Thursday
นี่เป็นช่วงค่ำที่ท้องฟ้าอากาศมืดครึ้ม หญิงสาวเชื้อสายนอร์ดิกที่แต่งหน้าจัดคนหนึ่งยืนอยู่หน้าอาคารเตี้ยซอมซ่อซึ่งเต็มไปด้วยหญ้าที่ขึ้นรก เธอฉีกยิ้มหว่านเสน่ห์ให้กับทีมงานซึ่งถือกล้องวิดีโออยู่
“ฉันดูเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม” ภาษาอังกฤษของเธอฟังดูแข็งกร้าว ออกเสียงพ่นลมทางจมูก
“ยอดเยี่ยม!” ตากล้องชูนิ้วโป้งให้เธอ “เมื่ออยู่หน้ากล้องของฉัน เธอช่างเปล่งประกายเหลือเกิน อ๊ะ จริงสิ รอบตัวเธอมีกล้องรีโมตบังคับบินอยู่สี่ตัวด้วย พวกมันจะจับภาพใบหน้าที่งดงามของเธอในแต่ละมุม คอยรักษาภาพลักษณ์ให้ดี”
“โรเบิร์ต ฉันไม่ใช่พวกอ่อนหัดที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักหน่อย” หญิงสาวโบกมือให้กล้องไมโครสี่ตัวกลางอากาศ พลางสางผมสีทองโปรยเสน่ห์ พูดด้วยเสียงหวานเยิ้ม “แต่ก็ต้องขอบคุณที่เตือนนะ”
กล้องวิดีโออัจฉริยะขั้นสูงสี่ตัวที่ดีไซน์เป็นรูปทรงเหมือนผึ้งบินรอบตัวหญิงสาว ถ่ายทอดรูปร่างที่งดงามของเธอให้เห็นทั่วทุกมุม
หญิงสาวเปิดใช้งานฟังก์ชันกระจกของกำไลอัจฉริยะ แล้วก็หยิบลิปสติกออกมาหนึ่งแท่ง แต่งเติมสีสันให้ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มอย่างละเมียดละไม
ตากล้องแหงนมองท้องฟ้า แล้วเร่งเธอ “ที่รัก เร่งมือหน่อยเถอะ ใกล้ถึงเวลาถ่ายทอดสดแล้ว”
“โอเคๆ ฉันรู้แล้วน่า!” หญิงสาวทำปากจู๋ใส่กระจกโฮโลแกรม แล้วค่อยหันตัวไปหากล้อง พร้อมกับเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้ม “สวัสดีค่ะทุกท่าน ฉันเอมิลีค่ะ วันนี้ฉันได้รับเชิญให้มาสัมภาษณ์ชายที่ชื่อว่าจวงหลี่”
เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย พอได้เห็นคำก่นด่าไหลทะลักเต็มหน้าจอถ่ายทอดสดถึงได้พูดต่อ “ถูกต้องค่ะๆ เขาก็คือจวงหลี่ที่ทุกท่านรู้จักนั่นแหละค่ะ หัวขโมยที่ช่วงชิงงานวิจัยของดร.จอห์นผู้ยิ่งใหญ่ของเขา เจ้าหัวขโมยคนนั้นนั่นเอง!”
ดร.จอห์นคือใคร หญิงสาวไม่ได้แนะนำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชมเข้าใจข้อมูลน้อยกว่าผู้ประกาศสาวเลย เพราะดร.จอห์นคนนี้เป็นบุคคลที่ทุกบ้านต่างรู้จักดี ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเลยก็ว่าได้
นิวตัน ไอสไตน์ ชเรอดิงเงอร์ เทสลา ไฟน์แมนที่เป็นดวงดาวส่องแสงเจิดจรัสในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษย์ล้วนหมองหม่นเมื่อเทียบกับแสงที่เปล่งประกายของดร.จอห์น นี่ไม่ใช่คำยกยอปอปั้นอะไร แต่เป็นเกียรติยศที่แท้จริง
ยี่สิบกว่าปีก่อน โลกซึ่งเป็นดวงดาวผู้ให้กำเนิดมนุษย์ถูกเอเลียนต่างดาวบุกโจมตี
สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยักษ์หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเหล่านี้ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน พวกมันกินวิญญาณและแร่บนโลกเป็นอาหาร จากนั้นจึงแพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนสัตว์ประหลาดเพิ่มขึ้น
เมื่อต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่แทบไม่มีจุดอ่อน มนุษยชาติจึงได้แต่พบพานกับความพ่ายแพ้
ในวันเวลาที่โลกทั้งใบตกอยู่ท่ามกลางอันตราย ดร.จอห์นเป็นผู้พบว่า ราชินีคือจุดอ่อนของเอเลียนทั้งหมด แค่รวบรวมกำลังเป็นหนึ่งกำจัดราชินี มนุษย์ก็จะพ้นภัย
ที่โชคร้ายก็คือ การใช้อาวุธนิวเคลียร์และระเบิดไฮโดรเจนเป็นจำนวนมาก จะส่งผลให้ภูมิอากาศและระบบนิเวศบนโลกแปรปรวนอย่างหนัก รังสีจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่หลงเหลือ จะทำให้มนุษย์ล้าหลังกว่าเอเลียน
ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่งอย่างยากลำบาก ดร.จอห์นคนเดิมก็เสนอแผนการอพยพสู่ดาวอังคาร และนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาสนับสนุน
วันนี้ในยี่สิบกว่าปีให้หลัง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทุกคนล้วนได้พิสูจน์ด้วยตาตนเองแล้ว : เอเลียนถูกกำจัด ชนชาติจีนที่เป็นทัพหน้า ตายในสงครามใหญ่ครั้งนั้น มนุษย์ที่รอดชีวิตอพยพหลบหนีไปจากโลกที่พังย่อยยับไปยังดาวอังคารได้อย่างราบรื่น
บาเรียพลังงานที่ดร.จอห์นคิดค้นทำให้ดาวอังคารเริ่มมีระบบนิเวศสีเขียวและแข็งแกร่ง เขาคือวีรบุรุษของเหล่ามนุษยชาติ
แต่หลังจากอพยพออกจากโลกแล้ว มนุษย์กลับต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ในการดำรงชีวิต ซึ่งก็คือปัญหาพลังงานขาดแคลน
บาเรียพลังงานจำนวนหลายร้อยหลังที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นผิวดาวอังคารนั้นบริโภคพลังงานมหาศาลในทุกวินาที หากไม่สามารถหาแหล่งพลังงานใหม่ที่เพียงพอมาทดแทน บาเรียพลังงานเหล่านี้ก็จะสลายตัวจนหมด สุญญากาศและอากาศหนาวเหน็บจะทำลายมนุษย์ที่อาศัยอยู่ภายใต้บาเรียพลังงานจนสูญสิ้น
ข่าวร้ายนี้ทำให้มนุษย์ตกอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวัง
ในช่วงเวลาคับขัน ดร.จอห์นคนเดิมได้เสนอวิธีแก้ไข
เขาค้นพบทฤษฎีสี่มิติจากการคำนวณด้วยข้อมูลมหาศาล และค้นพบวิธีสร้างไดสันสเฟียร์ (Dyson Sphere) หรือทรงกลมไดสันจากทฤษฎีเรขาคณิตในทฤษฎีสี่มิติ
ทุกคนต่างรู้กันว่าอารยธรรมของจักรวาลแบ่งเป็นเจ็ดระดับ ได้แก่ - อารยธรรมดาวเคราะห์ อารยธรรมดาวฤกษ์ อารยธรรมกาแลกซี อารยธรรมดาราจักร อารยธรรมเปลี่ยนผ่านหลากมิติ อารยธรรมโลกคู่ขนาน และอารยธรรมขั้นเทพ
ซึ่งหมวดหมู่การใช้พลังงานเป็นหนึ่งในแกนหลักในการแบ่งระดับอารยธรรม
เผ่าพันธุ์อัจฉริยะที่ไปถึงระดับอารยธรรมดาวเคราะห์สามารถดึงพลังงานทั้งหมดของดาวเคราะห์มาใช้งานได้ หากไปถึงระดับอารยธรรมดาวฤกษ์ก็สามารถใช้พลังงานจากดาวเคราะห์ทั้งดวงได้ตามใจชอบ อารยธรรมกาแลกซีก็สามารถยึดพลังงานของทั้งกาแลกซีมาเป็นของตนเองได้ อารยธรรมอื่นๆ ก็จัดประเภทด้วยหลักการเดียวกัน...
ส่วนมนุษย์ในตอนนี้ซึ่งสามารถอพยพมายังดาวอังคารได้นั้นอยู่แค่ระดับ 1.3 เท่านั้น ยังห่างไกลจากระดับ 2.0 อารยธรรมดาวฤกษ์อีกมาก
ถ้ามนุษย์ไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดข้ามจุดคอขวดไปได้ในเวลาสั้นๆ ดาวอังคารที่เหน็บหนาวจะกลายเป็นสุสานสุดท้ายของพวกเขา
แต่ทฤษฎีเรขาคณิตสี่มิติที่ดร.จอห์นนำเสนอสามารถเติมเต็มอารยธรรมระดับ 1.3 ให้เป็น 2.0 ได้ในพริบตา และช่วยดึงมนุษยชาติขึ้นมาจากห้วงเหวแห่งความสิ้นหวัง
ณ ปัจจุบัน ไดสันสเฟียร์ที่กระจายอยู่รอบดวงอาทิตย์ก็เริ่มก่อร่างขั้นต้นแล้ว ทำให้บาเรียพลังงานที่ใกล้สลายตัวเต็มทีได้รับพลังงานอย่างเต็มที่ และทำงานต่อไปได้อย่างเสถียร
หากเป็นไปตามคาด สิบปี ยี่สิบปีหลังจากนี้ ดาวอังคารจะถูกมนุษย์ปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นดวงดาวงดงามที่เต็มไปด้วยสีเขียวและสีฟ้า
ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าชื่อเสียงของดร.จอห์นจึงโด่งดังถึงขั้นที่คนทั่วไปไม่อาจจินตนาการได้ เพราะเหตุนี้ ตอนที่หญิงสาวเอ่ยชื่อของเขา บรรยากาศในช่องถ่ายทอดสดถึงได้คึกคักทันใด
ทั้งดอกไม้ หัวใจและเหรียญไหลทะลักเต็มจอ ทั้งคำขอบคุณ คำสรรเสริญรวมถึงคำบอกรักก็ยึดหน้าจอจนมิด
แต่ก่อนหน้านี้ที่หญิงสาวเอ่ยชื่อของจวงหลี่ ช่องถ่ายทอดสดกลับเต็มไปด้วยคำก่นด่า แดกดัน ตำหนิติเตียนจนแทบทนดูไม่ได้
ทำไมจวงหลี่ถึงถูกปฏิบัติเช่นนี้? เพราะเขาเคยแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะว่าทฤษฎีสี่มิติที่ว่าเป็นผลงานการวิจัยของเขา ไม่เกี่ยวกับดร.จอห์นเลยแม้แต่น้อย ดร.จอห์นซึ่งอยู่ในฐานะพ่อบุญธรรมขโมยแบบร่างงานวิจัยของเขาไปเผยแพร่ เป็นการกระทำของหัวขโมยชัดๆ!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำกล่าวโทษจากปากของเขาไม่มีใครเชื่อถือ เพราะในตอนนั้นอายุของเขายังไม่ถึงสิบห้าปีเต็มด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์แค่ไหน เด็กอายุสิบสี่สิบห้าจะสามารถคิดค้นทฤษฎีคณิตศาสตร์ขั้นสูงที่ข้ามระดับอารยธรรมซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของมนุษยชาติได้เชียวหรือ? หลงคิดว่าตนเองเป็นเทพเจ้าหรือไง
หลังจากจวงหลี่ประกาศต่อสาธารณชน สิ่งที่เขาได้รับไม่ใช่ความเห็นใจและคำชื่นชม แต่เป็นการตำหนิกล่าวโทษไม่จบไม่สิ้น
ดร.จอห์นรู้สึกเจ็บปวดกับพฤติกรรมอกตัญญูของเขามาก แต่ทำใจตัดสัมพันธ์กับลูกบุญธรรมไม่ลง ซ้ำยังให้อภัยเขาอย่างใจกว้าง
จิตใจที่สูงส่งของดร.จอห์นได้รับคำสรรเสริญชื่นชมจากผู้คน แต่ชื่อเสียงของจวงหลี่กลับป่นปี้ถึงจุดต่ำสุด
นับแต่นั้นมา ไม่ว่าไปที่ไหน จวงหลี่ก็จะถูกผู้คนเหยียดหยาม ด่าทอและทำร้ายร่างกาย
พวกเขาบอกว่าจวงหลี่สมควรตาย สหพันธรัฐควรลงโทษแขวนคอเขา
ความคิดเห็นเลวร้ายและรุนแรงรุมด่าเขาทั่วโลกอินเทอร์เน็ต เพราะข้อพิพาทงานวิจัย จวงหลี่จึงกลายเป็นคนชั่วช้าที่ทุกคนเกลียดชัง
จวงหลี่อดทนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ไหว ในคืนหนึ่งเขาจึงหนีออกจากบ้านของดร.จอห์น แล้วหายสาบสูญไปโดยไม่มีใครพบเห็นอีก
ถึงตอนนี้เวลาผ่านจะไปสิบปีแล้ว โครงการก่อสร้างไดสันสเฟียร์เสร็จสิ้นไปหนึ่งขั้น มนุษยชาติกำลังจะก้าวเข้าสู่อารยธรรมดาวเคราะห์ ได้ครอบครองพื้นที่ดำรงชีวิตที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่แล้วจวงหลี่กลับโผล่หน้ามาในเวลานี้ บอกว่าทฤษฎีสี่มิติของดร.จอห์นมีจุดบอดที่อันตรายถึงชีวิต ไดสันสเฟียร์ที่สร้างขึ้นจนเสร็จสมบูรณ์ภายใต้ทฤษฎีนี้มีความเสี่ยงที่จะถล่มได้ตลอดเวลา
ครั้งนี้ยังคงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา แต่สำนักข่าวบันเทิงที่รายงานเรื่องซุบซิบแห่งหนึ่งกลับตัดสินใจไปสัมภาษณ์เขา
“ทุกคนต้องอยากเห็นสภาพน่าสมเพชของจวงหลี่แน่ๆ พวกเธอก็เลือกถามประเด็นอ่อนไหว ปั่นให้หมอนั่นหัวหมุนไปเลย คราวเรตติ้งพุ่งกระฉูดแน่”
ก่อนออกเดินทาง บอสใหญ่ของสำนักข่าวสั่งการมาแบบนี้
และในขณะนี้ ผู้สื่อข่าวสาวสวมชุดเดรสสีดำเซ็กซี่ก็มาถึงบ้านของจวงหลี่ตามการนัดแนะพร้อมกับตากล้องหนึ่งคน
“นี่มันสถานที่บ้าอะไรเนี่ย! พระเจ้าช่วย นี่คือกริ่งเหรอ ขึ้นสนิมแล้วมั้ง สกปรกจะแย่! ฉันควรกดกริ่งไหมเนี่ย” ผู้สื่อข่าวสาวก้าวข้ามพุ่มไม้และกองอิฐอย่างระมัดระวัง เดินไปยืนหน้าอาคารเตี้ยๆ สภาพซอมซ่อ ปลายนิ้วหยุดอยู่หน้ากริ่ง แต่ก็ลังเลไม่กล้ากดสักที
สีของประตูลอกออกมาเป็นแผ่นๆ พอลองสูดดมก็ได้กลิ่นเหม็นเน่า
ตากล้องยกมือขึ้นทำท่าเคาะประตูเป็นการเร่งผู้สื่อข่าวสาวไม่ให้อืดอาดยืดยาดจนเสียเวลาถ่ายทำ กล้องสี่ตัวบินรอบบ้านหนึ่ง จับภาพซอมซ่อเอาไว้ทุกมุม
ในช่องถ่ายทอดสด ผู้ชมเริ่มคอมเมนต์ถึงภาพที่ถ่ายทอดออกมา
“แหวะ ขยะแขยง!”
“มีแค่หนูสกปรกอย่างเจ้าจวงหลี่เท่านั้นที่จะอยู่ที่เน่าๆ เก่าๆ แบบนี้”
“หลายปีที่ผ่านมา คงกินขยะเพื่อประทังชีวิตละสิท่า”
“สมน้ำหน้า!”
คำพูดแสลงหูผุดขึ้นเต็มจอ
พอเห็นว่าบรรยากาศกำลังร้อนระอุ ผู้สื่อข่าวสาวจึงเคลื่อนปลายนิ้วอย่างหวั่นๆ เตรียมจะกดกริ่ง แต่ประตูกลับถูกเปิดจากด้านใน ชายหนุ่มวัยราวยี่สิบสี่ยี่สิบห้าพลันปรากฏตัวสู่สายตาของผู้ชม
เขาไว้ผมค่อนข้างยาว ผมหยิกเล็กน้อยยาวปิดใบหู ดูรุงรังยุ่งเหยิง รูปร่างของเขาผอมโกรก ผิวก็ขาวซีดราวกับเพิ่งป่วยหนัก แต่ดวงตากลับไม่ขุ่นมัวเหมือนกับคนป่วย แถมยังเป็นประกายราวกับดวงดาวยามค่ำคืน ดวงตาของเขาเรียวแหลม หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย แตกต่างจากชาวตะวันตกที่มีดวงตากลมโต แถมยังฉายแววเย็นชาและเฉียบคมอีกต่างหาก
กลิ่นอายแบบตะวันออกที่สาบสูญไปหลายปีเฉิดฉายอยู่บนตัวเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ท่าทีของเขาเรียบเฉยสง่าสุขุมราวกับหิมะสีขาว แต่ก็เย่อหยิ่งเหมือนกับต้นสนบนริมผา
ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ผู้ชมคนหนึ่งก็ห้ามใจไม่ให้คอมเมนต์ไม่ได้ “ถ้าไม่มีเรื่องแย่ๆ ก่อนหน้านี้ หมอนี่เอาดีในวงการบันเทิงได้เลยนะเนี่ย รับรองดังแน่”
“ใช่ หน้าตามีเอกลักษณ์ งามมาก!”
“พระเจ้าช่วย ถ้าวันนี้เขายอมขอโทษดร.จอห์นหน้ากล้อง ฉันว่าฉันก็ให้อภัยเขาได้!”
ผู้ชมที่พ่ายแพ้ต่อความหล่อของจวงหลี่ต่างคอมเมนต์เข้ามา
จวงหลี่หยีตาที่เรียวยาว กวาดข้อความคอมเมนต์เหล่านั้น แล้วเอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ “ฉันไม่มีทางขอโทษไอ้ขยะนั่นหรอก”