(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน อัจฉริยะครองโลก เล่ม 1

Thursday

บทที่ 10 จวงหลี่ : ฉันจะฉีกหน้ากากเธอด้วยมือของฉัน

พอได้ยินน้ำเสียงโอหังของระบบ มือของเซวียนหมิงก็หยุดชะงักจากการปรบมือ

น้ำเสียงของจวงหลี่ยังคงฟังดูเกียจคร้านเหมือนเดิม “หือ งั้นเหรอ แต่ฉันไม่กังวลเลยสักนิด ระบบ ถ้าเธอหนีไปตอนนี้ก็ยังทันนะ ฉันให้โอกาสเธออีกครั้ง”

ระบบถูกท่าทียโสของเขายั่วยุจนโมโห จึงตอบเสียงเย็นชา “โฮสต์ ฉันก็เคยให้โอกาสโฮสต์แล้ว แต่โฮสต์ไม่เห็นคุณค่า”

ระบบเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงดังก้องกังวานในหัวของจวงหลี่ แถมระดับเสียงก็พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด เสียงนี้เหมือนกับเสียงหวีดหอนของไมโครโฟนเมื่อสัญญาณเสียงจากลำโพงย้อนกลับเข้าไมโครโฟนไม่มีผิด แต่เสียงแหลมเสียดหูยิ่งกว่านั้น ทำให้คนรู้สึกทรมานจนทนแทบไม่ไหว

เซวียนหมิงจับสัญญาณเสียงบทสนทนาของระบบกับจวงหลี่ได้ แน่นอนว่าต้องได้ยินเสียงหวีดหอนนั้น ในฐานะผู้เสียหายทางอ้อม เขารีบเอามือกุมหัว กัดฟันอดกลั้นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา

แต่จวงหลี่ที่หัวสมองรับเสียงแหลมเสียดหูนี้โดยตรงกลับหลับตาลงเท่านั้น เฝ้ารอคอยอย่างเงียบเฉย

ถ้าไม่ใช่ว่าปลายนิ้วเรียวๆ ของเขาหยุดหมุนปากกาลูกลื่น แล้วกับแท่งปากกาแน่น เซวียนหมิงก็คงคิดว่าเขาไม่รู้สึกอะไร

พอเห็นจวงหลี่ไม่ได้ลงไปนอนกลิ้งบนพื้น และไม่ได้ส่งเสียงร้องอ้อนวอน ระบบจึงไม่รู้สึกถึงความสำเร็จ

ระบบข่มขู่รุนแรงขึ้นอีกขั้น “โฮสต์ ไม่ว่าคุณจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ฉันผูกกับโฮสต์โดยพลการแล้ว อ๋อ ยังมีอีกเรื่องที่ลืมบอกไป หลังจากผูกเชื่อมโยงกับระบบแล้ว โฮสต์จำเป็นต้องทำภารกิจให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นฉันจะสามารถฆ่าโฮสต์ได้”

เสียงหวีดหอนกำลังถอยห่างออกไป จวงหลี่จึงค่อยๆ กลับมาหมุนปากกาด้วยเทคนิคขั้นสูงอีกครั้ง เขาไม่รู้สึกอะไรกับคำขู่ฆ่าของระบบ

เซวียนหมิงกลับนึกขึ้นได้ทันใด ระบบของอันเป่าเอ๋อร์ก็เคยพูดเรื่องฆ่าโฮสต์เหมือนกัน ถ้าระบบเหล่านี้มาจากมิติที่สูงกว่า ก็แสดงว่าสามารถทำลายชีวิตใดๆ ก็ได้

มือที่วางอยู่บนเข่าของเซวียนหมิงกำหมัดอย่างไม่รู้ตัว แววตาวิตกกังวลกวาดมองไปที่จวงหลี่ เขารู้ว่าท่าทางของเขามีพิรุธมาก แต่ก็นิ่งเฉยต่อไม่ไหว

ระบบยังคงไม่ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองที่คาดหวัง จึงเพิ่มระดับเสียงให้สูงขึ้น “โฮสต์ ได้ยินที่ฉันไหม”

จวงหลี่ลืมตาขึ้นอย่างเฉื่อยชา แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยการท้าทาย “ฆ่าฉันเหรอ งั้นก็ลงดูสิ”

ระบบถูกยั่วโมโหจนหมดความอดทน จึงตวาดใส่เขา “โฮสต์ EQ ของโฮสต์ต่ำจนน่าเวทนาจริงๆ แม้แต่การอ่านสถานการณ์พื้นฐานก็ยังทำไม่ได้ ในฐานะที่เป็นระบบของโฮสต์ ฉันขอทำหน้าที่สั่งสอนโฮสต์สักหน่อย”

เพิ่งพูดจบ เสียงคลื่นไฟฟ้าก็ดังขึ้นในสมองของจวงหลี่

เซวียนหมิงไม่รู้ว่าระบบกำลังทำอะไร แต่ก็สามารถสันนิษฐานจากปฏิกิริยาของชายหนุ่มผมหยิกได้

ปากกาในมือจวงหลี่ร่วงหล่น มือสองข้างกดหน้าโต๊ะราวกับกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง หลังมือที่ขาวผ่องมีเส้นเลือดสีเขียวปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เลือดที่ไหลเวียนอย่างรวดเร็วเท่าให้เส้นเลือดเต้นกระตุกเบาๆ นี่เป็นปฏิกิริยาจากอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง

ระบบกำลังทำลายร่างกายของชายหนุ่มคนนี้!

ข้อสรุปนี้ทำให้เซวียนหมิงลืมกลบเกลื่อนพิรุธไปทันที เขาอยากส่งชายหนุ่มไปโรงพยาบาล แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าขาสองข้างกำลังเข้าเฝือก แม้แต่ลุกขึ้นยืนก็ยังทำไม่ไหว

เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความไปหาบอดี้การ์ดที่อยู่นอกห้องประชุม เขาเพิ่งพิมพ์ประโยค “คุณเข้ามาหน่อย” เสร็จ เขากลับได้ยินชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะในสมอง

มือที่กดหน้าโต๊ะของเขาอยู่ภายใต้สายตาของเซวียนหมิง เส้นเลือดสีเขียวซ่อนอยู่ใต้ผิวขาวผ่อง ดูราวกับไอหมอกที่ถูกแต่งแต้มด้วยละอองฝน และเหมือนหยกสีขาวที่ผสมสีเลือดฝาด ช่างงดงามจนชวนตะลึง ซึ่งมือสองข้างนี้ก็แสดงความเจ็บปวดของจวงหลี่ออกมาให้เห็นอย่างหมดเปลือก

แต่เสียงหัวเราะของเขากลับยังฟังดูผ่อนคลายเหมือนเดิม ไม่มีอาการฝืนทนเลยแม้แต่น้อย เขาหัวเราะอยู่อย่างนั้น แล้วก็หายใจถี่เร็ว ดูไม่เหมือนกำลังอดกลั้นความเจ็บปวด เหมือนกำลังสนุกสนานมากกว่า

เซวียนหมิงอึ้งไป ขนลุกซู่ทั้งร่าง สัญชาตญาณบอกเขาว่าเสียงหัวเราะนั้นฟังดูพิลึกมาก ส่วนมันพิลึกตรงไหนเขาก็อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

เขาเริ่มนั่งไม่ติด แม้แต่ข้อความเรียกบอดี้การ์ดก็ยังลืมกดส่ง

ระบบถามอย่างโกรธเคือง “หัวเราะอะไรน่ะ”

“ฮ่า~ฮ่า...” จวงหลี่ยังคงขำไม่หยุด เม็ดเหงื่อซึมจากหน้าผาก ผิวที่ขาวซีดถูกฉาบด้วยสีแดงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แม้แต่ดวงตาหางหงส์ก็ยังเป็นสีแดงก่ำ

เซวียนหมิงจ้องอยู่เดี๋ยวเดียวก็เบือนสายตาไปทางอื่น ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง จู่ๆ เขาก็รู้สึกคอแห้ง เขารีบดึงเนกไทสีเทาแกมเงินให้คลายออก ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองเม็ด จังหวะหายใจจึงผ่อนคลายลง ไม่เร็วเท่าเดิม

ดูจากปฏิกิริยาของชายหนุ่มแล้ว ท่าทีของเขาไม่เหมือนคนที่กำลังจะพ่ายแพ้

ระบบยังคงตวาดเสียงดัง “โฮสต์ รสชาติของการถูกคลื่นไฟฟ้าโจมตีชวนให้ติดใจไหมล่ะ อย่าใช้เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนความทรมานเลย อ้อนวอนฉันตอนนี้ยังทันนะ บอกให้ก็ได้ ที่ฉันทำได้ไม่ใช่แค่ใช้คลื่นไฟฟ้าโจมตีร่างกายของโฮสต์เท่านั้น ฉันปลิดวิญญาณฆ่าโฮสต์ได้ด้วย ทางที่ดีก็ทำตัวให้ว่านอนสอนง่ายดีกว่า”

“โจมตีร่างกายฉันด้วยคลื่นไฟฟ้า เธอแน่ใจนะ?” มือทั้งสองข้างของจวงหลี่กดหน้าโต๊ะ มุมปากชี้ขึ้นอย่างเงียบเชียบ “ถ้าใช้คลื่นไฟฟ้าจริงๆ ผิวหนังของฉันคงมีร่องรอยไหม้แล้ว”

จวงหลี่งอปลายนิ้ว

สายตาของเซวียนหมิงถูกนิ้วที่เรียวยาวขาวผ่อง ปลายนิ้วมีสีชมพูระเรื่อดึงดูดไปทันที

จวงหลี่กดปลายนิ้วลงบนโต๊ะแล้วอธิบายต่อ “ผิวของฉันไม่มีร่องรอยไหม้เลยสักนิด มันหมายถึงอะไรล่ะ”

มาแล้ว มาแล้ว สถานการณ์ที่ต้องยอมจำนนมาอีกแล้ว! ระบบขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

จวงหลี่พูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “มันหมายความว่าความเจ็บปวดจากการโจมตีด้วยคลื่นไฟฟ้าเป็นเพียงอาการหลงผิดเท่านั้น มันทำลายสมองของฉันไม่ได้ และทำลายร่างกายของฉันไม่ได้เช่นกัน”

เสียง ‘เปรี๊ยะๆ’ ของคลื่นไฟฟ้าดังก้องในหัวของชายหนุ่ม แต่ความรู้สึกหวาดหวั่นของเซวียนหมิงผ่อนคลายลงแล้ว เป็นแค่อาการหลงผิดก็ดี เขาเชื่อข้อสรุปของชายหนุ่มคนนี้อย่างไม่มีเงื่อนไข

“ถ้าเป็นแค่อาการหลงผิดแล้วทำไมถึงทรมานล่ะ” ระบบย้อนถามอย่างไม่ยอมแพ้

“จะให้ฉันอธิบายหลักการให้เห็นภาพไหม เธอใช้ประโยชน์จากคลื่นไฟฟ้าอ่อนๆ มากระตุ้นการเชื่อมต่อระหว่างนิวเคลียสแอกคัมเบนส์และคอร์เทกซ์กลีบหน้าผากส่วนหน้า สมองสองส่วนนี้หากใช้งานหนักเกินไปจะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดนี้เป็นสัญญาญหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่แท้จริง มันไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายฉันเลยแม้แต่น้อย”

พอพูดจบ จวงหลี่ก็ก้มลงมองหาอะไรบางอย่าง

เซวียนหมิงรีบก้มลงเก็บปากกาลูกลื่นแท่งนั้นขึ้นมา

อีกฝ่ายขอบคุณเบาๆ แต่สายตากลับไม่ได้มองเซวียนหมิงเลย ไม่นานเขาก็เริ่มหมุนปากกาอีกครั้ง ไม่สนใจระบบและความเจ็บปวดอีกต่อไป

ระบบที่พ่ายแพ้ย่อยยับพูดเสียงแข็ง “ถึงเป็นแค่อาการหลงผิดแล้วยังไง ความเจ็บปวดทรมานของคุณมันเกิดขึ้นจริง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะทนไหว!”

ระบบเร่งกระตุ้นการเชื่อมต่อระหว่างสมองสองส่วน ทำให้อาการเจ็บปวดรุนแรงขึ้น

ครั้งนี้ปากกาลูกลื่นบนนิ้วของจวงหลี่ไม่ได้ตกพื้น แต่เม็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อย

เซวียนหมิงขมวดคิ้วหันไปมอง แม้จะสัมผัสไม่ได้ถึงความเจ็บปวดนั้น แต่เขาก็เห็นความเคียดแค้นของระบบได้อย่างชัดเจนจากเสียงคลื่นไฟฟ้าที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ระบบพยายามใช้วิธีโหดเหี้ยมบังคับให้คนยอมจำนน

ความโมโหพลุ่งพล่านทั่วหัวใจของเซวียนหมิง

แต่จวงหลี่กลับหายใจถี่ และแค่นหัวเราะไปพร้อมกัน “เธอมีปัญญาทำได้แค่นี้เองเหรอ ระบบ”

ปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินที่หมุนอยู่บนนิ้วของจวงหลี่ดูเหมือนกับดอกไม้ผลิบาน แสดงให้เห็นถึงความสุขุมของเขา และบอกให้รู้ว่าชัยชนะอยู่ในมือเขา

สายตาของเซวียนหมิงไม่อาจเคลื่อนหนีจากจวงหลี่ได้เลย

ระบบยังคงจู่โจมนิวเคลียสแอกคัมเบนส์และคอร์เทกซ์กลีบหน้าผากส่วนหน้าต่อไป ทำให้เสียงคลื่นไฟฟ้าที่คอยทารุณประสาทสัมผัสดังก้องในหัวสมองของจวงหลี่ และดังในหูของเซวียนหมิง

หลายนาทีต่อมา เซวียนหมิงประคองหน้าผากที่มีเหงื่อชุ่ม แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมส่งข้อความในบอดี้การ์ดอีกครั้ง ในฐานะที่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ เขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว

แต่จวงหลี่กลับวางปากกาลูกลื่นลงเบาๆ และฉีกยิ้มผ่อนคลาย “ทำไมความเจ็บปวดจากการโจมตีด้วยกระแสไฟฟ้าถึงอ่อนกำลังลงซะแล้วล่ะ ระบบ อย่าบอกนะว่าจู่ๆ ก็เกิดมีจิตสำนึกขึ้นมา”

เพิ่งพูดจบ เสียงคลื่นไฟฟ้าที่กวนใจก็เงียบลง

ระบบทำเสียงกระฟัดกระเฟียด “การสั่งสอนในวันนี้ลึกซึ้งพอไหม ต่อไปก็จงทำภารกิจแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นฉันเอาคุณตายแน่!”

เซวียนหมิงวางโทรศัพท์มือถือลง แม้ไม่แสดงออก แต่ก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อย ถ้าชายหนุ่มยอมถอยและทำภารกิจ เขาก็เข้าใจได้ หรือบางทีอาจถึงขั้นยอมให้ความร่วมมือ หลังจากฟังการถกเถียงระหว่างชายหนุ่มกับระบบตั้งแต่แรกจนจบ เขาก็รู้สึกลบต่อระบบอย่างรุนแรง

แต่จวงหลี่กลับดื้อดึง เขาส่ายหน้าและหัวเราะเบาๆ “งั้นก็ทำให้ฉันตายตั้งแต่ตอนนี้เลยสิ”

เซวียนหมิงที่ถูกชายหนุ่มเมินเฉยเกิดความรู้สึกซับซ้อนในใจ

ระบบกัดฟันกรอด “โฮสต์ ฉันฆ่าโฮสต์ตอนนี้เลยได้เชื่อไหมล่ะ”

จวงหลี่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ขายาวๆ เปลี่ยนอิริยาบถมาไขว้กัน แล้วตอบกลับอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันไม่เชื่อ”

“ก็ได้ๆๆ ฉันจะฆ่าโฮสต์เดี๋ยวนี้เลย!” เสียงคลื่นไฟฟ้าที่คุ้นเคยดังอยู่พักหนึ่ง แล้วน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดของระบบก็เปลี่ยนเป็นเสียงโมโนโทนเหมือนหุ่นยนต์เช่นตอนแรก “โปรแกรมฆ่าทิ้งเริ่มทำงาน สิบวินาทีหลังจากนี้ วิญญาณของโฮสต์จะสลายไปตลอดกาล สิบ เก้า...”

เวลาผ่านไปเร็วมาก เซวียนหมิงกำหมัดแน่น เขาช่วยอะไรไม่ได้เลย เวลานี้เขาอยากจะตอบตกลงแทนชายหนุ่มคนนี้เหลือเกิน

จวงหลี่กลับแกว่งปลายเท้าไปมา เสียงถอนหายใจดังขึ้นในหัว “เลิกวางอำนาจสักทีเถอะระบบ ตอนนี้เธอไม่มีพลังมาทำร้ายฉันแล้ว สติปัญญาของเธอสูงกว่ามนุษย์ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังเป็นแค่เครื่องยนต์ แล้วแก่นสำคัญของเครื่องยนต์คืออะไร”

ระบบเอาแต่นับถอยหลังอย่างเลือดเย็น

จวงหลี่หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “แก่นของเครื่องยนต์ก็คือพลังงาน ถ้าไม่มีพลังงาน เธอก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ฉันจะวิเคราะห์ว่าพลังงานที่เธอมีอยู่เหลืออีกเท่าไร”

เสียงของระบบที่กำลังนับถอยหลังสั่นเครือ มันเสียดหูเหมือนเอาปลายเล็บกรีดแผ่นซีดี

ริมฝีปากบางๆ ของจวงหลี่ฉีกยิ้มแล้วเริ่มวิเคราะห์อย่างไม่เร็วและไม่ช้า “ตอนออกเดินทาง พลังงานของเธอมีเต็มหลอด ซึ่งก็คือ 100% การเดินทางจากมิติที่สูงกว่ามายังปริภูมิสามมิติ เธอจำเป็นต้องทะลุกำแพงมิติเข้ามา พลังงานที่ถูกใช้ไปคงไม่น้อยแน่นอน ฉันเดาว่าคงเสียไปอย่างน้อย 60% เพราะไม่ว่าอยู่ในอารยธรรมเทคโนโลยีประเภทไหน การเดินทางทะลุมิติเวลาล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”

“หลังจากมายังปริภูมิสามมิติ เธอจำเป็นต้องหาเป้าหมายที่เหมาะสม ในขั้นตอนการตามหา เธอต้องสแกนช่วงเวลาทั้งหมดในโลกนี้เพื่อเลือกคนที่โชคชะตาแข็งแกร่งที่สุดจากช่วงเวลาทั้งหมดออกมา โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาที่มนุษย์กำเนิดขึ้นจนกระทั่งมนุษย์สูญพันธุ์ ฉันขอเดากลางๆ อย่างน้อยก็น่าจะห้าล้านปี”

จวงหลี่โบกมือที่ขาวผ่อง “ในเวลาห้าล้านปีนี้ เธอจำเป็นต้องสแกนทีละช่วงเวลา พลังงานที่ใช้อย่างน้อยก็ 10% อย่างมาก 20% ฉันประเมินให้เธอ 10% ก็แล้วกัน”

ระบบหยุดนับเวลาถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว และปิดกั้นคลังพลังงานของตนเองอย่างเงียบเชียบ

เซวียนหมิงฟังอย่างปลาบปลื้ม

จวงหลี่ยังคงอธิบายต่อไป “การหาเป้าหมายของภารกิจที่เหมาะสม เธอต้องเข้าสู่ยุคที่เขาอยู่ซึ่งกินพลังงานไปอีกประมาณหนึ่ง ฉันเดาว่าน่าจะ 5% ละมั้ง”

“ถึงตอนนี้ ระดับพลังงานของเธอต่ำกว่ามาตรฐานที่ปลอดภัย ส่วนเธอจำเป็นต้องหาโฮสต์คนหนึ่งมาช่วยให้เธอเข้าใกล้เป้าหมายของภารกิจ”

นิ้วชี้เรียวยาวของจวงหลี่วาดผ่านป้ายพนักงานที่อก “จะเลือกโฮสต์สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เพราะถ้าอยู่ห่างไกลเกินไปก็จะไม่เป็นผลดีต่อการทำภารกิจ ดังนั้นเธอจึงลอยอยู่ในอากาศ ค่อยๆ มองหาคนที่เหมาะสม”

“อย่าลืมล่ะว่าเธอคือสิ่งประดิษฐ์ของปริภูมิสี่มิติ เมื่ออยู่ในปริภูมิสามมิติจะถูกกำแพงมิติบีบอัดจนเกิดข้อง ดังนั้นจำเป็นต้องสร้างกำแพงไอออนขึ้นมาเพื่อใช้สนามของแรงปกป้องตนเอง การประคับประคองสนามของแรงก็กินพลังงานมหาศาล ถ้าอย่างนั้นพลังงาน 25% ที่เหลือจะถูกใช้ไปอีกเท่าไร หรือจะเป็น 20%?”

ระบบส่งเสียงคลื่นไฟฟ้าน่ากลัวออกมา

ริมฝีปากของจวงหลี่ฉีกยิ้ม “เห็นทีฉันคงเดาถูกแล้ว ดังนั้นก่อนจะผูกเชื่อมโยงกับฉัน เธอเหลือพลังงานแค่ 5% เธอต้องเข้ามาในสมองของฉัน อันดับแรกก็ต้องฝ่ากลไกปกป้องของฉันให้ได้ก่อน”

จวงหลี่ชี้หว่างคิ้ว และพูดอย่างระอา “ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีของเธอจะล้ำหน้ามาก แต่สมองของมนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ การกำเนิดจิตทำให้ตรงนี้เข้าสู่ดินแดนสี่มิติ เพื่อป้องกันสิ่งมหัศจรรย์นี้ สมองของมนุษย์ก็สร้างเยื่อป้องกันที่เทียบได้กับกำแพงไอออนขึ้นมา เยื่อป้องกันนี้เรียกว่าแนวกั้นระหว่างเลือดกับสมอง มันสามารถป้องกันสิ่งที่เป็นอันตรายในเลือดเข้าสู่สมอง ดังนั้นเทคโนโลยีสร้างภาพหลอดเลือดจึงใช้กับสมองไม่ได้”

“และเพราะแนวกั้นระหว่างเลือดกับสมองนี้ มนุษย์จึงเข้าใจสมองของตนน้อยกว่าที่เข้าใจโลกใบนี้ ฉันว่าตอนฝ่าแนวกั้นชั้นนี้ เธอคงใช้พลังงานไปอีกประมาณหนึ่ง คิดว่าคงจะถึง 1% มั้ง?”

เสียง ‘เปรี๊ยะๆ’ จากระบบดังขึ้นกะทันหัน แล้วก็หยุดทันใด ราวกับกำลังปิดบังอะไรอยู่

เซวียนหมิงใช้สายตาตกตะลึงมองชายหนุ่มข้างๆ เสียดายที่อีกฝ่ายไม่สังเกตเห็นเลย

“พอเข้ามาในสมองของฉันแล้ว เธอก็ต้องผูกเชื่อมโยงกับฉัน ขั้นตอนนี้เดิมทีเธอไม่ต้องเสียพลังงานเลย เพราะถ้าฉันตอบตกลง เธอก็เข้ามาในจิตของฉันได้ทันที และซุ่มอยู่ในสมองของฉันต่อไป แต่ฉันกลับไม่ตอบตกลง เธอก็เลยต้องลงมือโดยพลการ”

จวงหลี่นวดขมับของตนเอง สีหน้าดูอ่อนล้า “ฉันยอมรับนะว่าความรู้สึกถูกบังคับให้ผูกเชื่อมโยงกับเธอมันไม่น่าอภิรมย์สักนิด แต่เธอคงจะทรมานยิ่งกว่าฉันใช่ไหม เพราะเธอต้องปรับเคลื่อนไฟฟ้าสมองของตนเองให้เหมือนกับฉันก่อน แล้วค่อยเข้ามาในจิตของฉัน แถมจิตของฉันก็แข็งแกร่งซะขนาดนั้น เมื่อครู่เธอคงจะรู้ซึ้งแล้ว”

ระบบส่งเสียงร้องหนึ่งคำ แล้วก็รีบหุบปากทันที

เซวียนหมิงแทบจะหลุดหัวเราะออกมา ก่อนหน้านี้ระบบยังเหิมเกริมอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนลูกหมาโดนตีจนแทบตัวไม่รอด

“ดันทุรังรุกล้ำเข้ามาในจิตของฉัน เธอเสียพลังงานไปเท่าไร 3% ถึงไหม” จวงหลี่ส่ายหน้าอย่างเสียดาย “ถ้าอย่างนั้น 1% ที่เหลือก็คงถูกใช้จนหมดในการโจมตีด้วยกระแสไฟฟ้าไม่กี่ทีสินะ”

จวงหลี่ผายมือสองข้าง ยักคิ้วหัวเราะเหมือนกับจิ้งจอก “ดังนั้นฉันถึงได้บอกไงว่าฉันไม่กลัวโดนผูกกับระบบโดยไม่ยินยอม เธอในตอนนี้จะเอาอะไรมาฆ่าฉันได้”

“แน่นอนว่าฉันก็เคยขบคิดว่าพระเจ้าของเธอจะใส่โปรแกรมชาร์จพลังงานอัตโนมัติให้เธอหรือเปล่า ให้เธอมีความสามารถในการโจมตีกลับ แต่ตอนที่พูดคุยกันครั้งแรก เธอก็เผยจุดบอดของตัวเองออกมาแล้ว”

ระบบถามอย่างหดหู่ “ฉันพูดอะไรผิดงั้นเหรอ”

เซวียนหมิงเงี่ยหูฟัง

จวงหลี่ตอบ “เธอใช้ศัพท์คำว่า ‘เปิดใช้งาน’ แสดงว่าก่อนจะได้เจอกัน เธออยู่ในสถานะสแตนด์บาย แล้วเป้าหมายของการสแตนด์บายคืออะไร ก็เพื่อประหยัดพลังงาน แล้วทำไมต้องประหยัดพลังงาน เพราะว่าเธอเหลือพลังงานไม่มากแล้ว ในโลกนี้เธอไม่สามารถชาร์จพลังงานด้วยอัตโนมัติ ต้องรอคอยความช่วยเหลือจากโฮสต์เท่านั้น”

ระบบส่งเสียงสะอื้น

เซวียนหมิงถอนหายใจยาว IQ 310 นั้นเหนือคนทั่วไปจริงๆ!

จวงหลี่จิ้มหว่างคิ้วเบาๆ แล้วพิพากษาต่อ “ดังนั้นเธอก็ดูซะ สมองของฉันไม่ใช่แหล่งบันเทิงของเธอ แต่เป็นคุกจองจำ พอเข้ามาแล้วเธอก็ออกไปไม่ได้อีก ฉันให้โอกาสเธอหนี แต่เธอกลับไม่เห็นค่า”

พอนึกขึ้นได้ว่าก่อนผูกเชื่อมโยง โฮสต์เคยเตือนแล้วครั้งหนึ่ง ระบบก็ร้องไห้โฮออกมา

เซวียนหมิงแทบหัวเราะลั่นต่อหน้าผู้ถือหุ้น โชคดีที่เขาปิดปากทัน เปลี่ยนเสียงหัวเราะเป็นเสียงไอแทน

เฉียวย่าหนานบนแท่นโพเดียมหยุดพูดกะทันหัน ใบหน้าฉายแววห่วงใย

แต่จวงหลี่กลับไม่เหลียวมองผู้ชาย “อ่อนแอ” ที่นั่งข้างๆ เลยแม้แต่แวบเดียว เขาประกาศกร้าวในหัวของตนเอง “ใช้เวลาที่สงบสุขในช่วงนี้อย่างคุ้มค่าเถอะระบบ ไม่ช้าก็เร็วฉันต้องชำแหละเธอด้วยมือของฉัน”

เซวียนหมิงยื่นมือออกไปปรบมือเบาๆ

ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!

หนังสือแนะนำ All

Special Deal