Thursday
คนอย่างเซวียนหมิงสามารถบริหารบริษัทอุปกรณ์ไฟฟ้าเล็กๆ ให้กลายเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีระดับโลกได้ แน่นอนว่าไม่มีทางลงไปเล่นเกมความรักกับผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว
เขาใช้เวลาสามวันตะล่อมถามข้อมูลจากอีกฝ่าย เพราะเขาได้ข้อมูลจากคลื่นไฟฟ้าสมองของหญิงสาวกับระบบ ไม่นานเขาก็มั่นใจว่าเธอไม่มีพรรคพวกคนอื่นๆ อยู่ใกล้ตัว บ้านเช่าเล็กๆ แห่งนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดหรืออาวุธใดๆ
หลังจากได้รู้ประวัติของหญิงสาวคร่าวๆ เขาก็รู้ว่าถ้าเธอไม่มีแต้มไปซื้อสินค้าในระบบ ก็จะไม่มีอันตรายต่อเขา เซวียนหมิงจึงขอยืมโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวโทรไปที่หน่วยงานด้านความมั่นคงของชาติ
ในฐานะที่เป็นผู้นำองค์กรเทคโนโลยีชั้นนำ เขาจึงได้รับการคุ้มกันเป็นพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย
เดิมทีหญิงสาวคิดว่าตนเองจะสามารถรั้งเขาไว้อยู่ข้างกายได้ แล้วค่อยๆ มัดใจเขาอย่างช้าๆ พอเจอเหตุการณ์นี้ก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ได้แต่มองเจ้าหน้าที่พิเศษของหน่วยงานด้านความมั่นคงพาตัวเซวียนหมิงไปกับตาตนเอง
และแล้วสามวันหลังจากนั้น ข่าวคราวเรื่องประธานกลุ่มบริษัทเครือไห่หมิงกลับมาอย่างปลอดภัยก็แพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์ ราคาหุ้นของบริษัทที่ตกฮวบเริ่มพุ่งไม่หยุด
ภายในองค์กรก็ได้รับข่าวใหญ่สะเทือนไปทั่วบริษัท - ในที่สุดประธานที่ใจแข็งยิ่งกว่าเพชรก็มีความรักกับเขาสักที แฟนสาวของเขาก็คือผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเขา และตอนนี้เขาก็แต่งตั้งให้อีกฝ่ายมาทำงานในตำแหน่งเลขา!
ในเวลาเดียวกัน อันเป่าเอ๋อร์ หญิงสาวที่ช่วยชีวิตเซวียนหมิงก็แบกอุปกรณ์สำนักงานมาหนึ่งลัง เดินมุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานของตนอย่างภูมิอกภูมิใจ
เซวียนหมิงถึงกับเปิดประตูให้เธอด้วยตนเอง และกระซิบพูดกับเธอเบาๆ “เรื่องที่ผมความจำเสื่อมรบกวนคุณอันช่วยเก็บเป็นความลับด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นผมคงรับมือกับพวกผู้ถือหุ้นไม่ไหว”
“คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันไม่บอกใครเด็ดขาด นี่เป็นความลับของเราสองคน” อันเป่าเอ๋อร์กระซิบข้างหูของเซวียนหมิง พร้อมกับฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์
พอเห็นทั้งคู่ใกล้ชิดสนิทสนม พนักงานที่แอบมาสอดส่องก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ผิดไป
ในความเป็นจริงแล้ว เวลาสามวันนั้นไม่เพียงพอให้อันเป่าเอ๋อร์มัดใจเซวียนหมิงได้ เธอจึงต้องปล่อยข่าวเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง เธอคาดคะเนว่าเซวียนหมิงเองก็คงไม่สนใจข่าวลือพวกนี้
บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินมาช่วยเข็นรถเข็นให้เซวียนหมิง
“ผมจะเข้าประชุมแล้ว ถ้าเจอปัญหาอะไรก็โทรมาหาผมได้เลยนะ” เซวียนหมิงกำชับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ค่ะๆ รู้แล้วค่ะ คุณรีบไปเถอะค่ะ” อันเป่าเอ๋อร์โบกมือไปมา ราวกับทนฟังเซวียนหมิงเซ้าซี้ไม่ไหว
พอเห็นภาพตรงหน้า เลขาในห้องทำงานสองสามคนก็หันมาสบตากัน วางสถานะของอันเป่าเอ๋อร์เป็นคุณนายของบริษัท
ทำงานในบริษัทมาหลายปี พวกเขาไม่เคยเห็นประธานเซวียนใจดี มีความอดทนกับผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อน ใครก็รู้ว่าประธานเซวียนคนนี้เป็นชายทั้งแท่งที่ไร้เทียมทานที่สุดในจักรวาล ในสายตาของเขา พนักงานในบริษัทไม่แบ่งแยกเพศ ทุกอย่างวัดกันที่ความสามารถ
คนเก่งๆ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ต้องถวายหัวทำงานให้เขา แน่นอนว่าเขาเองก็มักทำงานล่วงเวลาจนถึงดึกดื่นเสมอ การทำงานติดต่อกันสิบหรือยี่สิบชั่วโมงเป็นเรื่องธรรมดาที่คุ้นชิน
พอเขาออกไป อันเป่าเอ๋อร์ก็เอาของขวัญมาแจกจ่ายให้คนอื่นๆ ในห้องทำงาน ไม่นานก็ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้อย่างง่ายดาย
ส่วนเซวียนหมิงที่เดินออกไปไกลสิบกว่าเมตรก็ยังได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับระบบ
“โฮสต์ ลืมไปแล้วเหรอว่าเข้าใกล้เรือนริมน้ำจะได้เห็นจันทร์ก่อนใครน่ะ”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าเซวียนหมิงเป็นพวกบ้างาน ขนาดความจำเสื่อมก็ยังจำราคาหุ้นของเครือไห่หมิงได้ เลยดึงดันจะไปเป็นคนนำประชุมให้ได้”
“ฉันว่าท่าทางของเขาไม่เหมือนความจำเสื่อมเลยนะ แค่แป๊บเดียวก็จัดการเรื่องยุ่งยากได้หมดเลย”
“เขาเป็นคนเก่งไง ความจำเสื่อมก็ยังดูแลบริษัทได้”
“เขาก็คือผู้โชคดีของโลกนี้ ความสามารถยอดเยี่ยมอย่างที่ว่าจริงๆ” ระบบหายเคลือบแคลงใจแล้ว
ผู้โชคดี? เซวียนหมิงพึมพำคำสามพยางค์นี้ตลอดทาง เขามีลางสังหรณ์เล็กๆ - เหตุผลที่อำนาจเบื้องหลังของอันเป่าเอ๋อร์และระบบพยายามเข้าหาเขาก็เพื่อ “โชค”
แต่เหตุผลนี้มันฟังดูเพ้อฝันเกินไป แต่ “โชค” ที่ว่ามีอยู่จริงเหรอ
พอคิดว่าตัวเขายังจับคลื่นไฟฟ้าสมองของอันเป่าเอ๋อร์และระบบได้ เซวียนหมิงก็รู้สึกว่าข้อสันนิษฐานนี้ไม่ได้เพ้อฝันเสียทีเดียว
หลังจากสังเกตการณ์มาสองสามวัน เขาก็พบว่าตัวเขาได้ยินแค่บทสนทนาระหว่างอันเป่าเอ๋อร์กับระบบเท่านั้น ไม่อาจรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นได้ ถ้าไม่ได้ปลดล็อกทักษะนี้ บางทีเขาคงความจำเสื่อม แล้วก็ถูกอันเป่าเอ๋อร์ปั่นหัวจนวุ่นไปนานแล้ว
ดังนั้นก็แปลว่าเขาก็พอมีโชคเหมือนกัน
ระหว่างขบคิด เขาก็มาถึงห้องประชุม
บอดี้การ์ดเข็นเซวียนหมิงไปยังตำแหน่งที่นั่งประธาน ในฐานะที่เป็นประธานบริษัท เขากลับเป็นคนแรกที่มาถึงห้องประชุม ผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างทาง
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อหารือแนวทางการพัฒนาของกลุ่มบริษัทเครือไห่หมิง
ถึงแม้ว่าตอนนี้ราคาหุ้นจะกลับสู่จุดปกติแล้ว แต่ความเสี่ยงที่รุนแรงกว่าอยู่ข้างหน้า การตายของดร.จ้าวทำให้งานคิดค้นพัฒนา 5G ของเครือไห่หมิงหยุดชะงัก
ทางตำรวจนำชิปในร่างของดร.จ้าวออกไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมชิปที่ทนความร้อนและรับน้ำหนักได้หลายตันถึงถูกทำลายด้วยพลังบางอย่าง ข้อมูลข้างในหายเกลี้ยง
ซึ่งก็หมายความว่าประเทศจีนสูญเสียโอกาสสำคัญในการขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ไปแล้ว
ประเทศตะวันตกยังคงขัดแข้งขัดขาประเทศจีน พยายามควบคุมการคิดพ้นและพัฒนาเทคโนโลยีของชาวจีน
เซวียนหมิงไม่ได้เรียกตนเองว่าเป็นพ่อค้า แต่เป็นผู้ประกอบการ พ่อค้าแค่ต้องการหาเงินเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการนั้นแบกรับหน้าที่และความรับผิดชอบทางสังคมเอาไว้บนบ่า
เทียบกับการหาเงินแล้ว เขาอยากให้ประเทศของตนเองแข็งแกร่งยิ่งใหญ่มากกว่า
เดิมทีเขาเข้าใกล้เป้าหมายนี้มาก ใกล้แค่เอื้อม...
พอนึกถึงใบหน้าของดร.จ้าวถูกไฟคลอก มือสองข้างก็กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ในเวลานี้เอง หญิงสาวหน้าตาสวยหยาดเยิ้ม บุคลิกเย่อหยิ่งคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องประชุม มือของเธอหอบเอกสารหนาเป็นปึกมาด้วย
“ประธานเซวียน ร่างกายดีขึ้นหรือยังคะ” น้ำเสียงของหญิงสาวเย็นเยือกยิ่งกว่าบุคลิกของเธอเสียอีก แม้เผชิญหน้ากับประธานบริษัท ท่าทีของเธอก็ยังไม่อ่อนลงแม้แต่น้อย เธอแค่ถามตามมารยาท ไม่ได้ห่วงใยจากใจจริง
สีหน้าของเซวียนหมิงกลับอ่อนโยนมาก “ผมสบายดีครับ ได้ยินว่าสองสามวันก่อนหน้านี้คุณทำงานล่วงเวลาอยู่ในห้องแล็บตลอด ไม่ได้ออกมาข้างนอกเลย ต้องระวังสุขภาพด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าอ่านเอกสารงานวิจัย ทำเหมือนคำพูดของเซวียนหมิงเป็นเพียงลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น
เธอชื่อเฉียวย่าหนาน ตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนาของกลุ่มบริษัทเครือไห่หมิง ระดับการศึกษาและผลงานวิจัยไม่เป็นรองดร.จ้าว ไม่แปลกที่จะมีนิสัยเย่อหยิ่ง มั่นใจในตนเองสูง
ดร.จ้าวตายแล้ว เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์คนที่สองที่เขียนอัลกอริทึม 5G ได้ ที่เซวียนหมิงให้ความสำคัญและดูแลเธอเป็นพิเศษก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
เฉียวย่าหนานเคาะคีย์บอร์ดดัง ‘แต๊กๆ’ จดจ่อกับงานในมือ
เซวียนหมิงไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อยที่ถูกเมิน ซ้ำยังแสดงสีหน้าชื่นชมออกมาอีกด้วย
ในเวลานี้เอง ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ ผมหยิกพองหนา หน้าตาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหนึ่งเครื่อง
“สวัสดีครับประธานเซวียน สวัสดีครับรองหัวหน้าแผนกเฉียว ผมชื่อจวงหลี่ เป็นผู้ช่วยที่เพิ่งเข้ามาทำงานครับ วันนี้ผมรับหน้าที่จดรายงานการประชุมครับ”
ชายหนุ่มก้มหลังแสดงความเคารพ ไม่สิ จะบอกว่าแสดงความเคารพก็ไม่ถึงขั้นนั้น ควรพูดว่าแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนถึงจะถูก
เซวียนหมิงหลุบตาจมอยู่ในห้วงความคิด จึงไม่ได้สังเกตเห็นเขา
เฉียวย่าหนานก็ตั้งอกตั้งใจเขียนรายงานวิจัย จึงไม่ได้ตอบกลับ
ผู้ช่วยหน้าใหม่ยิ้มแห้งอย่างเลิ่กลั่ก แล้วก็ก้มหน้าก้มตาย่องถอยไปยังที่นั่งมุมห้องเหมือนกับหัวขโมย พอนั่งที่เรียบร้อย เขาก็เปิดคอมพิวเตอร์ เปิดโปรแกรมที่ต้องใช้งานเริ่มพิมพ์หัวข้อการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมรวมถึงเนื้อหาคร่าวๆ ของการประชุม
แล้วจู่ๆ ปลายนิ้วของเขาก็ค้างอยู่เหนือแป้นคีย์บอร์ด ร่างกายนิ่งเฉยเหมือนถูกแช่แข็ง แม้แต่ดวงตาก็ยังแข็งทื่อ
เซวียนหมิงเหลือบมองอย่างเฉียบคม แต่กลับได้ยินเสียงหุ่นยนต์ที่คุ้นเคยยิ่งกว่าอะไรดังมาจากฝั่งเฉียวย่าหนาน
“โฮสต์ ฉันแอบขโมยข้อมูลในชิปมาแล้ว และกำลังจะส่งให้คุณ”
เฉียวย่าหนานไม่ได้ขยับปาก แต่เสียงพูดของเธอกลับแจ่มชัด “เดี๋ยว ฉันขอเสียบการ์ดก่อน”
เฉียวย่าหนานเสียบเมมโมรีการ์ดเข้าไปในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
เซวียนหมิงยังคงจ้องมองจวงหลี่ที่ร่างกายแข็งทื่อ แต่หูกลับตั้งใจฟังบทสนทนาของอีกฝั่ง เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเฉียวย่าหนานจะเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรนั้น
แต่น้ำเสียงระบบของเธอฟังดูเย็นชายิ่งกว่า ฟังออกอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่คนเดียวกับระบบของอันเป่าเอ๋อร์
บทสนทนาของทั้งคู่เอ่ยถึงชิปและการล้วงข้อมูลลับ ทำให้เซวียนหมิงเชื่อมโยงไปถึงการตายของดร.จ้าวอย่างอดไม่ได้
หรือว่าเฉียวย่าหนานจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม?
ข้อสันนิษฐานนี้เพิ่งผุดขึ้นในหัวของเขา เสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีของเฉียวย่าหนานก็ดังขึ้น “ระบบ เธอมาได้จังหวะพอดี! ถ้าฉันไม่มีข้อมูลพวกนี้ อีกเดี๋ยวการประชุมเริ่มขึ้นฉันคงไม่กล้าพูดอะไรสักคำแน่”
“โฮสต์ คุณควรเรียนรู้เทคโนโลยีด้านเครือข่ายสื่อสารด้วยตนเองบ้างนะ เอาแต่พึ่งฉันให้ไปขโมยผลวิจัยของคนอื่นตลอดไม่ได้ ถ้าเกิดขัดข้องขึ้นมาจะทำยังไง”
“เธอคือระบบของพระเจ้าจะขัดข้องได้ยังไง แค่มีเธออยู่ ฉันก็เอาผลวิจัยเทคโนโลยีทั้งโลกมาใช้งานได้ตามใจชอบ แล้วจะทนลำบากเรียนรู้ให้เมื่อยทำไม อีกอย่างภารกิจของฉันก็คือพิชิตใจเซวียนหมิง ไม่ใช่วิจัยคิดค้นเทคโนโลยีสักหน่อย”
“ก็จริง” ระบบเห็นด้วยกับความเห็นของเฉียวย่าหนาน
“ระบบ ครั้งนี้ฉันต้องยึดตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนามาให้ได้ ต่อไปฉันก็จะได้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G เซวียนหมิงชอบคนเก่งๆ ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องตกหลุมรักฉันแน่นอน”
“จากการวิเคราะห์ของฉัน เมื่อเธอเข้าไปแทนที่ดร.จ้าว เธอมีโอกาสพิชิตใจเป้าหมายได้ 100%”
“ถูกต้อง เมื่อครู่เซวียนหมิงอ่อนโยนกับฉันมาก ในที่สุดเขาก็เห็นฉันอยู่ในสายตาสักที”
“แต่ฉันมีข่าวร้ายมาบอกโฮสต์ ผู้ทำภารกิจรหัส 367 ที่เคยร่วมมือกับคุณก่อนหน้านี้กลายเป็นแฟนสาวของเป้าหมายแล้ว”
“ว่าไงนะ อันเป่าเอ๋อร์แย่งตำแหน่งไปแล้วเหรอ ให้ตายเถอะ! ถ้ารู้ว่าเซวียนหมิงจะไปรับดร.จ้าวด้วยตนเอง ฉันคงไม่ซื้อพิกัดมาจากอันเป่าเอ๋อร์หรอก ทำไมเธอไม่มีฟังก์ชันตรวจสอบพิกัดของทุกคนกันนะ”
“ฟังก์ชันของแต่ละระบบนั้นไม่เหมือนกัน ฟังก์ชันของรหัส 367 สูงกว่าฉัน สามารถระบุพิกัดของคนทุกคนได้ ส่วนฉันสามารถดึงข้อมูลทั้งหมดจากอินเทอร์เน็ตมาได้ตามใจชอบ โฮสต์ ถ้าคุณอยากได้ความลับทางการทหารที่ตึกเพนทากอน ฉันก็เอามาให้คุณได้”
“ฉันจะเอาความลับทางการทหารไปทำอะไร ฉันแค่อยากได้อัลกอริทึม 5G เท่านั้น จริงสิ หน่วยงานด้านความมั่นคงกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่นี่นา พวกเขาจะไม่สาวมาถึงเราใช่ไหม”
“โฮสต์โปรดวางใจ ไม่มีใครตรวจสอบการดำรงอยู่ของฉันได้ เทคโนโลยีของฉันล้ำหน้ากว่ายุคนี้มากมากเหลือเกิน”
“งั้นก็ดี” เฉียวย่าหนานถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วก็พูดอย่างได้ใจ “เธอเสกลมเสกฝนในอินเทอร์เน็ตได้ ระบบของอันเป่าเอ๋อร์ทำได้แค่ระบุพิกัด เธอเก่งกว่าเห็นๆ เลย”
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีระบบที่อยู่ขั้นสูงกว่าฉัน”
“หมายความว่าไง หรือว่าในโลกนี้นอกจากฉันกับอันเป่าเอ๋อร์แล้ว ยังมีคนอื่นที่มีระบบอีกเหรอ”
“ถูกต้อง”
“คนคนนั้นเป็นใคร” เฉียวย่าหนานรีบถามต่อ เธอยอมให้คนอื่นมีพลังแข็งแกร่งว่าเธอไม่ได้
“ฉันเปิดเผยข้อมูลด้านนี้ไม่ได้ ถ้าโฮสต์ไม่อาจทำภารกิจให้เสร็จสิ้นจนเวลาล่วงเลย ระบบจะกำหนดให้โฮสต์แต่ละคนมีความจำเป็นต้องร่วมมือกัน ถึงตอนนั้นเราก็จะเปิดแชนแนลสื่อสารให้โฮสต์ได้ โฮสต์กับอันเป่าเอ๋อร์อยู่ในโลกนี้มาห้าปีแล้ว แต่ความคืบหน้าของภารกิจก็ยังเป็นศูนย์ พวกเราถึงได้เปิดให้ร่วมมือกัน ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ผลที่ได้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ โฮสต์เองก็ได้รับการชื่นชมจากเป้าหมายของภารกิจแล้ว”
“แต่อันเป่าเอ๋อร์ได้เป็นแฟนของเซวียนหมิงเลยนะ แซงหน้าฉันไปตั้งก้าวหนึ่ง!” เฉียวย่าหนานกดเสียงคำรามด้วยความโมโห แม้ภายนอกเธอจะดูเหมือนกำลังจดจ่อกับงานอยู่ก็ตาม
“อันเป่าเอ๋อร์ยังทำไม่สำเร็จ ฉันตรวจสอบได้ ค่าความโชคดีของเซวียนหมิงยังไม่ลดลงเลย ได้โปรดอย่ากระวนกระวายเกินกว่าเหตุเลย”
เฉียวย่าหนานบังคับอารมณ์ตัวเองให้สงบลง
ถ้าผู้ทำภารกิจล้มเหลวติดต่อกันสามครั้ง วิญญาณของคนคนนั้นก็จะถูกพระเจ้าฆ่าตาย ไม่มีวันฟื้นขึ้นอีกตลอดกาล ซึ่งเฉียวย่าหนานล้มเหลวมาสองครั้งแล้ว นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ
เธอจำเป็นต้องคุมเกมให้ได้
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลที่ดึงมาจากจ้าวเจิ้นเซิงก็ดาวน์โหลดเสร็จสิ้นแล้ว
เฉียวย่าหนานจ้องมองจอคอมพิวเตอร์อยู่พักใหญ่ แล้วก็ออกคำสั่งอย่างฉะฉาน “ระบบ ฉันอ่านไม่เข้าใจ อีกเดี๋ยวพอเริ่มประชุมก็ช่วยสรุปประเด็นสำคัญให้ฉันด้วย ขีดเป็นเส้นสีแดง แล้วก็ช่วยฉันเรียบเรียงประโยคด้วยนะ”
ระบบตอบตกลงทันที แล้วก็เริ่มสรุปข้อมูลอย่างรวดเร็ว
เฉียวย่าหนานหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ ดวงตาที่หรี่ลงฉายแววเคว้งคว้างต่ออนาคตข้างหน้า แต่ในใจก็ยังสู้ไม่ถอย
เซวียนหมิงถูกเบาะแสมหาศาลที่ทะลักออกมาจากบทสนทนาจู่โจมจนสมองระบม นักวิทยาศาสตร์หญิงที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในประเทศจีนที่เขาหลงคิดว่าจะสามารถปฏิวัติวงการเทคโนโลยี ขึ้นเป็นผู้นำด้าน 5G คนนี้กลับกลายเป็นหัวขโมยที่ไร้ยางอาย!
ผลงานวิจัยทั้งหมดของเธอล้วนขโมยมาจากคนอื่นทั้งนั้น ถ้าไม่มีระบบ เธอก็ไร้ค่า! เธอไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีเครือข่ายสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์เลยแม้แต่นิดเดียว หนำซ้ำยังหักหลังดร.จ้าว ไปร่วมมือกับอันเป่าเอ๋อร์ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นปูชนียบุคคลของประเทศชาติต้องตายด้วยน้ำมืออาชญากรข้ามชาติ
ส่วนเป้าหมายของผู้หญิงสองคนนี้ก็คือพิชิตใจเขา ล้อเล่นกับความรู้สึกของเขา ช่วงชิงความโชคดีของเขาไป
ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงเอาชีวิตของคนและผลประโยชน์ของประเทศชาติมาล้อเล่นราวกับเป็นแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่งกันนะ พวกเธอไม่มีจิตสำนึก ไม่รู้สึกละลายใจบ้างเลยรึไง ยังมีความเป็นคนอยู่บ้างไหม
เซวียนหมิงรู้สึกคลื่นไส้จนแทบอาเจียน
เขาพยายามกดความโกรธแค้นในใจเอาไว้ แต่กลับได้ยินน้ำเสียงก้องโหวงดังมาจากอีกฝั่งของห้องประชุม “7480 กำลังผูกการเชื่อมต่อกับโฮสต์ กรุณาเลือกตกลงหรือไม่ตกลง”
ระบบมาอีกแล้วเหรอ ความโมโหของเซวียนหมิงถูกแทนที่ด้วยความฉงนปนตะลึง
สายตาของเขาเล็งไปที่ชายหนุ่มผมหยิกที่มุมห้องอย่างแม่นยำ
ดวงตาที่แข็งทื่อของชายหนุ่มกลอกไปมาเล็กน้อย พริบตานั้นร่างกายของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม แม้ไม่ได้เปิดปาก แต่ในหัวกลับมีเสียงพึมพำที่ฟังดูเกียจคร้าน “หือ เธอบอกว่าเธอคือตัวอะไรนะ”