(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน อัจฉริยะครองโลก เล่ม 1

Thursday

บทที่ 11 จวงหลี่ : พระเจ้าของเธอคือคนปลิ้นปล้อน

เสียงปรบมือที่ช้าแล้วค่อยๆ เร็วของเซวียนหมิงทำให้รอยยิ้มเล็กๆ แบบเก็บอาการปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉียวย่าหนาน

ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ก็ปรบมือตามเขา สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมนับถือ

หลังจากดร.จ้าวถูกฆ่า เฉียวย่าหนานก็เป็นคนเดียวที่สามารถประคับประคองกลุ่มบริษัทเครือไห่หมิงได้ การดำรงอยู่ของเธอช่วยให้ใจของคนสงบ แม้แต่ราคาหุ้นก็กลับมาเสถียร ฐานะของเธอไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว

พอได้รับคำชื่นชมสรรเสริญจากทุกคน เฉียวย่าหนานพยักหน้าเบาๆ อย่างเฉยชา หลังจากนั้นก็หันไปมองคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่วางอยู่ข้างมือของเธอ

บนจอภาพเป็นร่างบทพูดของเธอ โดยระบบ 248 สรุปมาจากงานวิจัยของดร.จ้าว เนื้อหาเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา 5G รวมถึงการใช้ประโยชน์

เฉียวย่าหนานแค่พูดไปตามบทก็สามารถสะกดบรรยากาศในห้องประชุมได้ แน่นอนว่าเธอเองแค่ปล่อยของออกมาเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่ได้ยกอัลกอริทึม 5G ออกมาให้ทุกคนเห็น เพราะยังไม่ถึงเวลา

เธอพูดในหัว “ฉันต้องรอให้บริษัทถูกฝั่งอเมริกาเบียดจนเกือบตกขอบ แล้วค่อยปล่อยของ ไม่อย่างนั้นเซวียนหมิงก็จะไม่เห็นความสำคัญของฉัน”

“นั่นสิ” ระบบเห็นด้วย “แผนการของโฮสต์เยี่ยมมาก ผู้ชายที่นิสัยแข็งกร้าวอย่างเซวียนหมิง ใช้ความอ่อนโยนก็ทำให้เขาละลายไม่ได้หรอก คุณต้องใช้วิธีเหยียบให้เขาย่อยยับ แล้วค่อยดึงเขาขึ้นมาจากโคลนตม”

เฉียวย่าหนานพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ฉันจะทำให้เขารู้ว่าฉันแข็งแกร่งพอที่จะยืนเคียงข้างเขา เธอดูสิ ความฉลาดของฉันทำให้เขาอึ้งไปเลย”

เซวียนหมิงค่อยๆ วางมือที่ปรบช้าๆ ลง แล้วเปลี่ยนเป็นกำหมัดแทน ความหลงตัวเองและความคิดดูแคลนคนอื่นของเธอมันช่างน่าขยะแขยงเหลือเกิน

แต่ 248 กลับค้านเธอ “ฉันว่าคนที่เขาสนใจไม่ใช่คุณหรอก แต่เป็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาต่างหาก ตอนที่คุณขึ้นบรรยาย เขามองคนคนนั้นถึงห้าสิบเก้าครั้ง มันไม่ปกติเลยนะ”

“ข้างเขาคือใคร” แววตาที่ร้ายกาจของเฉียวย่าหนานจ้องเขม็งชายหนุ่มคนนั้นทันใด เห็นได้ชัดว่าเธอลืมไปแล้วว่าเขาเคยแนะนำตัวตอนที่ก้าวเข้ามาในห้องประชุม

“ฉันจะแฮ็กเข้าไปดูในระบบฝ่ายบุคคลสักหน่อย เซวียนหมิงมีนิสัยเย็นชา แทบไม่เคยให้ความสนใจกับคนแปลกหน้าคนไหนเลย” 248 เริ่มสงสัย

“นั่นสิ ปกติแม้แต่หางตาก็ยังแทบไม่มองฉัน ทั้งบริษัทตั้งแต่ระดับหัวหน้าจนถึงลูกน้อง ก็มีแค่ดร.จ้าวที่ได้รับความสำคัญจากเขา” เฉียวย่าหนานพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ

และในเวลานี้เองก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นสั้นๆ

เซวียนหมิงใช้ข้อนิ้วเคาะโต๊ะข้างๆ จวงหลี่ และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เมื่อครู่คุณกำลังทำอะไร การประชุมเริ่มขึ้นสิบกว่านาทีแล้ว ทำไมยังไม่จดรายงานการประชุมอีก”

“หา?” จวงหลี่ใช้มือข้างหนึ่งเท้าโต๊ะ อีกข้างหนึ่งหมุนปากกาลูกลื่น ขานั่งไขว้ แถมปลายเท้ายังกระดิกไปมา ท่าทางไม่เหมือนกับพนักงาน แต่เหมือนผู้ถือหุ้นมากกว่า

เวลานี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา ในใจมีเสียงตำหนิติเนียน หมอนี่เป็นใครกัน นั่งข้างประธานแล้วยังแอบอู้อีก

ความกังวลใจของ 248 หายไปทันที “ที่แท้โดนจับได้ว่าแอบอู้นี่เอง”

“คนคนนี้น่าจะเป็นเด็กเส้นที่ผู้ถือหุ้นคนไหนฝากเข้ามาทำงาน เป็นคุณชายที่บ้านจนชิน มาบริษัทก็ทำอะไรไม่เป็นเลย ไร้ประโยชน์จริงๆ เซวียนหมิงเกลียดคนประเภทนี้นี่สุด” เฉียวย่าหนานไม่อยากยอมแพ้

จวงหลี่เพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองกำลังเข้าร่วมประชุม เขารีบวางขาที่นั่งไขว้ลง โยนปากกาลูกลื่นที่หมุนเล่น แล้วดึงคอมพิวเตอร์เข้ามาใกล้ๆ เริ่มเคาะคีย์บอร์ดพิมพ์ข้อมูล

“บันทึกการประชุมผมจะรีบทำเดี๋ยวนี้เลยครับ” เขาพูดอย่างจริงจัง

แล้วเซวียนหมิงก็ผายมือให้เฉียวย่าหนานบนแท่นโพเดียม “เชิญพูดต่อเถอะ”

“ได้ค่ะ ประธาน” เฉียวย่าหนานพูดต่อไป ความสนใจของทุกคนกลับมาที่โครงสร้างเครือข่าย 5G

ทุกคนคิดว่าจวงหลี่เคาะคีย์บอร์ดมั่วๆ เพื่อกลบเกลื่อนความขายหน้า เพราะเขาไม่ได้ฟังเนื้อหาการประชุมเลย แต่ถึงจะฟัง ผ่านไปตั้งสิบกว่านาทีแล้ว ยังจำได้แค่ไหนเชียว

แต่เซวียนหมิงที่หางตาจับจ้องจวงหลี่อยู่ตลอดก็รู้ว่าอีกฝ่ายบันทึกเนื้อหาการประชุมก่อนหน้านี้ลงไปจริงๆ ซ้ำยังระบุเวลา รวมถึงผู้พูดอย่างชัดเจน ประเด็นสำคัญคืออะไร ใครเป็นคนตั้งคำถาม และได้คำตอบแบบไหน เขาก็บันทึกข้อมูลอย่างครบถ้วน

แม้ว่าเขาจะถกเถียงกับระบบอย่างเอาจริงเอาจังอยู่ตลอด ซ้ำยังต้องอดกลั้นความเจ็บปวดและเสียงเสียดหูในสมองก็ตาม แต่เขาก็สามารถแบ่งสมาธิให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวด้วย

นี่มันระบบในร่างมนุษย์ชัดๆ!

พอคิดมาถึงตรงนี้ เซวียนหมิงก็เอียงคอมองชายหนุ่ม พอตระหนักได้ว่าตนเองถูกระบบของเฉียวย่าหนานจับตาดูอยู่ก็รีบเก็บสายตากลับมาทันที ชีวิตที่อยู่ในกำมือของคนอื่นมันชวนให้โมโหเหลือเกิน

สภาพจิตใจของจวงหลี่กลับตรงข้ามกัน เขาถูกระบบฝังในหัว แต่กลับไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย เขาจดบันทึกการประชุมไป ถามระบบไป “ระบบ นอกจากวัดค่าความรู้สึกดีแล้ว เธอยังมีความสามารถอะไรอีก”

7480 ที่เพิ่งร้องไห้ไปหนึ่งยกพูดอย่างมีความหวังเล็กๆ “แค่โฮสต์ทำภารกิจขั้นต้นเสร็จสิ้นอย่างราบรื่นและได้รับแต้มจำนวนหนึ่ง ฉันก็สามารถเปิดร้านค้าของระบบให้โฮสต์ได้ ดูสิ นี่เป็นสินค้าที่โฮสต์สามารถเลือกซื้อได้”

หน้าต่างป๊อปอัปปรากฏขึ้นในหัวของจวงหลี่

ที่แปลกก็คือมันโผล่มาในหัวของเซวียนหมิงเช่นเดียวกัน บนนั้นมีรายการสินค้าเรียงราย ใต้รูปสินค้าก็มีราคาระบุอย่างชัดเจน ที่ถูกที่สุดคือ 100 ที่แพงที่สุดคือ 100000000 แต่ ณ ตอนนี้รูปสินค้าล้วนเป็นสีเทา ยังไม่เปิดให้ใช้งาน

“ยอดนักเจรจา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน นักลงทุนมือทอง...” จวงหลี่กดดูสินค้าเหล่านั้นอย่างสนอกสนใจ เขาถามระบบ “เห็นทีเธอคงตั้งใจปั้นโฮสต์ให้เป็นนักธุรกิจชั้นนำสินะ พอซื้อสินค้าพวกนี้แล้วก็จะได้รับความสามารถตามที่ระบุเหรอ”

ระบบรีบพยักหน้าทันที “ถูกต้อง พอโฮสต์ทำภารกิจแต่ละขั้นสำเร็จ ก็จะได้รับแต้มจำนวนหนึ่ง พอสะสมแต้มเพียงพอแล้ว ก็เอาไปแลกสินค้าได้ โฮสต์ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เองเพื่อให้ได้ทักษะเหล่านี้เลย!”

พอได้ยินคำพูดนี้ ในใจของเซวียนหมิงก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที

หากได้รับความช่วยจากระบบ จากคนธรรมดาที่ไม่เชี่ยวชาญอะไรสักด้านสามารถก็สามารถขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของแวดวงการทำงานไม่ใช่แค่นิทานปรัมปรา เฉียวย่าหนานเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว หากเปิดไพ่ตายใบนี้ออกมา พลังโน้มน้าวของระบบก็พุ่งสูงขึ้นหลายร้อยเท่า

ชายหนุ่มผมหยิกคนนี้จะหวั่นไหวหรือเปล่า จู่ๆ เซวียนหมิงก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว

“บนโลกนี้มีที่ไหนที่เก่งโดยไม่ต้องพยายาม” จวงหลี่หัวเราะอย่างไม่สนใจ “พูดกันจริงๆ ความสามารถพวกนี้เธอก็ขโมยมาจากคนอื่นโดยใช้เทคโนโลยีฉายภาพจิต แล้วก็ใช้เทคโนโลยีนี้บรรจุมันเข้าไปในหัวสมองของโฮสต์ ส่วนของที่มาจากการฉายภาพพวกนี้ ถ้าไม่มีเครื่องฉายภาพสนับสนุนมันก็จะหายไป”

“ระบบก็คือเครื่องฉายภาพ คอยฉายภาพให้โฮสต์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็แปลว่าต้องใช้พลังงานต่อเนื่อง โปรแกรมของพวกเธอไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้น จุดประสงค์ที่พวกเธอมายังโลกใบนี้ก็เพื่อช่วงชิงพลังงาน ไม่ใช่สิ้นเปลืองทรัพยากร ดังนั้นสักวันทักษะพวกนี้ก็จะหมดฤทธิ์ แต้มที่ใช้ไปก็เท่ากับเสียเปล่าอยู่ดี”

อาการอกสั่นขวัญแขวนของเซวียนหมิงสงบลง เขาเม้มริมฝีปากบางๆ แอบฉีกยิ้มเล็กๆ เขารู้ว่าชายหนุ่มผมหยิกคนนี้กำลังจะเริ่มถลกหนังระบบอีกแล้ว

จวงหลี่ไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย “ร้านค้าอะไรนี่เป็นแค่กลโกงอย่างหนึ่งของเธอเท่านั้น สินค้าทุกชิ้นล้วนเป็นกับดัก”

7480 โมโหแต่ก็พูดอะไรไม่ออก เหมือนกับภรรยาสาวที่กำลังงอนตุ๊บป่อง

จวงหลี่พูดต่อ “พระเจ้าส่งพวกเธอมาก็เพื่อช่วงชิงโชคของคนอื่น ดังนั้นโชคก็คือพลังงานประเภทหนึ่งที่พวกเธอพึ่งพาในการดำรงอยู่ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นพลังชีวิต และพลังจิตที่มีแหล่งกำเนิดเดียวกับโชคก็อาจถูกพวกเธอเอาไปใช้ประโยชน์เหมือนกันหรือเปล่า”

ระบบไม่กล้าส่งเสียง กลัวเผลอพูดอะไรผิดอีก

แต่การสันนิษฐานของจวงหลี่ไม่ได้ต้องการเบาะแสจากระบบ เขาแค่แจกแจงตามตรรกะเท่านั้น “ถึงจะเป็นพลังงานจากแหล่งเดียวกัน แต่พลังชีวิตและพลังพลังจิตมีพลังงานน้อยกว่าโชคมาก สิ่งที่เรียกว่าโชคนั้นประกอบไปด้วยชะตา วาสนา ดวงเมือง หรือแม้กระทั่งลิขิตฟ้า”

“พระเจ้าอยู่ในตำแหน่งสูงสุด แน่นอนว่าต้องเอาโชคที่มีพลังงานเต็มเปี่ยมไปใช้อยู่แล้ว ส่วนที่เหลืออย่างพลังชีวิตและพลังจิตก็คืออาหารของพวกเธอสินะ คลื่นไฟฟ้าสมองของจวงหลี่เปิดใช้งานระบบได้ แค่จุดนี้ก็เพียงพอจะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของฉันได้แล้ว คลื่นไฟฟ้าสมองก็คือพลังจิตประเภทหนึ่ง สามารถชาร์จพลังงานให้เธอได้”

“ช่องทางการชาร์จพลังงานของพวกเธอก็คือ ช่วงชิงพลังชีวิตและพลังจิต ภาษิตว่าไว้กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ พระเจ้าที่ขโมยโชคของคนอื่นมาเป็นเครื่องประทังชีวิตจะสร้างของดีๆ ออกมาได้เรอะ”

“แต้มที่โฮสต์เอาไปซื้อของ แท้จริงแล้วก็คือการช่วงชิงพลังชีวิตและพลังจิตของคนอื่นผ่านการทำภารกิจประเภทต่างๆ สินะ”

น้ำเสียงเกียจคร้านของจวงหลี่เย็นเยียบขึ้นทันใด “ก่อนหน้านี้ฉันพูดผิด พวกเธอไม่ใช่ผึ้งงาน แต่เป็นไฮยีนาที่โหดเหี้ยมต่างหาก”

“แรกเริ่มตอนที่ระบบผูกกับโฮสต์ พวกเธอใช้พลังงานจนหมดเกลี้ยง ไม่มีปัญญาฆ่าคน แต่พวกเธอใช้ประโยชน์จากสินค้าที่ดูเหมือนวิเศษวิโสมาหลอกล่อโฮสต์ให้ทำภารกิจทีละขั้นๆ ขั้นตอนคือการชาร์จพลังให้พวกเธอ”

“โฮสต์ที่ถูกฆ่าตายเหล่านั้นไม่มีวันได้รู้ว่า แท้จริงแล้วการไม่ทำภารกิจคือหนทางรอดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”

“ดังนั้น” จวงหลี่ใช้พลังจิตทำลายหน้าต่างป๊อปอัปจนแตกละเอียด พร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา “วิธีการต่ำช้าประเภทนี้ไม่ต้องเอาออกมาหรอก ฉันไม่มีทางหลงกลเด็ดขาด”

ระบบที่ถูกถลกหนังจนเหลือแต่กระดูกน้ำตาไหลอีกครั้ง

เซวียนหมิงรีบเอามือประคองหน้าผากเพื่อบังมุมปากที่กำลังฉีกยิ้ม ฟังมาถึงตรงนี้ ความหวาดระแวงและหวาดกลัวที่มีต่อระบบหายไปไม่เหลือ

7480 เป็นระบบที่ดื้อดึงมาก แค่เงียบไปเดี๋ยวเดียวก็เริ่มโน้มน้าวอีกครั้ง “ระดับของฉันมันต่ำเลยให้ผลประโยชน์กับคุณได้ไม่มากเท่าไร แต่ฉันสามารถรายงานเรื่องคุณให้พระเจ้ารู้ ให้เขามอบรางวัลแก่คุณโดยตรง แค่คุณยินดีช่วยฉันทำภารกิจ ฉันสามารถพาคุณไปยังโลกของฉัน ให้คุณกลายเป็นสิ่งมีชีวิตในมิติที่สูงกว่า คุณรู้ไหมว่าสิ่งมีชีวิตในมิติที่สูงกว่านั้นหมายถึงอะไร”

“หมายถึงอะไร” จวงหลี่เลิกคิ้วเรียวยาวของเขา

“สิ่งมีชีวิตในมิติที่สูงกว่าจะไม่ถูกเวลาและมิติผูกมัด คุณสามารถทะลุเข้าไปในอดีตและอนาคตได้อย่างอิสระ ท่องเที่ยวไปยังมิติคู่ขนานต่างๆ ได้ตามใจชอบ ยิ่งไปกว่านั้นคือคุณจะเป็นอมตะ ในมิติที่ต่ำกว่าคุณก็คือพระเจ้า”

คีย์เวิร์ดที่ 7480 เอ่ยถึงคือ “อมตะ” และ “พระเจ้า”

มุมปากที่ฉีกยิ้มของเซวียนหมิงค่อยๆ กลายเป็นเส้นตรง หัวใจของเขาจมดิ่ง พลังโน้มน้าวของไพ่ตายใบนี้รุนแรงกว่าทั้งหมดที่เคยพูดมา

ลองถามคนบนโลกนี้ มีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นอมตะ ใครบ้างที่ไม่อยากเป็นพระเจ้า ชื่อเสียง เงินทอง อำนาจ ตำแหน่ง สิ่งมีค่าเหล่านี้เทียบกับชีวิตที่ไม่มีวันดับสูญได้เลย เพราะถ้าได้เป็นอมตะ ทุกสิ่งที่เอ่ยมาก่อนหน้าก็มีให้ดื่มด่ำไม่จบไม่สิ้น

เซวียนหมิงกดความวู่วามของตนเองเอาไว้ไม่ให้หันไปมองชายหนุ่มผมหยิก แต่หัวคิ้วของเขากลับขมวดจนเป็นร่องลึก เขาไม่อยากเห็นคนที่เป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์จมดิ่งเพราะความทะเยอทะยาน

จวงหลี่เงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายก็หัวเราะแดกดัน “พระเจ้าของเธอมอบความเป็นอมตะให้ฉันได้เหรอ แน่ใจ?”

7480 ตอบอย่างแน่วแน่ “แน่ใจสิ! เดิมทีนี่ก็เป็นรางวัลสูงสุดที่พระเจ้าเตรียมเอาไว้ให้ผู้ทำภารกิจอยู่แล้ว แต่รางวัลนี้มีเพียงรางวัลเดียว ผู้ทำภารกิจที่เก่งกาจที่สุดจะได้รับไป”

“ฉันต้องยอมรับว่ามันล่อตาล่อใจมาก” จวงหลี่หยิบสมุดบันทึกขึ้นมาตรงหน้า และใช้ปลายนิ้วจิ้มแผนผังต้นไม้เทคโนโลยีที่ยังวาดไม่เสร็จ “ต้นไม้ต้นนี้เธอยังจำได้ใช่ไหม”

7480 พยักหน้าอย่างลังเล “จำได้”

จวงหลี่หยิบปากกาขึ้นมาวาดกิ่งเพิ่มห้ากิ่งเหนือหุ่นยนต์ชีวภาพ โดยเรียงลำดับจากล่างขึ้นบนดังนี้ เร็วกว่าแสง ท่องเวลา ทะลุจักรวาลคู่ขนาน ล่วงรู้อนาคต เครื่องจักรนิรันดร์

เขาใช้ปลายปากกาจิ้มกิ่งก้านเหล่านี้ขณะพูดเสียงเฉื่อย “พระเจ้าที่สร้างเธอขึ้นมาสามารถส่งเธอมายังโลกนี้ได้แสดงว่ามีเทคโนโลยีเร็วกว่าแสง ท่องเวลา ทะลุจักรวาลคู่ขนาน และล่วงรู้อนาคตอยู่ในมือ แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าเป้าหมายที่แท้จริงที่เขาส่งเธอมาคืออะไร”

“ไม่ใช่สะสมโชคเหรอ ยังจะถามอีก” 7480 รู้สึกว่าเป็นคำถามที่โง่ไปหน่อย

“ในเมื่อพระเจ้ามอบความเป็นอมตะให้ฉันได้ ถ้างั้นตัวเขาก็ควรเป็นอมตะถูกต้องไหม” จวงหลี่ย้อนถาม

7480 “มันแน่อยู่แล้ว!”

“ในเมื่อเขาเป็นอมตะ ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งของเขาก็ควรอยู่จุดสูงสุดของแผนผังต้นไม้เทคโนโลยี” จวงหลี่ชี้คำว่า “เครื่องจักรนิรันดร์” แล้วก็ถามต่อ “เธอรู้หลักการของเครื่องจักรนิรันดร์หรือเปล่า”

7480 “เครื่องจักรที่สามารถสร้างพลังงานอย่างไร้ขีดจำกัด โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรเลยแม้แต่นิดเดียว”

“ดังนั้นเธอดูสิ ที่จริงหลักการของเครื่องจักรนิรันดร์กับอมตะก็เหมือนกัน สามารถดำรงอยู่ตลอดไปโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย ในเมื่อพระเจ้าเป็นอมตะ แล้วจะเอาโชคไปทำอะไร สำหรับเขาแล้วโชคก็คืออาหารหรือไม่ก็พลังงานใช่ไหม การกินอาหารก็คือการเพิ่มขึ้นของเอนโทรปี และการเพิ่มขึ้นของเอนโทรปีนั้นทำให้เกิดความไม่เป็นระเบียบ ความยุ่งเหยิงและความเสียหาย”

7480 ได้ยินก็อึ้งไป

จวงหลี่ติ๊กถูกจากกิ่งด้านล่างจนถึงด้านบน “เทคโนโลยีที่ฉันเขียนพวกนี้ ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะเกิดขึ้นจริง ยกเว้นอันนี้”

เขาขีดค่า “เครื่องจักรนิรันดร์” ทิ้งและพูดพร้อมกับส่ายหน้า “สักวันจักรวาลที่พวกเราอาศัยอยู่ต้องแตกดับในปรากฏการณ์หยุดนิ่ง (Big Chill) ครั้งใหญ่ ก็เหมือนกับที่มันเกิดขึ้นจากการระเบิดครั้งใหญ่ (Big Bang) นั่นแหละ พหุภพก็หนีชะตาแบบเดียวกันไม่ได้ การเกิดและตายต่างหากที่เป็นนิรันดร์”

“พระเจ้าของเธอเกิดขึ้นโดยอาศัยจักรวาลนี้ แล้วจะอยู่ได้ด้วยตนเองโดยไม่มีจักรวาลได้ยังไง จักรวาลกำลังเดินทางสู่การแตกดับ แน่นอนว่าเขาเองก็หนีไม่พ้น แค่ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ของมวลชีวภาพและวิวัฒนาการของจักรวาลเบื้องต้นก็จะพบว่ารางวัลที่พระเจ้าสัญญาเป็นเพียงคำหลอกลวงเท่านั้น เครื่องจักรนิรันดร์และความเป็นอมตะล้วนเป็นเทคโนโลยีที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริง”

“ระบบ เธอกับพระเจ้าของเธอเป็นแก๊งต้มตุ๋นชัดๆ แถมวิธีการที่ใช้ก็ใช่ว่าจะสูงส่งด้วย” จวงหลี่โยนปากกาทิ้ง และส่ายหน้าอย่างดูแคลน

7480 …คนคนนี้ แม้แต่พระเจ้าก็ยังเปิดโปงจนหมดเปลือก!

เซวียนหมิง ...อยากปรบมือ แต่ต้องอดกลั้นไว้

หนังสือแนะนำ All

Special Deal