(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน ภรรยาหนุ่มวาสนาดี เล่ม 1

Saturday

บทที่ 2 สู่ขอ

“กรี๊ด!!!”

เสียงกรีดร้องของสตรีในลานนาทำเอาไก่ในเล้าตกใจตีปีกวิ่งพล่าน สุนัขพื้นเมืองที่เลี้ยงไว้ก็วิ่งเตลิด สัตว์สี่เท้าก้าวช้าลงหนึ่งก้าว คนสกุลเซี่ยในเรือนทุกคนจึงวิ่งไปที่อ่างเก็บน้ำ ก่อนที่จะเห็นใครคนหนึ่งอยู่ในนั้น…

“หนิงเกอเอ๋อร์!!!” เซี่ยต้าซู่เบิกตากว้าง คนที่แช่อยู่ในอ่างน้ำก็คือลูกชายคนรองของเขา เซี่ยหนิง

พอเซี่ยเหยาได้ยินเสียงบิดาก็รีบวางพู่กันในมือ สาวเท้าวิ่งไปที่ลานบ้าน ตอนแรกได้ยินเสียงกรีดร้องของเซี่ยซุนซื่อผู้เป็นแม่เลี้ยง เขายังแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่หากบิดาตระหนกถึงเพียงนี้ น้องชายคงเกิดเรื่องเป็นแน่!

“ท่านพ่อ หนิงเกอเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?!” ถามเสร็จก็ไม่รอให้บิดาตอบ เซี่ยเหยาผลักทุกคนออกไป จนได้เห็นคนในอ่างน้ำด้วยตาตัวเอง

เซี่ยเหยารีบเอื้อมมือไปช้อนคนคนนั้นขึ้นมา “รีบช่วยกันเร็วเข้าสิ!”

เซี่ยต้าซู่ถึงได้สติคืนมา พ่อลูกช่วยกันช้อนตัวเซี่ยหนิงออกมาจากอ่างน้ำ

“ไปตามท่านหมอหูเร็ว!” เซี่ยเหยาไม่สนใจร่างกายท่อนบนที่เปียกโชก อุ้มน้องชายกลับห้อง

ยามนี้เป็นเดือนต้นฤดูสารทพอดี บนเตียงไม้ในห้องจึงปูเสื่อเย็น เซี่ยหนิงถูกวางลงบนนั้น เผยให้เห็นใบหน้าตรง คิ้วคมดังหมึกวาด ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นเพียงขนตาเรียวยาว กลีบปากอวบอิ่มไร้สีเลือด ลำพังแค่เห็นเครื่องหน้าก็รู้ว่าเป็นบุรุษรูปงามอนาคตไกล

แต่ผิวกระดำกระด่างของเขาดูแล้วช่างน่ากลัวจริงๆ ไม่เพียงบนใบหน้าและลำคอ บนนิ้วเรียวยาวที่โผล่ออกมาก็เป็นเช่นนั้นด้วย

หากรอให้ไอน้ำระเหย ผิวของเขาจะเป็นเหมือนขนนกสีขาวขึ้นจนทั่วและบางราวกับปีกจักจั่น แค่เกาเพียงเบาๆ ก็หลุดร่วง แต่ผิวก็จะแห้งแตกลายทันที

แน่นอนว่าเซี่ยหนิงไม่ได้เป็นเช่นนั้นตั้งแต่เกิด เรื่องนี้เซี่ยเหยาพี่ชายของเขาเป็นต้นเหตุ เล่าแล้วเรื่องมันยาว…

รัชศกชิ่งหยวนปีที่สามสิบสอง เซี่ยหนิงอายุสิบสองปี เป็นเสี่ยวเกอเอ๋อร์งดงามเลื่องชื่อในหมู่บ้านต้าจิ่ง จากในหมู่บ้านก็ดังไกลไปถึงอำเภอชิงสุ่ย แม่สื่อแม่ชักที่ถูกไหว้วานให้มาสู่ขอเหยียบธรณีประตูสกุลเซี่ยพัง

ในหมู่บ้าน สกุลเซี่ยนับได้ว่าเป็นชาวนาที่ร่ำรวย เซี่ยต้าซู่เลือกสามีดีๆ ให้หนิงเกอเอ๋อร์โดยการหมั้นหมายกับสกุลโจวในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งก็คือโจวเวินชู ลูกชายของโจวต้าเฟิง

สกุลโจวมีลูกหลานมากมาย คนเยอะแรงงานก็ยิ่งเยอะ เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่มั่งคั่งที่สุดในหมู่บ้าน

เดิมงานแต่งนี้คือคู่ที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกของหมู่บ้าน อีกทั้งโจวเวินชูที่มาหมั้นหมายก็เป็นถงเซิง เรียนหนังสือเก่ง คนในหมู่บ้านต่างพูดกันว่าพอแต่งเข้าบ้านสามีแล้ว เซี่ยหนิงอาจจะได้เป็นภรรยาซิ่วไฉ

ทั้งสองบ้านพึงพอใจกับงานแต่งครั้งนี้เป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานปีใหม่และงานเทศกาลต่างๆ ล้วนไปมาหาสู่กัน ท่าทางเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันไปแล้ว

ทว่าสวรรค์ไม่ให้ความร่วมมือ เซี่ยหนิงเพิ่งผ่านวันเกิดปีที่สิบหก ไปนั่งเรือที่สระบัวกับเซี่ยเหยาผู้เป็นพี่ชายและสหายร่วมศึกษา เซี่ยเหยาเกิดทะเลาะกับสหาย คนคนนั้นจิตใจคับแคบถึงขั้นจะผลักเซี่ยเหยาตกเรือ!

หลังจากที่มารดาล้มป่วยและตายจากไป เซี่ยหนิงก็ตามก้นพี่ชายจนเติบใหญ่ ต้องการปกป้องพี่ชายอย่างสุดกำลัง เขาจึงถูกผลักลงไปในสระบัวแทนเซี่ยเหยา 

เซี่ยหนิงตีขาอยู่ในน้ำ ดึงก้านบัวขาดไปก้านแล้วก้านเล่า แรงต้านของน้ำมากกว่าอากาศ ตอนที่หมดแรงตรงหน้าเขาเหมือนมีภาพหลอน เขาเห็นปลาไนสีแดงเพลิงเข้ามากัดนิ้วเขา ปลาตัวนั้นโบกหางที่ใหญ่กว่าตัวเหมือนอยากจะลากเขาขึ้นฝั่งเพื่อช่วยเขาที่กำลังจมน้ำ หลังจากนั้นเขาก็หมดสติไป...

พอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เซี่ยเหยาผู้เป็นพี่ชายบอกว่าเขามีไข้สูงสามวัน หมอก็บอกว่าเขาตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นไรแล้ว แต่เขาเองรู้ว่าเขาอยู่ไม่สู้ตาย

เหมือนเขาจะเป็นไข้ทั้งวันทั้งคืน ผิวเริ่มคันและร้อนอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานผิวของเซี่ยหนิงก็เริ่มแตก แต่แผลสมานกันเร็วมากจนไม่ทิ้งรอยแผลเป็น แค่ทิ้งเศษผิวหนังไว้บนผิว

เขาร้อนจนสูญเสียความคิดและสติปัญญา วันหนึ่งพุ่งปราดออกไปจากประตูเรือน กระโดดลงแม่น้ำที่ล้อมรอบหมู่บ้านต้าจิ่ง ชาวบ้านบนถนนตกใจสุดขีด พูดกันว่าเซี่ยหนิงเสียสติไปแล้ว และพูดว่าเซี่ยหนิงเสียโฉมไปแล้วด้วย

พวกชาวบ้านใส่สีนิดตีไข่หน่อย ไม่นานเซี่ยหนิงก็กลายเป็น ‘คนอัปลักษณ์’ ชื่อดังของหมู่บ้านต้าจิ่ง

หลังจากนั้นโจวต้าเฟิงก็มาถอนหมั้นทันที ตอนนั้นที่หมั้นกันบ้านโจวต้าเฟิงคุยโวโอ้อวดเอาไว้มากเท่าไร ตอนถอนหมั้นก็สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจมากเท่านั้น

ครั้นกลัวจะได้ชื่อว่าใจร้ายใจดำแล้วทำให้ลูกชายถงเซิงของตนเสียหาย ตอนแรกที่หมั้นหมายกันนั้น สกุลเซี่ยส่งของหมั้นกลับมาอย่างล้นหลาม โจวต้าเฟิงผลาญหมดไปกับโจวเวินชูผู้เป็นลูกชายแล้ว เรียนหนังสือต้องใช้เงินตั้งเท่าไร ประชาชนในยุคต้าชิ่งต่างก็รู้กันทั้งนั้น

เพื่อหยุดขี้ปากชาวบ้านในหมู่บ้านต้าจิ่ง โจวต้าเฟิงจึงอยากให้เซี่ยหนิงมาเป็นซูถงให้โจวจี้เหนียนหลานชายของตนเป็นการชดเชย

เซี่ยเหยาเป็นพี่ชายคนโต แน่นอนว่าเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย เรื่องนี้จึงล่าช้ามาโดยตลอด


 

หมอหูตรวจชีพจรก่อนเป็นอย่างแรก ก็พบว่าสัญญาณทุกอย่างปกติ จากนั้นเขาเปิดเปลือกตาเซี่ยหนิงอีกที ก่อนจะบอกอย่างมั่นใจ “ไม่เป็นอันตราย แค่หลับไปเท่านั้น”

“นอนหลับ?” เซี่ยเหยารีบตบดวงหน้ารูปไข่ของน้องชายเบาๆ “หนิงเกอเอ๋อร์ ตื่นสิ…”

เซี่ยหนิงได้ยินเสียงของแม่เลี้ยงดังมาแว่วๆ

เซี่ยซุนซื่อร้องเสียงแหลม “นอนหลับ?! ตายจริง! สวรรค์ ทั้งวันไม่ทำงานทำการ พวกเราเลี้ยงเขาเสียจนเขาไม่อยากให้พวกเรามีชีวิตแล้ว”

“เจ้าพูดให้น้อยๆ หน่อย!” เซี่ยต้าซู่ตวาดภรรยาใหม่ของตน พูดจบก็ทำหน้าซื่อยิ้มให้ท่านหมอหูพลางจ่ายเงินค่ารักษา “ขอบคุณท่านหมอมาก”

ท่านหมอหูคำนับตอบแล้วจากไปโดยไว เขาเห็นตัวอย่างมามากเหลือเกิน คนที่เจ็บป่วยมานานจนแม้แต่คนในครอบครัวก็ทนดูแลไม่ไหว 

“เซี่ยต้าซู่ ข้าพูดผิดหรือ ปีนี้เขาอายุสิบหกแล้ว! ไม่มีใครเอา ให้คนในครอบครัวเลี้ยงยังพอทำเนา วันๆ เขายังทำให้ที่บ้านกลุ้มใจอีก! เตียงในห้องเขาหลังนี้เป็นของประดับตกแต่งหรือถึงได้ถ่อไปนอนในอ่างน้ำ เขาอยากให้ใครตกใจตายหรือ! ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนข้าไปตักน้ำตกใจจนวิญญาณแทบหลุดหายออกจากร่าง!”

พอมองเตียงไม้หอมสีแดงหลังนั้นที่เซี่ยหนิงนอนอยู่ เซี่ยซุนซื่อก็ยิ่งโมโห ไม้หอมแดงดีขนาดนี้ แม้แต่ตัวนางเองและลูกๆ ก็ยังไม่เคยนอนมาก่อน นางจึงพูดขึ้นอีก “ถ้าเขาไม่ชินกับการนอนเตียง ก็ย้ายอ่างน้ำในลานบ้านมาให้เขา ส่วนเตียงนี้ก็ย้ายไปให้เซวียนเอ๋อร์นอน”

“เลี้ยงเจ้าก็ไม่ได้เป็นคนเลี้ยง! ข้ายังมีชีวิตอยู่! เตียงนี้เป็นสินเดิมของแม่ข้า ถ้าหนิงเกอเอ๋อร์แต่งงาน เตียงนี้ก็ต้องตามเขาไปบ้านสามี ใครก็ห้ามแตะทั้งนั้น!” เซี่ยเหยาปรายตามองปลายรองเท้าเซี่ยซุนซื่อ เขาเป็นบัณฑิต หากไม่โมโหจะไม่มีทางเปลืองน้ำลายกับสตรีเด็ดขาด

เซี่ยซุนซื่อก็ไม่ได้เพิ่งจะค่อนขอดสองพี่น้องสกุลเซี่ยในวันสองวันนี้ มีหรือจะพักรบ เอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “แต่งงาน? ถ้าเช่นนั้นท่านก็หาครอบครัวสามีให้เขาสิ ตอนนี้เขาเป็นเช่นนี้แล้ว จะแต่งกับพ่อหม้ายยังไม่มีใครเอาเลย ฝันหวานไปหรือเปล่า”

“เงียบนะ! เจ้าออกมากับข้าเดี๋ยวนี้เลย!” เซี่ยต้าซู่ดึงเซี่ยซุนซื่อออกไปจากห้อง

เซี่ยเหยาทั้งโกรธทั้งเสียใจ เป็นเพราะพี่ชายอย่างเขาคนนี้ไม่ได้ดูแลน้องชายให้ดีๆ ที่เกิดหายนะก็เพราะเขา แต่เขากลับไม่มีความสามารถที่จะปกป้องน้องชาย เซี่ยเหยาจึงรู้สึกผิด

เมื่อในห้องสงบลงแล้ว เซี่ยหนิงถึงได้ลืมตาขึ้นนิ่งๆ แล้วร้องเรียกเบาๆ “พี่ใหญ่…”

เซี่ยหนิงลองเอ่ยหยั่งเชิง “ข้าจะไปเป็นซูถงให้ลูกชายของท่านอาโจวซานเฟิงก็แล้วกัน ข้าไม่อยากอยู่ที่บ้านแล้ว”

เซี่ยเหยาพอได้ยินน้องชายพูดก็รีบก้มหน้ามองเขา

เซี่ยหนิงเลิกเปลือกตาขึ้น ดวงตามองมาทางเซี่ยเหยา เปลือกตาทั้งคู่ของเขาด้านหน้าแคบด้านหลังหนา ในดวงตาหงส์นั้นฉายความระมัดระวัง เพราะกลีบปากเม้มแรง สองแก้มที่มีไขมันแบบเด็กๆ จึงเป็นเส้นโค้งอิ่มเต็ม

มองน้องชายที่อยู่ในสภาพนี้ เซี่ยเหยาพูดในใจว่า หนิงเกอเอ๋อร์เจ้ายังไม่โตเลยนะ

เซี่ยเหยากะพริบตา ยังคงยืนกรานที่จะปกป้องน้องชาย “ไม่ได้! เจ้าเป็นน้องของข้า เป็นลูกแท้ๆ ของท่านพ่อ ต่อให้ชั่วชีวิตนี้เจ้าไม่ได้แต่งงาน ก็มีท่านพ่อกับข้าคอยดูแลเจ้า”

เซี่ยหนิงกำชายเสื้อแน่นพลางเบะปาก เขาเป็นเสี่ยวเกอเอ๋อร์ ถูกผู้ใหญ่สอนสั่งให้เชื่อฟังมาตั้งแต่เด็ก ไม่เช่นนั้นสามีจะไม่ชอบ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางมีสามีแล้ว…

“ถ้าข้าทำให้ท่านลำบาก พี่ใหญ่หาภรรยาไม่ได้จะทำเช่นไร” เซี่ยหนิงลุกขึ้นมานั่ง งอขาสองข้างกอดเข่า เขาหลุบตาลง แพขนตายาวตรงเป็นเส้นราวกับวาดออกมา เส้นงดงามราวกับภาพวาด ทว่าคนที่งามเลิศเช่นนี้กำลังกัดเล็บมืออยู่

“…” เซี่ยเหยาไม่ได้หมั้นหมายจริง แต่เขาเถียงกลับ “ข้าจะหาภรรยาไม่ได้ได้อย่างไร เอาไว้ปีหน้าสอบซิ่วไฉได้ จะต้องแต่งพี่สะใภ้กลับมาให้เจ้าได้แน่นอน”

เซี่ยหนิงยื่นนิ้วชี้เรียวยาวออกมา ถูหลังมือเบาๆ ผิวที่โปร่งแสงและบางราวกับขนนกเบานุ่มหลุดลอกออกมาจากหลังมือ

เซี่ยเหยามองดูน้องชายเล่นอย่างจดจ่อ ท่าทางอีกฝ่ายใสซื่อและมองโลกในแง่ดี เขาพลันถอนหายใจด้วยความจนใจ

เซี่ยหนิงถอนใจตามอีกฝ่าย เขาคิดว่าตัวเองน่าจะถูกพิษ คนทั่วไปพูดแค่ว่าได้รับพิษจากงูและแมลงมีพิษ เขาคงเป็นคนแรกที่รู้ว่าปลาไนก็มีพิษกระมัง

ขณะที่สองพี่น้องนั่งหันหน้าเข้าหากันก็พลันได้ยินเสียงคนนอกดังมาจากลานบ้าน

“มีเรื่องมงคลแล้วๆ! น้องเซี่ย!”

“แม่สื่อหลิว? รีบเชิญเข้ามาเร็วๆ…” เซี่ยต้าซู่กำลังจะสั่งสอนภรรยาแต่ถูกเสียงนี้ขัดจังหวะ จึงปั้นหน้ายิ้มไปรับแม่สื่อ

“น้องเซี่ย สกุลเซี่ยของเจ้ามีเรื่องมงคลแล้ว!” แม่สื่อหลิวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างวางมาด

เซี่ยต้าซู่เห็นแม่สื่อหลิวอุบไว้ไม่ยอมพูดต่อก็เข้าใจทันที “นางหนูอวี้ แขกมาแล้ว รีบไปยกชามาเร็วเข้า”

เซี่ยเสี่ยวอวี้เพิ่งอายุสิบขวบ เป็นน้องสาวฝาแฝดชายหญิงที่คลอดออกมาในปีที่สองที่เซี่ยซุนซื่อแต่งเข้ามา เซี่ยเสี่ยวอวี้รีบไปที่ห้องข้างๆ ยกถั่วลิสงทอดมาหนึ่งจาน แล้วยกชาให้แม่สื่อหลิว

แม่สื่อหลิวยกถ้วยชา เอ่ยอย่างพึงพอใจ “ข้ามาเที่ยวนี้น่ะได้รับคำไหว้วานจากโจวเหล่าซาน ลูกชายของเขาโจวจี้เหนียนถูกใจเด็กบ้านท่าน”

เซี่ยหนิงเงี่ยหูฟัง เมื่อครู่เขาเพิ่งคิดจะไปเป็นซูถงของโจวจี้เหนียนอยู่พอดี

เซี่ยเหยาก็ลุกขึ้นด้วย “ข้าจะออกไปดูหน่อย”

“ถูกใจใครหรือ” เซี่ยต้าซู่เลิกคิ้วทำหน้าฉงน ผิวดำคล้ำที่หน้าผากย่นเป็นรอยสามเส้น

“หรือว่าน้องเซี่ยจะเลอะเลือนไปแล้ว โจวจี้เหนียนคนนั้นเป็นบุรุษ บ้านเจ้าก็มีอยู่คนเดียวที่อายุถึงเกณฑ์แต่งงานแล้วมิใช่รึ”

เซี่ยเหยาก้าวเข้ามาในห้องโถง พอดีกับได้ยินแม่สื่อหลิวแจ้งชื่อ “ย่อมถูกใจหนิงเกอเอ๋อร์อยู่แล้วสิ!”

ทุกคนในห้องโถงรวมถึงเซี่ยหนิงที่อยู่ในห้องปีกล้วนประหลาดใจอย่างยิ่ง

เซี่ยต้าซู่ยิ่งถลึงตาอ้าปากค้าง นี่มันสถานการณ์อะไรกัน คนบ้านโจวเหล่าต้าเพิ่งถอนหมั้น แต่บ้านโจวเหล่าซานกลับมาหมั้นหมาย

“พวกท่านทำไมหรือ ถึงแม้บ้านโจวเหล่าซานจะยากจนไปสักหน่อย แต่ถึงอย่างไรลูกชายก็เป็นถงเซิง อีกอย่างนะ สภาพหนิงเกอเอ๋อร์ในตอนนี้…” แม่สื่อหลิวฉีกยิ้ม เอื้อมมือคลำถั่วลิสงในจาน

เซี่ยเหยาไม่อยากได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของแม่สื่อหลิว จึงพูดตัดบท “น้องชายข้าสบายดี! ไม่ว่าสกุลโจวจะวางแผนอะไรอยู่ อย่าฝันว่าจะดูถูกน้องชายข้าอีกแม้แต่นิดเดียว!”

“ชิ…” แม่สื่อหลิวพยายามแหวกถั่วลิสงแยกออกจากกันแล้วถาม “น้องเซี่ย เจ้าพูดมาสิ เด็กคนนี้ของบ้านเจ้ายังจะแต่งงานอยู่หรือไม่”

คำตอบย่อมเป็นแต่งสิ! แต่เซี่ยต้าซู่เดาไม่ออกว่าสกุลโจวมีเจตนาอะไรกันแน่ ถึงจะบอกว่าบิดามารดาต้องตัดสินใจเรื่องแต่งงานของลูก งานแต่งของลูกมีแม่สื่อเป็นผู้แนะนำ แต่หนิงเกอเอ๋อร์เป็นลูกชายคนรองที่เขาประคบประหงมมาตั้งแต่เล็ก บ้านโจวเหล่าต้าถอนหมั้น ทำร้ายหนิงเกอเอ๋อร์อย่างอเนจอนาถแล้ว เขาปวดใจเสียไม่มี

เขายังจะเชื่อถือสกุลโจวได้อีกหรือ

แต่จำต้องยอมรับว่าหากโจวเหล่าซานมาสู่ขอด้วยความจริงใจ ก็เหมือนกับการยื่นมือเข้ามาช่วยในยามคับขันจริงๆ

แม่สื่อหลิวบอก “โอ๊ะ! โจวจี้เหนียนอายุสิบสี่ก็สอบได้เป็นถงเซิงแล้ว ปีหน้าเขาก็จะเข้าร่วมสอบเยวี่ยนซื่อ อาจจะได้เป็นซิ่วไฉ น้องเซี่ย เจ้าใคร่ครวญให้ดีๆ ก็แล้วกัน! บอกตามตรง ลูกโตขึ้นแล้วก็รั้งไว้ไม่อยู่ รั้งไปรั้งมาจะกลายเป็นศัตรูนะ!”

เซี่ยต้าซู่กับเซี่ยเหยาลังเลเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็ไม่มีใครมาสู่ขอเซี่ยหนิงที่บ้านจริงๆ อุตส่าห์มีใครมาทั้งที ก็ดันเป็นสกุลโจวอีก...

“ตกลง! กลับไปให้โจวเหล่าซานกำหนดวันก็แล้วกัน!” เซี่ยซุนซื่อรีบร้อนส่งเซี่ยหนิงออกจากบ้านกว่าใครๆ

แม่สื่อหลิวคว้าถั่วลิสงทอดด้วยท่าทางชื่นอกชื่นใจ ยืนขึ้นกล่าวแสดงความยินดี “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอแสดงความยินดีกับน้องเซี่ยด้วย ข้าจะกลับไปตอบทางนั้นเดี๋ยวนี้ หลังกำหนดวันแล้วข้าจะมาใหม่”

แม่สื่อหลิวก้าวออกจากธรณีประตูห้องโถง รีบไปรับเงินใส่ซองที่สกุลโจว

เซี่ยซุนซื่อเมินสายตาของเซี่ยเหยาที่ถลึงตามองมา หันไปมองเซี่ยต้าซู่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว “เงื่อนไขดีถึงเพียงนี้ หากปีหน้าโจวจี้เหนียนนั่นสอบติดซิ่วไฉ พาหนิงเกอเอ๋อร์ไปโจวฝู่ อาจจะรักษาอาการป่วยหายก็เป็นได้ นี่เป็นเรื่องดีนะ! แม่เลี้ยงอย่างข้าคนนี้ ก็ต้องช่วยคว้าโอกาสให้หนิงเกอเอ๋อร์สิ”

จำต้องบอกว่า เซี่ยซุนซื่อก็นับว่าได้ช่วยตอบรับงานแต่งงานที่ดีให้เซี่ยหนิง ไม่นานโจวจี้เหนียนก็กำหนดวัน มาหารือเรื่องสินสอด จากนั้นก็ตอบตกลงเงื่อนไขและสินสอดกับเซี่ยต้าซู่ทันทีโดยไม่มีทีท่าว่าจะกดราคาเลย

เซี่ยต้าซู่พอใจกับลูกเขยที่หล่อเหลาเคร่งขรึมและมีความจริงใจเปี่ยมล้นคนนี้อย่างยิ่ง การแต่งงานจึงตกลงกันเรียบร้อยไปแบบนี้

 

หนังสือแนะนำ All

Special Deal