(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน อัจฉริยะครองโลก เล่ม 1

Thursday

บทที่ 1 ชนชาติจีนคนสุดท้าย

นี่เป็นช่วงค่ำที่ท้องฟ้าอากาศมืดครึ้ม หญิงสาวเชื้อสายนอร์ดิกที่แต่งหน้าจัดคนหนึ่งยืนอยู่หน้าอาคารเตี้ยซอมซ่อซึ่งเต็มไปด้วยหญ้าที่ขึ้นรก เธอฉีกยิ้มหว่านเสน่ห์ให้กับทีมงานซึ่งถือกล้องวิดีโออยู่

“ฉันดูเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม” ภาษาอังกฤษของเธอฟังดูแข็งกร้าว ออกเสียงพ่นลมทางจมูก

“ยอดเยี่ยม!” ตากล้องชูนิ้วโป้งให้เธอ “เมื่ออยู่หน้ากล้องของฉัน เธอช่างเปล่งประกายเหลือเกิน อ๊ะ จริงสิ รอบตัวเธอมีกล้องรีโมตบังคับบินอยู่สี่ตัวด้วย พวกมันจะจับภาพใบหน้าที่งดงามของเธอในแต่ละมุม คอยรักษาภาพลักษณ์ให้ดี”

“โรเบิร์ต ฉันไม่ใช่พวกอ่อนหัดที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักหน่อย” หญิงสาวโบกมือให้กล้องไมโครสี่ตัวกลางอากาศ พลางสางผมสีทองโปรยเสน่ห์ พูดด้วยเสียงหวานเยิ้ม “แต่ก็ต้องขอบคุณที่เตือนนะ”

กล้องวิดีโออัจฉริยะขั้นสูงสี่ตัวที่ดีไซน์เป็นรูปทรงเหมือนผึ้งบินรอบตัวหญิงสาว ถ่ายทอดรูปร่างที่งดงามของเธอให้เห็นทั่วทุกมุม

หญิงสาวเปิดใช้งานฟังก์ชันกระจกของกำไลอัจฉริยะ แล้วก็หยิบลิปสติกออกมาหนึ่งแท่ง แต่งเติมสีสันให้ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มอย่างละเมียดละไม

ตากล้องแหงนมองท้องฟ้า แล้วเร่งเธอ “ที่รัก เร่งมือหน่อยเถอะ ใกล้ถึงเวลาถ่ายทอดสดแล้ว”

“โอเคๆ ฉันรู้แล้วน่า!” หญิงสาวทำปากจู๋ใส่กระจกโฮโลแกรม แล้วค่อยหันตัวไปหากล้อง พร้อมกับเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้ม “สวัสดีค่ะทุกท่าน ฉันเอมิลีค่ะ วันนี้ฉันได้รับเชิญให้มาสัมภาษณ์ชายที่ชื่อว่าจวงหลี่”

เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย พอได้เห็นคำก่นด่าไหลทะลักเต็มหน้าจอถ่ายทอดสดถึงได้พูดต่อ “ถูกต้องค่ะๆ เขาก็คือจวงหลี่ที่ทุกท่านรู้จักนั่นแหละค่ะ หัวขโมยที่ช่วงชิงงานวิจัยของดร.จอห์นผู้ยิ่งใหญ่ของเขา เจ้าหัวขโมยคนนั้นนั่นเอง!”

ดร.จอห์นคือใคร หญิงสาวไม่ได้แนะนำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชมเข้าใจข้อมูลน้อยกว่าผู้ประกาศสาวเลย เพราะดร.จอห์นคนนี้เป็นบุคคลที่ทุกบ้านต่างรู้จักดี ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติเลยก็ว่าได้

นิวตัน ไอสไตน์ ชเรอดิงเงอร์ เทสลา ไฟน์แมนที่เป็นดวงดาวส่องแสงเจิดจรัสในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษย์ล้วนหมองหม่นเมื่อเทียบกับแสงที่เปล่งประกายของดร.จอห์น นี่ไม่ใช่คำยกยอปอปั้นอะไร แต่เป็นเกียรติยศที่แท้จริง

ยี่สิบกว่าปีก่อน โลกซึ่งเป็นดวงดาวผู้ให้กำเนิดมนุษย์ถูกเอเลียนต่างดาวบุกโจมตี

สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยักษ์หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเหล่านี้ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน พวกมันกินวิญญาณและแร่บนโลกเป็นอาหาร จากนั้นจึงแพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนสัตว์ประหลาดเพิ่มขึ้น

เมื่อต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่แทบไม่มีจุดอ่อน มนุษยชาติจึงได้แต่พบพานกับความพ่ายแพ้

ในวันเวลาที่โลกทั้งใบตกอยู่ท่ามกลางอันตราย ดร.จอห์นเป็นผู้พบว่า ราชินีคือจุดอ่อนของเอเลียนทั้งหมด แค่รวบรวมกำลังเป็นหนึ่งกำจัดราชินี มนุษย์ก็จะพ้นภัย

ที่โชคร้ายก็คือ การใช้อาวุธนิวเคลียร์และระเบิดไฮโดรเจนเป็นจำนวนมาก จะส่งผลให้ภูมิอากาศและระบบนิเวศบนโลกแปรปรวนอย่างหนัก รังสีจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่หลงเหลือ จะทำให้มนุษย์ล้าหลังกว่าเอเลียน

ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่งอย่างยากลำบาก ดร.จอห์นคนเดิมก็เสนอแผนการอพยพสู่ดาวอังคาร และนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาสนับสนุน

วันนี้ในยี่สิบกว่าปีให้หลัง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทุกคนล้วนได้พิสูจน์ด้วยตาตนเองแล้ว : เอเลียนถูกกำจัด ชนชาติจีนที่เป็นทัพหน้า ตายในสงครามใหญ่ครั้งนั้น มนุษย์ที่รอดชีวิตอพยพหลบหนีไปจากโลกที่พังย่อยยับไปยังดาวอังคารได้อย่างราบรื่น

บาเรียพลังงานที่ดร.จอห์นคิดค้นทำให้ดาวอังคารเริ่มมีระบบนิเวศสีเขียวและแข็งแกร่ง เขาคือวีรบุรุษของเหล่ามนุษยชาติ

แต่หลังจากอพยพออกจากโลกแล้ว มนุษย์กลับต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ในการดำรงชีวิต ซึ่งก็คือปัญหาพลังงานขาดแคลน

บาเรียพลังงานจำนวนหลายร้อยหลังที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นผิวดาวอังคารนั้นบริโภคพลังงานมหาศาลในทุกวินาที หากไม่สามารถหาแหล่งพลังงานใหม่ที่เพียงพอมาทดแทน บาเรียพลังงานเหล่านี้ก็จะสลายตัวจนหมด สุญญากาศและอากาศหนาวเหน็บจะทำลายมนุษย์ที่อาศัยอยู่ภายใต้บาเรียพลังงานจนสูญสิ้น

ข่าวร้ายนี้ทำให้มนุษย์ตกอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวัง

ในช่วงเวลาคับขัน ดร.จอห์นคนเดิมได้เสนอวิธีแก้ไข

เขาค้นพบทฤษฎีสี่มิติจากการคำนวณด้วยข้อมูลมหาศาล และค้นพบวิธีสร้างไดสันสเฟียร์ (Dyson Sphere) หรือทรงกลมไดสันจากทฤษฎีเรขาคณิตในทฤษฎีสี่มิติ

ทุกคนต่างรู้กันว่าอารยธรรมของจักรวาลแบ่งเป็นเจ็ดระดับ ได้แก่ - อารยธรรมดาวเคราะห์ อารยธรรมดาวฤกษ์ อารยธรรมกาแลกซี อารยธรรมดาราจักร อารยธรรมเปลี่ยนผ่านหลากมิติ อารยธรรมโลกคู่ขนาน และอารยธรรมขั้นเทพ

ซึ่งหมวดหมู่การใช้พลังงานเป็นหนึ่งในแกนหลักในการแบ่งระดับอารยธรรม

เผ่าพันธุ์อัจฉริยะที่ไปถึงระดับอารยธรรมดาวเคราะห์สามารถดึงพลังงานทั้งหมดของดาวเคราะห์มาใช้งานได้ หากไปถึงระดับอารยธรรมดาวฤกษ์ก็สามารถใช้พลังงานจากดาวเคราะห์ทั้งดวงได้ตามใจชอบ อารยธรรมกาแลกซีก็สามารถยึดพลังงานของทั้งกาแลกซีมาเป็นของตนเองได้ อารยธรรมอื่นๆ ก็จัดประเภทด้วยหลักการเดียวกัน...

ส่วนมนุษย์ในตอนนี้ซึ่งสามารถอพยพมายังดาวอังคารได้นั้นอยู่แค่ระดับ 1.3 เท่านั้น ยังห่างไกลจากระดับ 2.0 อารยธรรมดาวฤกษ์อีกมาก

ถ้ามนุษย์ไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดข้ามจุดคอขวดไปได้ในเวลาสั้นๆ ดาวอังคารที่เหน็บหนาวจะกลายเป็นสุสานสุดท้ายของพวกเขา

แต่ทฤษฎีเรขาคณิตสี่มิติที่ดร.จอห์นนำเสนอสามารถเติมเต็มอารยธรรมระดับ 1.3 ให้เป็น 2.0 ได้ในพริบตา และช่วยดึงมนุษยชาติขึ้นมาจากห้วงเหวแห่งความสิ้นหวัง

ณ ปัจจุบัน ไดสันสเฟียร์ที่กระจายอยู่รอบดวงอาทิตย์ก็เริ่มก่อร่างขั้นต้นแล้ว ทำให้บาเรียพลังงานที่ใกล้สลายตัวเต็มทีได้รับพลังงานอย่างเต็มที่ และทำงานต่อไปได้อย่างเสถียร

หากเป็นไปตามคาด สิบปี ยี่สิบปีหลังจากนี้ ดาวอังคารจะถูกมนุษย์ปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นดวงดาวงดงามที่เต็มไปด้วยสีเขียวและสีฟ้า

ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าชื่อเสียงของดร.จอห์นจึงโด่งดังถึงขั้นที่คนทั่วไปไม่อาจจินตนาการได้ เพราะเหตุนี้ ตอนที่หญิงสาวเอ่ยชื่อของเขา บรรยากาศในช่องถ่ายทอดสดถึงได้คึกคักทันใด

ทั้งดอกไม้ หัวใจและเหรียญไหลทะลักเต็มจอ ทั้งคำขอบคุณ คำสรรเสริญรวมถึงคำบอกรักก็ยึดหน้าจอจนมิด

แต่ก่อนหน้านี้ที่หญิงสาวเอ่ยชื่อของจวงหลี่ ช่องถ่ายทอดสดกลับเต็มไปด้วยคำก่นด่า แดกดัน ตำหนิติเตียนจนแทบทนดูไม่ได้

ทำไมจวงหลี่ถึงถูกปฏิบัติเช่นนี้? เพราะเขาเคยแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะว่าทฤษฎีสี่มิติที่ว่าเป็นผลงานการวิจัยของเขา ไม่เกี่ยวกับดร.จอห์นเลยแม้แต่น้อย ดร.จอห์นซึ่งอยู่ในฐานะพ่อบุญธรรมขโมยแบบร่างงานวิจัยของเขาไปเผยแพร่ เป็นการกระทำของหัวขโมยชัดๆ!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำกล่าวโทษจากปากของเขาไม่มีใครเชื่อถือ เพราะในตอนนั้นอายุของเขายังไม่ถึงสิบห้าปีเต็มด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์แค่ไหน เด็กอายุสิบสี่สิบห้าจะสามารถคิดค้นทฤษฎีคณิตศาสตร์ขั้นสูงที่ข้ามระดับอารยธรรมซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของมนุษยชาติได้เชียวหรือ? หลงคิดว่าตนเองเป็นเทพเจ้าหรือไง

หลังจากจวงหลี่ประกาศต่อสาธารณชน สิ่งที่เขาได้รับไม่ใช่ความเห็นใจและคำชื่นชม แต่เป็นการตำหนิกล่าวโทษไม่จบไม่สิ้น

ดร.จอห์นรู้สึกเจ็บปวดกับพฤติกรรมอกตัญญูของเขามาก แต่ทำใจตัดสัมพันธ์กับลูกบุญธรรมไม่ลง ซ้ำยังให้อภัยเขาอย่างใจกว้าง

จิตใจที่สูงส่งของดร.จอห์นได้รับคำสรรเสริญชื่นชมจากผู้คน แต่ชื่อเสียงของจวงหลี่กลับป่นปี้ถึงจุดต่ำสุด

นับแต่นั้นมา ไม่ว่าไปที่ไหน จวงหลี่ก็จะถูกผู้คนเหยียดหยาม ด่าทอและทำร้ายร่างกาย

พวกเขาบอกว่าจวงหลี่สมควรตาย สหพันธรัฐควรลงโทษแขวนคอเขา

ความคิดเห็นเลวร้ายและรุนแรงรุมด่าเขาทั่วโลกอินเทอร์เน็ต เพราะข้อพิพาทงานวิจัย จวงหลี่จึงกลายเป็นคนชั่วช้าที่ทุกคนเกลียดชัง

จวงหลี่อดทนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ไหว ในคืนหนึ่งเขาจึงหนีออกจากบ้านของดร.จอห์น แล้วหายสาบสูญไปโดยไม่มีใครพบเห็นอีก

ถึงตอนนี้เวลาผ่านจะไปสิบปีแล้ว โครงการก่อสร้างไดสันสเฟียร์เสร็จสิ้นไปหนึ่งขั้น มนุษยชาติกำลังจะก้าวเข้าสู่อารยธรรมดาวเคราะห์ ได้ครอบครองพื้นที่ดำรงชีวิตที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่แล้วจวงหลี่กลับโผล่หน้ามาในเวลานี้ บอกว่าทฤษฎีสี่มิติของดร.จอห์นมีจุดบอดที่อันตรายถึงชีวิต ไดสันสเฟียร์ที่สร้างขึ้นจนเสร็จสมบูรณ์ภายใต้ทฤษฎีนี้มีความเสี่ยงที่จะถล่มได้ตลอดเวลา

ครั้งนี้ยังคงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา แต่สำนักข่าวบันเทิงที่รายงานเรื่องซุบซิบแห่งหนึ่งกลับตัดสินใจไปสัมภาษณ์เขา

“ทุกคนต้องอยากเห็นสภาพน่าสมเพชของจวงหลี่แน่ๆ พวกเธอก็เลือกถามประเด็นอ่อนไหว ปั่นให้หมอนั่นหัวหมุนไปเลย คราวเรตติ้งพุ่งกระฉูดแน่”

ก่อนออกเดินทาง บอสใหญ่ของสำนักข่าวสั่งการมาแบบนี้

และในขณะนี้ ผู้สื่อข่าวสาวสวมชุดเดรสสีดำเซ็กซี่ก็มาถึงบ้านของจวงหลี่ตามการนัดแนะพร้อมกับตากล้องหนึ่งคน

“นี่มันสถานที่บ้าอะไรเนี่ย! พระเจ้าช่วย นี่คือกริ่งเหรอ ขึ้นสนิมแล้วมั้ง สกปรกจะแย่! ฉันควรกดกริ่งไหมเนี่ย” ผู้สื่อข่าวสาวก้าวข้ามพุ่มไม้และกองอิฐอย่างระมัดระวัง เดินไปยืนหน้าอาคารเตี้ยๆ สภาพซอมซ่อ ปลายนิ้วหยุดอยู่หน้ากริ่ง แต่ก็ลังเลไม่กล้ากดสักที

สีของประตูลอกออกมาเป็นแผ่นๆ พอลองสูดดมก็ได้กลิ่นเหม็นเน่า

ตากล้องยกมือขึ้นทำท่าเคาะประตูเป็นการเร่งผู้สื่อข่าวสาวไม่ให้อืดอาดยืดยาดจนเสียเวลาถ่ายทำ กล้องสี่ตัวบินรอบบ้านหนึ่ง จับภาพซอมซ่อเอาไว้ทุกมุม

ในช่องถ่ายทอดสด ผู้ชมเริ่มคอมเมนต์ถึงภาพที่ถ่ายทอดออกมา

“แหวะ ขยะแขยง!”

“มีแค่หนูสกปรกอย่างเจ้าจวงหลี่เท่านั้นที่จะอยู่ที่เน่าๆ เก่าๆ แบบนี้”

“หลายปีที่ผ่านมา คงกินขยะเพื่อประทังชีวิตละสิท่า”

“สมน้ำหน้า!”

คำพูดแสลงหูผุดขึ้นเต็มจอ

พอเห็นว่าบรรยากาศกำลังร้อนระอุ ผู้สื่อข่าวสาวจึงเคลื่อนปลายนิ้วอย่างหวั่นๆ เตรียมจะกดกริ่ง แต่ประตูกลับถูกเปิดจากด้านใน ชายหนุ่มวัยราวยี่สิบสี่ยี่สิบห้าพลันปรากฏตัวสู่สายตาของผู้ชม

เขาไว้ผมค่อนข้างยาว ผมหยิกเล็กน้อยยาวปิดใบหู ดูรุงรังยุ่งเหยิง รูปร่างของเขาผอมโกรก ผิวก็ขาวซีดราวกับเพิ่งป่วยหนัก แต่ดวงตากลับไม่ขุ่นมัวเหมือนกับคนป่วย แถมยังเป็นประกายราวกับดวงดาวยามค่ำคืน ดวงตาของเขาเรียวแหลม หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย แตกต่างจากชาวตะวันตกที่มีดวงตากลมโต แถมยังฉายแววเย็นชาและเฉียบคมอีกต่างหาก

กลิ่นอายแบบตะวันออกที่สาบสูญไปหลายปีเฉิดฉายอยู่บนตัวเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ท่าทีของเขาเรียบเฉยสง่าสุขุมราวกับหิมะสีขาว แต่ก็เย่อหยิ่งเหมือนกับต้นสนบนริมผา

ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ผู้ชมคนหนึ่งก็ห้ามใจไม่ให้คอมเมนต์ไม่ได้ “ถ้าไม่มีเรื่องแย่ๆ ก่อนหน้านี้ หมอนี่เอาดีในวงการบันเทิงได้เลยนะเนี่ย รับรองดังแน่”

“ใช่ หน้าตามีเอกลักษณ์ งามมาก!”

“พระเจ้าช่วย ถ้าวันนี้เขายอมขอโทษดร.จอห์นหน้ากล้อง ฉันว่าฉันก็ให้อภัยเขาได้!”

ผู้ชมที่พ่ายแพ้ต่อความหล่อของจวงหลี่ต่างคอมเมนต์เข้ามา

จวงหลี่หยีตาที่เรียวยาว กวาดข้อความคอมเมนต์เหล่านั้น แล้วเอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ “ฉันไม่มีทางขอโทษไอ้ขยะนั่นหรอก”

หนังสือแนะนำ All

Special Deal