”

หลังจากที่รองรับความต้องการช่วงติดฮีตของโม่ฉือจนเสร็จสิ้น แถมยังเพิ่มอีกสองยกในห้องน้ำ จากนั้นความปรารถนาที่ต้องการมีชีวิตรอดทำให้เขากระโดดหน้าต่างหนีออกมา และพยายามฝืนทนความกระปลกกระเปลี้ยจนกระทั่งเหยียนซีมารับถึงได้หมดสติไป หลังจากนั้นเขานอนสลบอยู่บนเตียงถึงสามวันเต็ม กลิ่นอายฟีโรโมนที่อหังการของโม่ฉือพลิกโหมภายในร่างกายของหรงเชว่ ทำให้เขาปั่นป่วนถึงสามวันเต็ม กระทั่งวันนี้ถึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ลุกจากเตียงไม่ได้อยู่ดีไม่รู้ว่าโดนทรมานมากไปหรือเพราะมีไข้สูงติดต่อกันหลายวัน ทำให้หรงเชว่อ่อนแอมากกระทั่งลุกจากเตียงไม่ไหว

แค่ครั้งเดียวเขาก็ทรมานเสียขนาดนี้ ยังจะกล้ามีครั้งที่สองอีกหรือ

หรงเชว่ที่นอนซมอยู่บนเตียงติดกันอาทิตย์หนึ่ง หลังจากนั้นก็ลองลุกจากเตียงมาเดินเหิน ผ่านมาหลายวันแล้ว ร่างกายฟื้นสภาพได้เสียที

โชคดีที่หรงเชว่เป็นโอเมก้า ช่วงเวลาเป็นฮีตจึงไม่แน่นอนอันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาขอลางานสิบวันได้โดยที่เพื่อนร่วมงานไม่ติดใจสงสัย

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เมื่อกลับไปที่บริษัทหรงเชว่ยังคงหวั่นใจรุนแรง เพราะบริษัทที่เขาทำงานอยู่เป็นของโม่ฉือ

มันจึงเป็นเหตุให้เขาจำโม่ฉือได้ในทันทีที่ได้เห็นอีกฝ่ายในห้องพักของโรงแรม

ในฐานะที่ชายหนุ่มเป็นบิ๊กบอสของตัวเอง หรงเชว่ย่อมรู้จักโม่ฉือดี ผู้ชายคนนี้สามารถสืบทอดธุรกิจของครอบครัวได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ความสามารถในการทำธุรกิจของเขานั้นร้ายกาจมาก มีธุรกิจภายใต้ชื่อของเขาไม่น้อย ทว่าส่วนใหญ่เขามักนั่งคุมสั่งการอยู่ที่สำนักงานใหญ่ และที่บังเอิญมากก็คือ หรงเชว่เป็นพนักงานแอดมินตัวเล็กๆ ที่สำนักงานใหญ่เช่นเดียวกัน

ถึงแม้จะเป็นพนักงานตัวเล็กๆ ที่วันๆ ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานวุ่นวาย แทบจะไม่ได้เจอหน้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านประธาน แต่เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าผู้ชายคนนั้นกับตนเองนั่งทำงานในตึกเดียวกัน หรงเชว่พลันรู้สึกขนหัวลุกทันที

เมื่อนึกว่าต่อให้โม่ฉือไม่คิดจะเอาเรื่อง แต่หากอีกฝ่ายรู้ว่าเขาทำงานในบริษัทของตัวเอง หร่งเชว่คงต้องเสียงานนี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ได้รับการจ้างงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนั้น ต่อให้เป็นแค่พนักงานแอดมินธรรมดาๆ ก็เถอะ ทว่าสำหรับโอเมก้าที่ไม่ได้มีครอบครัวยิ่งใหญ่อย่างหรงเชว่นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก คุณปู่ที่อยู่บ้านเกิดภาคภูมิใจมาก ดังนั้นเขาจึงหวงแหนโอกาสนี้มาโดยตลอด

หลังเหตุการณ์นั้น เขามาทำงานอย่างสงบสุขได้ครึ่งเดือน หัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลก็ผ่อนคลายลง คิดว่าเรื่องมันคงผ่านไปแบบนี้แล้วละ

แม้การที่เขาไม่ถูกจับได้ว่าไปก่อเรื่องอะไรมา จะถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ แต่พอหรงเชว่เห็นผลตรวจการตั้งครรภ์เขากลับรู้สึกเศร้าใจ

ไม่มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นจริงๆ ด้วย โอเมก้าโลว์คลาสอย่างเขาต่อให้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอัลฟ่าระดับซูเปอร์ไฮคลาส โอกาสตั้งท้องก็ยังต่ำเหมือนเดิม

เรื่องที่จะต้องเศร้าก็เศร้าไปแต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไปเช่นกัน กว่าจะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาได้จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ คุณปู่ที่อยู่บ้านเกิดก็อายุมากแล้ว ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน นี่จึงเป็นเวลาที่ต้องใช้เงิน เขาต้องตอบแทนคุณปู่แล้ว ดังนั้นนอกจากครุ่นคิดเรื่องตั้งครรภ์ หรงเชว่ก็ยังต้องทุ่มเทแรงกายอย่างเต็มที่ในการทำงานหาเงินด้วย

ต่อให้เขามีงานที่มั่นคงแล้วก็ตาม หรงเชว่ยังคิดจะหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย เผื่อเก็บไว้ใช้ในอนาคต

เพราะเรื่องของโม่ฉือทำให้เขาต้องเสียงานพิเศษก่อนหน้านี้ไป รายรับจึงลดน้อยลงไปมาก ทำให้หรงเชว่ที่ไม่มีความมั่นคงในชีวิตเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ

โชคดีที่ช่วงนี้บริษัทมีงานยุ่งมาก ค่าโอทีจึงมากตามด้วย ทั้งยังมีข้าวเย็นและมื้อดึกให้อีกต่างหาก เมื่อทำงานของตัวเองเสร็จ เขาจึงทำงานล่วงเวลาเพื่อช่วยเพื่อนร่วมงานที่ทำโอทีไม่ได้เพราะมีกิจธุระส่วนตัว

วันนี้เป็นวันศุกร์ ตอนบ่ายได้รับการแจ้งให้ทำโอทีกะทันหัน ทำให้บรรยากาศการทำงานในออฟฟิศกดดันมากขึ้น

แต่หรงเชว่กลับรู้สึกชาชินเมื่อได้ยินว่าต้องทำโอที งานในส่วนของเขาไม่เยอะ อย่างมากทำเพิ่มแค่ชั่วโมงเดียวก็เสร็จ กลับบ้านยังทันกินกับข้าวที่เหยียนซีทำได้ด้วย ช่างดีจริงๆ

หรงเชว่กำลังจะเอามือถือมาโทรบอกเหยียนซีว่าจะกลับค่ำหน่อย พลันเห็นโจวเฉียนที่นั่งโต๊ะข้างๆ กระเถิบเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีน่าเวทนา หรงเชว่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะให้เขาทำโอทีแทนอีกแน่ๆ

นั่นไงละ โจวเฉียนบ่นน้ำเสียงปนสะอื้นว่าผู้บริหารช่างแล้งน้ำใจไร้คุณธรรม จากนั้นก็ขอร้องหรงเชว่ให้ช่วยทำโอทีแทนอย่างน่าสงสาร

โจวเฉียนกับหรงเชว่ทั้งสองเป็นโอเมก้าซึ่งมีอยู่น้อยนิดในบริษัทแห่งนี้ อาจเพราะพวกเขาเป็นประเภทด้วยกัน อีกทั้งยังนั่งโต๊ะใกล้กันด้วย เรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์ดีต่อกันมาตลอด เมื่อได้ยินว่าโจวเฉียนมีธุระ หรงเชว่จึงรับปากทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดเลยพอเห็นเช่นนี้แล้วเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ต่างก็เริ่มเข้ามาหาหรงเชว่ หรงเชว่เห็นว่าตอนค่ำไม่มีธุระอะไร คิดแค่ว่าทำโอทีหลายชั่วโมงก็จะได้เงินเพิ่ม เขาจึงรับปากจะช่วยทุกคน

หลังจากมอบหมายงานกันคร่าวๆ แล้ว ถึงเวลาเลิกงานเพื่อนร่วมงานทั้งหลายต่างก็ทยอยกันกลับบ้านไป กระทั่งถึงสองทุ่ม เพื่อนๆ ที่ทำโอทีอยู่ด้วยกันก็เริ่มทยอยกลับบ้าน ห้องทำงานที่กว้างใหญ่จึงเหลือเพียงหรงเชว่คนเดียว

หรงเชว่เคยชินเสียแล้วกับการทำโอที เขาจึงตั้งใจทำต่อไปอีกพักหนึ่ง เมื่อมองดูนาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ดวงตาเริ่มล้า เขาอยากจะไปเอาอาหารมื้อดึกมาเตรียมไว้ก่อน จากนั้นค่อยกลับมาทำ โชคดีที่งานในมือเหลือไม่เยอะแล้ว อีกชั่วโมงเดียวก็เสร็จ

หนังสือแนะนำ All

Special Deal