(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน อัจฉริยะครองโลก เล่ม 1

Thursday

บทที่ 4 จวงหลี่ที่ไม่มีใครทัดเทียม

จวงหลี่หายตัวไปในวงแหวนประกายแสง เครื่องมืออุปกรณ์ในห้องแล็บก็เกิดระเบิดตามมาติดๆ ควันหนาคลุ้งและเศษโลหะกระจายไปทั่ว เพดานทรงโดมแตกทะลุ และในที่สุดการป้องกันของม่านพลังงานก็เสื่อมประสิทธิภาพ

ผู้สื่อข่าวสาวตกใจจนกรีดร้องไม่หยุด ผู้ชมก็หวาดวิตกเพราะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เห็น

ตากล้องคนนั้นถือปืนบลาสเตอร์สองกระบอกพรวดพราวเข้าไปในห้องแล็บ ตรวจสอบตำแหน่งที่จวงหลี่หายตัวไปซ้ำไปซ้ำมา แล้วก็เริ่มแกะอุปกรณ์ควบคุมในห้องแล็บอย่างเชี่ยวชาญ

แต่วัสดุของอุปกรณ์เหล่านี้ทำจากโลหะชนิดพิเศษ ตากล้องจึงเอาเครื่องตัดเลเซอร์ล้ำยุคออกมาใช้ แต่อุปกรณ์เหล่านั้นก็ยังคงทนไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

ตากล้องเปลี่ยนอาวุธหลากหลายประเภทก็ยังตัดเคสครอบอุปกรณ์ไม่ได้ ขอบรอยต่อก็หาไม่พบ สุดท้ายเลยได้แต่ล้มเลิกความพยายามอย่างจนใจ

ชิปที่ฝังในเปลือกสมองร้อนจี๋ ดร.จอห์นตะโกนผ่านช่องทางการสื่อสาร “รวบรวมเอกสารทั้งหมดในห้องแล็บ อย่าให้พลาดแม้แต่ชิ้นเดียว! ได้ยินไหมรหัส 49? ฉันต้องการทุกสิ่งทุกอย่างที่นั่น ทั้งหมดทุกอย่าง!”

ตากล้องจึงต้องพยายามแกะเครื่องมือที่ไม่มีทางชำแหละได้ต่อไป

แต่หลังจากนั้นสองนาที เขากลับยืนขึ้นและยกแขนสองข้าง ค่อยๆ ถอยหลังไปชิดขอบผนังพร้อมกับพูดเสียงเบา “ดอกเตอร์ ผมทำตามคำสั่งของท่านไม่ได้แล้ว กองทัพสหพันธรัฐมาถึงที่นี่แล้ว”

เขาเหลือบมองไปที่หน้าประตูห้องแล็บ ตรงนั้นมีทหารยื่นเบียดเสียดหลายสิบนาย เสียงยานบินดังกระหึ่มด้านบน กองกำลังอีกมากมายกำลังเร่งเดินทางมาที่นี่

ตากล้องถูกคุมตัวไว้แล้ว

กองทัพสหพันธรัฐเข้ายึดห้องแล็บ และออกคำสั่งให้ผู้สื่อข่าวสาวหยุดถ่ายทอดสด

ผู้สื่อข่าวสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “กล้องของพวกเราพังหมดแล้วค่ะ การถ่ายทอดสดก็น่าจะหยุดไปตั้งนานแล้ว”

ไม่ ยังไม่หยุด เหตุการณ์ที่นี่ยังคงถ่ายทอดสดอยู่ แม้กองทัพสหพันธรัฐจะติดต่อกับแพลตฟอร์มถ่ายทอดสดแล้วก็ตาม ให้ทางนั้นช่วยตัดสัญญาณ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องวิจัยแห่งนี้ก็ยังถูกถ่ายทอดผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตออกสู่สายตาทุกคนอยู่ดี

หลังจากค้นร่างกายของผู้สื่อข่าวสาวจนแน่ใจว่าเธอไม่มีกล้องพกพา ทหารสหพันธรัฐก็พบว่ากล้องวงจรปิดสองสามตัวที่แขวนอยู่บนเพดานทรงโดมของห้องแล็บแห่งนี้ไม่เกิดความเสียหายเลยแม้แต่น้อยจากระเบิดที่รุนแรงก่อนหน้า และตระหนักได้ว่ากล้องเหล่านี้ต่างหากถึงเป็นตัวการทำให้ตัดสัญญาณถ่ายทอดสดไม่ได้สักที

พวกเขาเล็งปืนยิงกล้องวงจรปิดเหล่านั้น

สิ่งที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นแล้ว กล้องวงจรปิดทรงหยดน้ำเหล่านั้นไม่ระคายจากการโจมตีของกระสุนบลาสเตอร์เลยแม้แต่น้อย วัสดุมันวาวภายนอกยังทำให้กระสุนกระเด้งกลับไป ทหารสหพันธรัฐเกือบโดนลูกหลง

หลังจากการกราดยิงหยุดลง เวลานี้ทหารสหพันธรัฐที่เมื่อครู่ดูดุดันห้าวหาญกำลังหาบังเกอร์ป้องกันตัวกันอย่างลุกลี้ลุกลน

สภาพดูไม่ได้ที่ถูกถ่ายทอดสดทำให้ผู้ชมได้เปิดโลก ที่แท้กองทัพสหพันธรัฐที่กล่าวขานกันว่าเป็นผู้กอบกู้โลก ช่วยชีวิตมนุษย์ ในความเป็นจริงแล้วกลับไร้ความสามารถเช่นนี้ แม้แต่กล้องไม่กี่ตัวก็ยังจัดการไม่ได้

หลังจากนั้นการโจมตีหยุดลง ทหารเหล่านี้ก็หมดหนทาง ไม่มีวิธีจัดการห้องวิจัยห้องนี้เหมือนกับตากล้อง

สถานการณ์ชะงักงันชั่วขณะ นายพลฟอร์ดก็พาหัวเรือใหญ่ในวงการวิทยาศาสตร์เร่งรุดเดินทางมาที่นี่ ผู้ที่เดินทางมาครั้งนี้ได้แค่ดร.ชามานอฟ ดร.เดปป์ ดร.อีเบิร์ต และดร.แชตแมน

ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า คนกลุ่มนี้ยังดูหมิ่นดูแคลนทฤษฎีของจวงหลี่อยู่เลย แต่ในตอนนี้ใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย อยากรีบค้นหาความจริงให้เร็วที่สุด

ไดสันสเฟียร์ไหม้เสียหายเป็นเรื่องจริง ซึ่งข้อมูลนี้ยังมีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่รู้

ผ่านไปอีกพักใหญ่ ดร.จอห์นก็บุกเข้ามาในบ้านท่ามกลางการเฝ้าคุมอย่างเข้มงวดของทหารสหพันธรัฐ แล้วก็พรวดพราดเข้าไปในห้องแล็บที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนอุปกรณ์ แล้วเริ่มค้นหาของอย่างบ้าคลั่ง

สิ่งแรกที่เขาทำคือตรวจสอบสมุดบันทึกสีดำเล่มนั้น แม้มันจะกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วก็ตาม เขาก็ยังใช้ AI สแกนซ้ำไปซ้ำมาเพื่อค้นหาตัวอักษรและสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เคยอยู่ในนั้น

หลังจากสแกนเสร็จ เขาก็ยังไม่ถอดใจจากเถ้าถ่านเหล่านั้นจึงเอาขวดแก้วออกมา แล้วเอาเศษเถ้าถ่านบรรจุลงไปอย่างระมัดระวัง

ไม่นานเขาก็พยายามแกะแผงควบคุมหลัก เพื่อเอาชิปด้านในออกมาให้ได้

ชิปที่บันทึกข้อมูลทั้งหมดทั้งมวลมีค่ายิ่งกว่าสมุดบันทึกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่เขาก็ทำอะไรกับวัสดุที่ครอบแผงควบคุมที่แข็งแกร่งและไร้รอยต่อไม่ได้

หลังจากทดลองตัดด้วยหลากหลายวิธี สุดท้ายก็ยังล้มเหลว ความอดทนของดร.จอห์นก็หมดสิ้น เขาเริ่มกระทืบ ถีบ เตะโลหะอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับแผดเสียงคำรามไม่เป็นคำ

ในเวลานี้ดร.จอห์น วีรบุรุษกอบกู้โลกผู้สุขุมลุ่มลึก อ่อนโยนสง่างามกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายที่เสียสติ

ผู้ชมที่ไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขาต่างตะลึงงัน เริ่มถามกันเองอย่างหวาดผวา

[เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่]

[ทำไมจู่ๆ จวงหลี่ก็หายไปน่ะ]

[ลำแสงก้อนนั้นคืออะไร]

[ทฤษฎีมิติขั้นสูงที่เขาพูดเป็นความจริงรึเปล่า]

[ดร.จอห์นกำลังทำอะไรเนี่ย เขาบ้าไปแล้วเรอะ]

[คลิปวิดีโอไดสันสเฟียร์มอดไหม้เป็นของจริงไหม]

[ทั้งหมดนี่เป็นการล้อเล่นของสถานีโทรทัศน์รึไงกัน]

นายพลฟอร์ดมองสหายเก่าแก่ที่กำลังเสียสติ อารมณ์ของเขาจมดิ่งลงเรื่อยๆ นี่เป็นความจริง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง ไม่มีใครเอาหายนะที่ใกล้เคียงกับวันสิ้นโลกมาล้อเล่น!

เหงื่อเย็นเฉียบไหลชุ่มแผ่นหลังของนายพลฟอร์ด

กลุ่มดอกเตอร์มองดร.จอห์นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง และเค้นถามเอาความจริง

“ทฤษฎีสี่มิติคุณขโมยมาจากจวงหลี่จริงเหรอ”

“หนำซ้ำทฤษฎีนั้นยังมีข้อผิดพลาดอีก ที่ถูกต้องอยู่กับจวงหลี่ใช่ไหม”

“ผมจำได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน คุณเป็นแค่นักวิชาการหางแถวคนหนึ่ง ผลงานวิจัยก็ไม่มีชิ้นไหนเป็นที่ยอมรับ แล้วจู่ๆ วันหนึ่งคุณก็พิสูจน์ค่าสนามแม่เหล็กหลุมดำได้อย่างแม่นยำ จากนั้นก็มีชื่อเสียงขึ้นมา คุณเขียนวิธีพิสูจน์ออกมาได้ แต่ไม่เข้าร่วมการประชุมถกเถียงนั่นเป็นเพราะคุณท่องจำวิธีแก้โจทย์มาจากจวงหลี่สินะ คุณไม่ได้มีความรู้ความสามารถด้านคณิตศาสตร์อย่างลึกซึ้ง คุณก็แค่ใช้ผลประโยชน์จากเขา!”

“วันที่เขาโด่งดังเป็นวันเดียวกับที่เขารับอุปการะจวงหลี่!”

“ที่จริงแล้วผลงานทางวิชาการและงานวิจัยทั้งหมดของคุณเป็นของจวงหลี่หมดเลยใช่ไหม”

ดร.จอห์นที่กำลังเตะอุปกรณ์ควบคุมอย่างบ้าคลั่งค่อยหยุดการกระทำอย่างเชื่องช้า แล้วหันกลับไป แววตาหวั่นวิตกและการหลบสายตาเป็นคำตอบที่แน่ชัดแล้ว

พอผู้คนรู้ข่าวก็ทะลักเข้ามาในช่องถ่ายทอดสด และดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างตกตะลึง ที่แท้วีรบุรุษกอบกู้โลกของพวกเขาเป็นหัวขโมยหรอกเหรอ

ชามานอฟเดินไปที่เครื่องชนอนุภาคซึ่งกลายเป็นผุยผงไปแล้ว และพูดอย่างเคร่งเครียด “ผมสงสัยว่าจวงหลี่คงจับสสารมืดได้ และใช้พลังงานของสสหารมืดมาเปิดทางเชื่อมปริภูมิมิติที่สูงกว่า แล้วเดินทางออกจากโลกของพวกเราแล้ว”

ดอกเตอร์คนอื่นๆ ต่างก็สันนิษฐานแบบเดียวกัน จึงพยักหน้าเห็นด้วย

คำพูดประโยคนี้สะเทือนไปทั่วอินเทอร์เน็ต

ทุกคนต่างรู้ดีว่าจักรวาลขยายอาณาเขตอยู่ตลอดเวลา แต่ระยะห่างระหว่างดวงดาวในแกแลกซี่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกดแกแลกซี่เหล่านี้ลงไปในท้องทะเลที่คลื่นซัดโหม ทำให้มันแตกกระจายท่ามกลางคลื่นทะเลใต้น้ำ

สสารมืดก็คือมือที่มองไม่เห็นคู่นั้น มันกระจายตัวอยู่ทั่วจักรวาล ใครควบคุมมันได้ก็เท่ากับว่าได้ควบคุมโลกมนุษย์ที่ล้ำลึกเอาไว้ในมือ

ดังนั้นนับตั้งแต่อารยธรรมเทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างก็พยายามตามหาสสารมืด แต่เวลาผ่านไปหลายร้อยปี สสหารมืดก็ยังไม่ถูกค้นพบสักที

ตอนที่คนอื่นคอยพิสูจน์ว่าสสารมืดมีอยู่จริงหรือไม่ จวงหลี่กลับวิจัยสิ่งนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง และใช้ประโยชน์จากพลังงานของสสารมืดเปิดประตูสู่ต่างมิติ

นี่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงเกินกว่าจะเข้าใจ

ผู้ชมในช่องถ่ายทอดสดตกตะลึงจนแทบจะเอ่ยคำพูดไม่ออก

ชามานอฟส่งเสียงพูด “ความรู้ในสมองของจวงหลี่นำหน้าพวกเราไปร้อยปี เขาคืออัจฉริยะ!”

ดร.อีเบิร์ตพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ไม่ อัจฉริยะยังไม่พอสำหรับเขา เขาคือยอดอัจฉริยะต่างหาก!”

นายพลฟอร์ดถามอย่างร้อนรน “จวงหลี่หายไปแล้วจริงๆ เหรอ พาเขากลับมาได้ไหม ถ้าไม่มีเขา พวกเราจะสร้างไดสันสเฟียร์ยังไง”

พอได้ยินประโยคนี้ ทุกคนก็เพิ่งตระหนักได้ว่าการหายตัวไปของจวงหลี่ไม่ใช่แค่ทำให้สหพันธรัฐสูญเสียบุคลากรอัจฉริยะไป แต่ส่งผลร้ายแรงรุนแรงถึงขั้นที่โลกอาจล่มสลาย

จะใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดสร้างไดสันสเฟียร์ที่ใช้งานได้อย่างแท้จริงขึ้นมาได้ยังไง หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการก่อสร้างมีเพียงจวงหลี่เท่านั้นที่เข้าใจ แต่เขาทำลายสมุดบันทึกไปแล้ว ระเบิดคอมพิวเตอร์ ลบข้อมูลทั้งหมดทิ้ง แล้วก็ไปจากที่นี่ตลอดกาล

นักวิทยาศาสตร์ที่นี่ต่างห่อเหี่ยวสิ้นหวัง

พอเห็นใบหน้าหดหู่ของพวกเขา นายพลฟอร์ดก็เข้าใจทันที “จวงหลี่ไม่มีทางกลับมาแล้วใช่ไหม” เขาถามด้วยเสียงสั่นเครือ

"ไม่มีทางกลับมาแล้ว ยกเว้นว่าพวกเราจะค้นหาสสารมืดพบ แล้วเปิดทางเชื่อมสู่ปริภูมิมิติที่สูงกว่า แต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในขณะนี้ คิดจะเอาสสารมืดในอวกาศมาใช้งาน อย่างน้อยก็ต้องผ่านการทดลองทางวิทยาศาสตร์อีกร้อยสองร้อยปี” ชามานอฟส่ายหัวอย่างไร้หนทาง

“แต่บาเรียพลังงานของพวกเราอยู่ได้อีกแค่สองปี” ดร.เดปป์พูดเสริมอย่างสิ้นหวัง

พอฟังมาถึงตรงนี้ นายพลฟอร์ดก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างรุนแรง ผู้ชมในช่องถ่ายทอดสดก็หนาวเหน็บไปถึงหัวใจ พวกเขาพอจะคาดเดาได้ว่าการล่มสลายของมนุษยชาติปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้งแล้ว

“ยกเว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะไขปริศนาทฤษฎีมิติขั้นสูงอย่างสมบูรณ์ได้ในเวลาอันสั้น” ในใจของดร.อีเบิร์ตยังมีเศษเสี้ยวความหวังหลงเหลืออยู่

นายพลฟอร์ดสั่งการทันใด “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็รีบไปไขปริศนาสิ!”

ทางฝั่งผู้ชมก็เริ่มลุ้นอย่างตื่นเต้น จ้องมองนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นด้วยความหวั่นวิตก

“การถ่ายทอดสดเมื่อครู่จำเป็นต้องฉายซ้ำอีกรอบ” ดร.แชตแมนเปิดคอมพิวเตอร์ AI แล้วฉายภาพเหตุการณ์ในช่วงพิสูจน์ทฤษฎีสี่มิติ

แต่น่าเสียดาย ตอนที่เขียนมาถึงจุดที่เป็นกุญแจสำคัญของสูตรนี้ จวงหลี่กลับหยุดมือ และพูดเยาะเย้ย “ทำไมผมต้องเขียนสูตรที่สมบูรณ์ออกมาด้วยล่ะ ผมจะได้ประโยชน์อะไร”

นั่นสิ ผลการวิจัยของเขาถูกขโมย ชื่อเสียงถูกทำลายจนป่นปี้...สิ่งที่โลกนี้มอบให้เขามีเพียงความมุ่งร้ายและบาดแผลที่ไม่จบไม่สิ้น ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยนเพียงน้อยนิด แล้วทำไมเขาต้องช่วยเหลือโลกมนุษย์ด้วย

สำหรับเขาแล้ว เขาไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่เลยสักนิดเดียว

พอนายพลฟอร์ดนึกย้อนถึงสิ่งที่จวงหลี่ต้องพบเจอทั้งหมดในหลายปีนี้ ก็หลับตาลงด้วยสีหน้าปวดใจ

มนุษยชาติล้วนมีชะตากรรมร่วมกัน ไม่มีใครเอาตัวรอดได้ตามลำพังเมื่อเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ - เวลานี้นายพลฟอร์ดเข้าใจประโยคนี้อย่างลึกซึ้งไปถึงกระดูก

ตอนที่พวกเขาทำลายผลงานของจวงหลี่ ก็เท่ากับได้ทำลายความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติไปแล้ว

หวังว่านักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้จะถอดรหัสทฤษฎีมิติขั้นสูงของจวงหลี่ได้ พอคิดมาถึงตรงนี้ นายพลฟอร์ดก็ประกาศออกคำสั่งเชิญนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมาร่วมไขปริศนาของทฤษฎีมิติขั้นสูง

นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากมายเข้าร่วมทีมอย่างต่อเนื่อง ทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์ ในสถานที่และนอกสถานที่ การคำนวณที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

นายพลฟอร์ดรู้ดีว่ากล้องวงจรปิดในห้องแล็บกำลังถ่ายทอดการปฏิบัติงานของกองทัพและวงการวิทยาศาสตร์ไปทั่วโลก แต่พวกเขาก็ไม่อาจไปจากที่นี่ได้

เหตุผลแรกเนื่องจากที่นี่อาจมีข้อมูลล้ำค่าของจวงหลี่หลงเหลืออยู่ เหตุผลที่สองคือเหล่านักวิทยาศาสตร์ชอบคิดคำนวณที่นี่ พวกเขาอยากสัมผัสบรรยากาศและกลิ่นอายที่เป็นของยอดอัจฉริยะ

ดร.จอห์นที่ถูกเปิดโปงคิดอยากหลบหนี แต่ถูกทหารสองคนใช้ปืนขวางไว้ มือสังหารที่เขาจ้างเอาไว้ก่อนหน้านี้ถูกจับไปสอบสวนแล้ว

ทั้งโลกต่างให้ความสนใจ “วีรบุรุษผู้กอบกู้โลก” คนนี้

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า รองนายพลคนหนึ่งนำชิปแผ่นหนึ่งกลับมา พร้อมกับรายงาน “นี่คือข้อมูลที่เราพบในห้องลับของปวงกาเร จอห์น ลองตรวจสอบดูเถอะครับ”

ชิปถูกเสียงเข้าไปในคอมพิวเตอร์ AI แล้วภาพโฮโลแกรมก็ปรากฏขึ้น

สมุดบันทึกเล่มหนึ่งปรากฏสู่สายตาทุกคนซึ่งถูกมือข้างหนึ่งพลิกเปิดอ่านไม่หยุด หลังจากสแกนจนครบทุกหน้าก็ถูกโยนลงไปเผาในเตาถ่าน

เปลวไฟสีส้มกลืนตัวอักษรจีนบนหน้าปก

ในเวลานี้ไม่มีใครรู้ว่าอักษรสองตัวนั้นแปลว่าอะไร แต่ตอนนี้ทั้งโลกต่างเข้าใจว่านั่นคือชื่อภาษาจีนของจวงหลี่ และสัญลักษณ์ประจำตัวของเขาเพียงผู้เดียว

ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีก สมุดบันทึกเล่มนี้เป็นของจวงหลี่เมื่อสิบสี่ปีก่อน เนื้อที่บันทึกอยู่ในนั้นคือทฤษฎีสี่มิติที่ดร.จอห์นเคยเผยแพร่

นักวิทยาศาสตร์หลายคนพยายามอ่านข้อมูลในชิปซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเสียดาย “ไม่มีเบาะแสเพิ่มเติมแล้ว ทฤษฎีที่สมบูรณ์จวงหลี่คงคำนวณออกมาได้ในสิบสี่ปีให้หลัง”

สมุดบันทึกเล่มนี้ไม่มีค่ามากเท่าไร เหล่านักวิทยาศาสตร์จึงกลับมาทุ่มเทให้กับการคำนวณอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง

นายพลฟอร์ดอ่านข้อมูลในชิปอย่างไม่ยอมแพ้ มือสองข้างของเขาสั่นเครือ ทหารนายอื่นๆ ก็รื้อค้นห้องแล็บที่เละตุ้มเป๊ะต่อไป แต่ก็ไม่พบสิ่งของที่ใช้ประโยชน์ได้เลย

ดร.จอห์นถูกปืนจี้ที่หัว เหงื่อเย็นเฉียบไหลชุ่มทั่วร่าง

ทุกคนบนโลกกำลังก่นด่า “วีรบุรุษผู้กอบกู้โลก” และรอคอยการพิสูจน์ของเหล่านักวิทยาศาสตร์ไปพร้อมกัน

บาเรียพลังงานอ่อนแอลงมากขณะที่ไดสันสเฟียร์มอดไหม้ อุณหภูมิของแหล่งที่อยู่ต่างๆ เริ่มลดลงเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็จะไปถึงจุดวิกฤตที่หนาวเหน็บแสนทรมานแต่ไม่ถึงขั้นทำให้ตาย

พืชที่ไม่ชอบอากาศหนาวกำลังแห้งตาย วิกฤตขาดแคลนอาหารและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเริ่มส่อแววให้เห็น

มนุษย์ทุกคนต่างตกอยู่ในความวิตกกังวล พวกเขาเริ่มภาวนา แต่ก็ยังกดความหวาดกลัวในใจไว้ไม่ได้

จวงหลี่ จวงหลี่ จวงหลี่...ในเวลานี้ผู้คนทั่วโลกกำลังตะโกนเรียกชื่อคนที่พวกเขาเคยขับไล่ไสส่ง

สามวันแรก นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างพยายามไขรหัสทฤษฎีมิติขั้นสูงกันอย่างขยันขันแข็ง วันที่สี่ คนที่ความสามารถไม่ถึงขั้นเริ่มยอมแพ้ วันที่ห้า มีคนออกจากทีมคำนวณเพิ่มขึ้น วันที่หก บางคนหมดสติไปบนโต๊ะหนังสือที่เต็มไปด้วยสูตรคณิตศาสตร์ วันที่เจ็ด นักคณิตศาสตร์ผู้เก่งกาจคนหนึ่งสติแตก ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนกับเด็กๆ...

วันที่สิบสี่ ชามานอฟโยนปากกาลูกลื่นในมือทิ้ง และพูดอย่างเจ็บปวดรวดร้าว “ขออภัยด้วย พวกเราพิสูจน์ค่าความเร็วของแรงในปริภูมิสี่มิติไม่ได้ นั่นเป็นเรื่องอีกมิติหนึ่ง พวกเราในตอนนี้ยังจินตนาการไม่ถึง”

วันที่สิบห้า ดร.แชตแมนขยี้ผมที่ยุ่งเหยิง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน “สมองของพวกเราอยู่แค่ระดับสามมิติ สมองของจวงหลี่อยู่ขั้นสี่มิติแล้ว ถ้าจะพิสูจน์ทฤษฎีของเขา พวกเราคงต้องเปลี่ยนสมอง เข้าใจใช่ไหม มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!”

ดร.เดปป์เอามือปิดหน้า เสียงพูดปนสะอื้น “มันจะดีแค่ไหนถ้าจวงหลี่ยังอยู่ ถ้าตอนนั้นพวกเราหวังดีกับเขา อบรมเลี้ยงดูเขาอย่างดี ให้เขาได้รับความเคารพอย่างสมเกียรติ ให้เขารู้สึกว่าที่นี่เป็นที่พักพิง บางทีเขาอาจไม่จากไปแบบนี้”

ดร.อีเบิร์ตถอดแว่นออก น้ำตาไหลพราก “เขาเป็นความหวังเดียวของพวกเรา แต่เวลานี้ความหวังนั้นไม่หลงเหลืออีกแล้ว”

พอได้ยินคำพูดจากดอกเตอร์เหล่านี้ นายพลฟอร์ดที่เฝ้ารออย่างร้อนรนมาสิบกว่าวันแทบทรุดลงกับพื้น ร่างกายยืนอยู่แทบไม่ไหว

ผู้ชมในช่องถ่ายทอดสดก็เริ่มร้องไห้อย่างสิ้นหวัง

[ไม่ ฉันไม่อยากตาย]

[จวงหลี่ ขอร้องละ นายกลับมาเถอะ!]

[พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราทำผิดมหันต์!]

[พวกเราผลักไสไล่ส่งวีรบุรุษตัวจริงจนเขาจากไป แล้วเก็บหัวขโมยตัวฉกาจเอาไว้!]

[ฆ่าจอห์นซะ!]

ความเกลียดชังของคนทั้งโลกพุ่งไปที่ดร.จอห์น

นายพลฟอร์ดที่หมดสิ้นความหวังชักปืนบลาสเตอร์ออกมาจากเอว ปลายกระบอกปืนจ่อขมับของดร.จอห์น พร้อมกับขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างแค้นเคือง “ปวงกาเร จอห์น คุณคือคนบาปของมวลมนุษยชาติ! สมควรถูกจับไปเผา!”

ดร.จอห์นที่เคยอยู่ในสถานะสูงส่งที่สุดของโลกกำลังร้องไห้ฟูมฟาย ลงไปนั่งคุกเข่าอย่างหมดสภาพ อ้อนวอนขอชีวิตเหมือนกับแมลงขี้แยที่กลิ้งอยู่ในกองเกลือ

พอไม่มีบันทึกของจวงหลี่ เขาก็ไม่มีค่าอะไรเลย สิบสี่วันนี้ เขาเองก็อยากไขปริศนาทฤษฎีมิติขั้นสูงเช่นกัน แต่แม้แต่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์สักครึ่งตัวเขาก็เขียนออกมาไม่ได้

ทำให้มนุษย์ได้เห็นกับตาว่าวีรบุรุษที่พวกเขาเคยเคารพนับถือแท้จริงแล้วเป็นเพียงคนไม่เอาถ่านเท่านั้น

นายพลฟอร์ดจ้องปวงกาเร จอห์นอย่างเคียดแค้น นิ้วของเขาเหนี่ยวไกท่ามกลางเสียงร้องไห้คร่ำครวญของอีกฝ่าย

เลือดสดๆ สาดกระเด็นไปทั่วห้อง ศพดร.จอห์นล้มลงบนพื้น แต่ไม่มีใครตระหนกตกใจกับภาพเหตุการณ์สยดสยองตรงหน้า หากเทียบกับวันสิ้นโลกที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ การตายของหัวขโมยนั้นไม่สลักสำคัญอะไรเลย

ในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่สายไปเสียแล้ว เวลานี้คนทั้งโลกต่างมีความคิดแบบเดียวกัน ถ้าตอนแรกพวกเขาเชื่อถือจวงหลี่มากกว่านี้ ประสงค์ดีต่อเขามากกว่านี้ ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

แต่คำว่า “ถ้า” ก็เป็นแค่เงื่อนไขสมมุติเท่านั้น

บาเรียพลังงานที่อ่อนแรงลงเรื่อยๆ ไม่อาจต้านทานความหนาวเหน็บภายนอกได้อีกแล้ว มนุษย์อาจดำรงชีวิตอยู่ได้ภายใต้บาเรียพลังงานเพียงสองปีเท่านั้น แต่สองปีที่ว่าก็ต้องทุกข์ทรมานเหมือนตกนรก

อุณหภูมิที่หนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ นั้นเกินกว่าที่มนุษย์จะรับไหว แหล่งพลังงานต่างๆ ล้วนนำมาใช้ประคับประคองบาเรียพลังงาน เมื่อถึงเวลานั้นทุกคนต้องอดทนใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์ทำความร้อน พืชที่ทนหนาวไม่ได้จะแห้งตาย ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรลดลงจะส่งผลให้เกิดภาวะอาหารขาดแคลนอย่างรุนแรง ยุคคนกินเนื้อคนใกล้จะมาถึงแล้ว...

ผู้ชมคนหนึ่งในช่องถ่ายทอดสดแผดเสียงร้องไห้ฟูมฟาย ดึงให้คนอื่นๆ จมสู่ห้วงเหวแห่งความสิ้นหวัง

นายพลฟอร์ดเอาปืนมาจ่อขมับของตนเองและพูดเสียงสะอื้น “แรกเริ่มเดิมทีผมเป็นคนกล่าวหาจวงหลี่ ข้อหาหมิ่นประมาทปวงกาเร จอห์น ต่อมาผมก็ส่งทหารไปจับตัวเขา เป็นเหตุให้เขาต้องอยู่อย่างหลบซ่อนไม่กล้าเจอหน้าใคร ความโง่เขลาของผมทำร้ายจวงหลี่ และทำร้ายทุกท่าน ผมมีความผิดใหญ่หลวง!”

ตอนที่เขากำลังจะเหนี่ยวไกปืนกลับได้ยินเสียงตะโกนของชามานอฟ “ท่านนายพลโปรดรอก่อน! คุณจวงหลี่ทิ้งความหวังสุดท้ายไว้ให้พวกเรา!”

“ว่าไงนะ”

นายพลฟอร์ดหันขวัลกลับไปทันที แต่กลับเห็นชามานอฟกำลังทุบโลหะบนแผงควบคุมและพูดอย่างกระตือรือร้น “พวกเราไม่อาจถอดรหัสทฤษฎีมิติขั้นสูงได้ภายในสองปี แต่สามารถไขปริศนาส่วนประกอบของโลหะประเภทนี้ได้ ระดับความแข็งแกร่งของมันต้านทานการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยได้ แค่มีมัน พวกเราก็สามารถเดินทางไปยังดาวเคราะห์ GJ536B ได้แล้ว!

ดาวเคราะห์ GJ536B มีชั้นบรรยากาศและน้ำอุดมบูรณ์ อุณหภูมิเหมาะสม สภาพอากาศก็ไม่ซับซ้อน เหมาะแก่การอยู่อาศัยมากกว่าดาวอังคาร

แต่เสียดายที่รอบๆ ดาวเคราะห์ GJ536B มีแถบดาวเคราะห์น้อยที่มีขอบเขตกว้างขวางแถมยังแออัดล้อมรอบ ยานอวกาศของมนุษย์ไม่อาจต้านทานการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้นแล้วลงจอดอย่างปลอดภัยได้

แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

โลหะที่พบในห้องแล็บของจวงหลี่ต้านทานได้แม้แต่ระเบิด นับประสาอะไรกับการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อย ระดับความทนทานของมันสามารถนำมาใช้ผลิตยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งสามารถพามนุษย์ไปยังดาวเคราะห์ GJ536Bได้อย่างราบรื่น

การค้นพบที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้นายพลฟอร์ดตัวสั่นเทา

กลุ่มผู้ชมในอินเทอร์เน็ตที่กำลังร้องไห้ต่างก็เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เหมือนกำลังเฝ้ารอคอยและหวาดกลัวไปพร้อมกัน

ชามานอฟเพิ่งพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญนักวิเคราะห์พฤติกรรมที่วิเคราะห์วิดีโอบันทึกการถ่ายทอดสดของจวงหลี่อย่างขะมักเขม้นอีกห้องหนึ่งก็วิ่งเข้ามาพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านนายพลดูนี่สิครับ สูตรคณิตศาสตร์เหล่านี้พอเอามารวมกันแล้วเหมือนสูตรโมเลกุลไหมครับ”

นายพลฟอร์ดเพิ่งยื่นมือออกไป ชิปแผ่นนั้นก็ถูกชามานอฟแย่งไปทันที

นักวิทยาศาสตร์หลายคนเปิดชิปดูอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พูดด้วยเสียงปนสะอื้น “ถูกต้อง มันคือโครงสร้างโมเลกุลของโลหะชนิดใหม่ คุณจวงหลี่ทิ้งคำตอบที่สามารถกอบกู้โลกเอาไว้ให้พวกเรา ใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีสร้างไดสันสเฟียร์เป็นวิธีที่ไร้ประสิทธิภาพ สร้างยานอวกาศแข็งแกร่งมุ่งหน้าไปยังดาวเคราะห์ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อุณหภูมิพอเหมาะต่างหากที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด คุณจวงหลี่โดนปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณขั้นนั้น แต่กลับยอมช่วยเหลือพวกเราอีกครั้ง เป็นคนที่ไร้ความเห็นแก่ตัวจริงๆ...”

เหล่านักวิทยาศาสตร์ต่างร้องไห้สะอึกสะอื้น

นายพลฟอร์ดถามด้วยเสียงสั่นเครือ “พอมีโครงสร้างโมเลกุลแล้ว พวกคุณต้องใช้เวลานานเท่าไรในการสร้างยานอวกาศ”

“เร็วที่สุดครึ่งปี” ชามานอฟประเมินในใจ

เสบียงอาหารของรัฐบาลสหพันธรัฐเพียงพอสำหรับการบริโภคครึ่งปีพอดี นายพลฟอร์ดแอบประเมินในใจเช่นกัน เขาถอนหายใจอย่างช้าๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนพวกคุณด้วย”

เหล่านักวิทยาศาสตร์รับปากทันที และพูดย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะไม่ออกไปจากห้องแล็บของคุณจวงหลี่ พวกเขาอยากทำงานในนี้

“ที่นี่อยู่ใกล้ความจริงมากที่สุด” พวกเขาพูดเช่นนี้

นายพลฟอร์ดยังมีงานหลายอย่างต้องจัดการ จึงเดินทางออกไปก่อน ก่อนออกจากประตูใหญ่ เขาย้อนกลับมามองอาคารหลังเล็กที่ทรุดโทรมซอมซ่อและธงสีแดงที่แขวนอยู่บนหลังคา ความรู้สึกขอบคุณและเคารพนับถือไหลท่วมหัวใจของเขา

เขาถอดหมวกเครื่องแบบออก และส่งเสียงพูดเบาๆ “คุณจวงหลี่ ขอขอบคุณสำหรับการอุทิศตนของคุณและเพื่อนร่วมชาติของคุณ พวกเราจะจดจำไว้ตลอดกาล”

หนังสือแนะนำ All

Special Deal