(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน ภรรยาหนุ่มวาสนาดี เล่ม 1

Saturday

บทที่ 4 แลกถ้วยกันดื่ม

ร้อนมาก...ร้อนเหลือเกิน

เซี่ยหนิงลืมตาขึ้น เขาพบว่าตนอยู่ในสระบัว พอกะพริบตาหยดน้ำในตาก็ถูกเปลือกตาบีบออกไป จากนั้นรู้สึกสบายดวงตาราวกับได้ล้างน้ำมา เซี่ยหนิงกะพริบตาอีกแล้วฉีกยิ้ม

เมื่อกระแสน้ำไหลเข้าปากเซี่ยหนิงจึงใช้ลิ้นไล่น้ำออกไป แล้วก็พบว่าน้ำถูกตนเป่าออกไปได้ เขาทำแก้มป่องสองข้างเป่า ‘ฟิ้ว’ น้ำออกไปจากปากจริงๆ ด้วย

ตนหายใจในน้ำได้!

และน้ำที่เย็นจัดกวาดผ่านเซี่ยหนิงไปทั้งตัว เขารู้สึกสบายอย่างยิ่งยวด เขาชอบความรู้สึกนี้เหลือเกิน เขาไม่ได้รู้สึกสบายแบบนี้มาพักหนึ่งแล้ว

เซี่ยหนิงเตะขาอยู่ในน้ำ รู้สึกว่าน้ำเกิดคลื่นนุ่มๆ เพราะการกระทำของเขา น้ำอ่อนโยนทั้งยังโอบรับเขาถึงเพียงนั้น

ดังนั้นเซี่ยหนิงจึงเตะขาวาดมืออยู่ในน้ำ เขาเริ่มว่ายน้ำแล้ว...

โจวจี้เหนียนสะดุ้งตื่นเพราะเสียงน้ำ เขาลุกขึ้นจุดเทียนแดง เห็นว่าเซี่ยหนิงทำให้น้ำในถังกระจายออกมาไม่น้อย และเจ้าตัวจมอยู่ในน้ำทั้งตัวมีเพียงเส้นผมดำขลับลอยอยู่บนผิวน้ำ

โจวจี้เหนียนรีบงมคน เขากลัวว่าเซี่ยหนิงจะจมน้ำ

“หนิงหลาง หนิงหลาง...”

เซี่ยหนิงเล่นน้ำกำลังสนุก จู่ๆ ถูกคนโอบเอวก็ตกใจร้องออกมา “อ๊ะ!”

เซี่ยหนิงลืมตามองคนที่โอบตนด้วยความหวาดกลัว ได้สบสานดวงตาเรียวยาวคมกริบเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว

เขามองบุรุษชุดขาวอึ้งๆ ใบหน้าคมคาย เครื่องหน้าใต้คิ้วดาบดำชัดเจน ท่าทางองอาจห้าวหาญ ในดวงตาเย็นชามีแววกังวลแต่ไม่มีความกลัว...

“ไม่ต้องกลัว ข้าเอง” โจวจี้เหนียนเอ่ยเบาๆ “โจวจี้เหนียน สามีของเจ้า”

เซี่ยหนิงจึงได้สติแจ่มชัด เขามองร่างกายท่อนล่างก็พบว่าที่แท้เขาอยู่ในถังอาบน้ำ ส่วนสระบัวเมื่อครู่นี้อยู่ในความฝัน

จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าตนเปลือยเปล่าทั้งตัว ปลายนิ้วเท้าเซี่ยหนิงที่เหยียบก้นถังกระดกขึ้น ร่างกายท่อนบนโน้มไปข้างหน้าด้วยความกระดากอาย อยากจะซ่อนร่างกายท่อนล่าง

“ก่อนเจ้าหมดสติร้องว่าร้อน ข้าเลยเอาเจ้าใส่ถังอาบน้ำ”

โจวจี้เหนียนมั่นใจแล้วว่าเซี่ยหนิงปลอดภัยถึงได้ปล่อยมือ เขาหันกลับไปมองอาหารบนโต๊ะแล้วถามเซี่ยหนิง “หิวไหม”

เซี่ยหนิงขดตัวอยู่ในน้ำโผล่ขึ้นมาแค่ศีรษะ สองมือเกาะขอบถังอาบน้ำแหงนหน้าเล็กน้อย ดวงตาน่าหลงใหลมองจ้องโจวจี้เหนียน เขาหิวแต่ไม่อยากไปจากถังน้ำที่มีน้ำเต็มถัง อีกทั้งเขายังเปลือยกายอยู่ด้วย จึงเม้มปากตอบเบาๆ “ไม่หิว”

“กี่ยามแล้ว?” เซี่ยหนิงถามขึ้นอีกอย่างระมัดระวัง

โจวจี้เหนียนตอบ “ยามสี่แล้ว”

เซี่ยหนิงถูเท้าอยู่ในน้ำ เหมือนว่าเขาจะหิวมานานแล้ว รอให้พ้นกลางดึก ทนให้เลยเวลาไก่ขันถึงจะกินได้

เห็นเซี่ยหนิงไม่พูดอะไรอีก โจวจี้เหนียนจึงอาศัยแสงเทียนสลัวมองไป เห็นแก้มมนเหมือนเด็กของเซี่ยหนิงแล้วก็ใจอ่อน ตอนนี้เซี่ยหนิงยังเป็นเพียงเด็กรุ่นๆ อยู่เลย

“ถึงไม่หิวก็กินสักหน่อยเถิด จะนอนไปทั้งที่หิวไม่ได้นะ” พูดจบโจวจี้เหนียนก็ไปยกจานกับข้าวมา แล้วหยิบม้านั่งไม้ตัวหนึ่งมาด้วย ขณะที่กำลังจะนั่งลง ก็นึกขึ้นได้ว่ากับข้าวเย็นมานานแล้ว

“เย็นชืดหมดแล้ว ข้าจะยกไปอุ่นให้”

เซี่ยหนิงจะกินแบบเย็นๆ พอดี ถึงแม้จะเป็นอาหารอุ่นๆ ก็ลวกปากเขาได้เหมือนกัน จึงรีบบอก “กำลังดี กินได้”

“ถ้าอุ่นแล้วจะกินไม่ได้ มันลวกปาก” เซี่ยหนิงร้อนรนจนรีบลุกขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้ระดับน้ำจึงปิดอยู่ตรงหน้าอกขาวเนียนพอดี

โจวจี้เหนียนได้ยินเสียงน้ำแล้วก็ลุกขึ้น รู้ว่าหนิงหลางร้อนใจจึงกลับมานั่งที่ม้านั่ง ยกถาดไม้พลางว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้ากินเถอะ”

ในถาดไม้ข้างหน้ามีสองชาม ข้าวสวยหนึ่งชาม เนื้อสัตว์หนึ่งชามเต็มๆ และมีน่องไก่ใหญ่ๆ พาดอยู่หนึ่งน่องด้วย

เซี่ยหนิงยกอาหารมาแล้วคีบน่องไก่เป็นอย่างแรก ตอนที่กำลังจะกัดเขาพลันเห็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของโจวจี้เหนียน ในใจนึกหวาดกลัวนิดๆ “ท่านกินไหม”

“ข้ากินมาแล้ว เจ้ากินเถอะ” โจวจี้เหนียนหลุบตาไม่มองอีกฝ่ายอีก กลัวว่าใบหน้าเคร่งขรึมที่ปกติไม่แย้มยิ้มจะทำให้หนิงหลางกลัว

เซี่ยหนิงกลืนน้ำลายแล้วอ้าปากกว้างกัดน่องไก่คำหนึ่ง เนื้อไก่ถูกตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม ถึงจะเย็นแล้วแต่ก็หอมกรุ่น

ระหว่างที่เซี่ยหนิงเติมท้องให้อิ่ม โจวจี้เหนียนก็ถือชามเนื้อสัตว์อีกชามอยู่ตลอด ขณะที่เซี่ยหนิงแช่อยู่ในน้ำ เขาก็คอยปรนนิบัติเซี่ยหนิงกินข้าว

เผชิญหน้ากับโจวจี้เหนียนที่เป็นคนแปลกหน้าแต่กลับห่วงใยตน กลัวว่าตนจะหิว มีสามีที่ดูแลตนกินข้าวเช่นนี้ จิตใจที่ประหม่าของเซี่ยหนิงก็ค่อยสงบลง ได้เจอคนดีๆ แล้ว

เหมือนว่าเขาจะวาสนาดีอย่างที่คนในหมู่บ้านพูดกันจริงๆ

โจวจี้เหนียนเหลือบตามองเซี่ยหนิงเป็นบางครั้ง เห็นอีกฝ่ายกินด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจเรียวคิ้วก็คลายขมวด

การแช่อยู่ในน้ำทำให้เซี่ยหนิงรู้สึกสบายตัว เขาจึงเจริญอาหารมาก และเหตุที่ร่างกายอยู่ในวัยกำลังโตพอดีดังนั้นจึงกินข้าวและเนื้อสัตว์ในคืนนี้หมดเกลี้ยง 

เซี่ยหนิงเลียปากแล้ววางตะเกียบ “ข้ากินอิ่มแล้ว”

จากนั้นเขาเห็นโจวจี้เหนียนถือถาดลุกขึ้นหันหลังให้ตน แผ่นหลังอีกฝ่ายกว้าง ทำให้เซี่ยหนิงนึกขึ้นได้ว่าตนซบแผ่นหลังของคนคนนี้ ถูกแบกมาถึงที่นี่

เขาแต่งงานแล้ว ได้เป็นสามีภรรยากับบุรุษสูงใหญ่หน้าตาคมคายบุคลิกเย็นชาคนนี้

โจวจี้เหนียนรินสุราสองจอกแล้วเดินกลับมาอีก เขายื่นจอกสุราส่งให้เซี่ยหนิง “ดื่มได้ไหม แลกกันดื่ม”

เซี่ยหนิงรับสุราจอกเล็กมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “ท่านไม่ถือสาหรือ ตอนนี้ข้าดูน่ากลัวมาก”

“ข้าจะต้องหาวิธีรักษาเจ้าให้หายดีแน่นอน” โจวจี้เหนียนบอกอย่างจริงจัง “ในเมื่อเจ้าหายใจในน้ำได้ สบายตัวได้บ้างสักหน่อย เช่นนั้นก็อยู่ในน้ำ ถังอาบน้ำนี้ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ”

“ทุกอย่างที่ทำให้เจ้ารู้สึกสบาย เจ้าเอ่ยปากได้เลย ข้าเป็นสามีของเจ้า ไม่ใช่คนอื่น”

เซี่ยหนิงแลกจอกสุราดื่มกับโจวจี้เหนียนด้วยท่าทางงงงวย บางทีอาจเป็นเพราะโจวจี้เหนียนทำตัวเงียบขรึมจึงทำให้เซี่ยหนิงรู้สึกว่านั่นเป็นเหมือนคำมั่นสัญญา ไม่ใช่คำพูดแบบขอไปที

หลังจากนอนพลิกไปพลิกมา ท้องฟ้าฤดูร้อนก็เริ่มสว่างรำไร โจวจี้เหนียนไม่คิดจะนอนแล้ว ลุกเดินไปใส่เสื้อผ้าข้างเตียง หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เดินมาอยู่ข้างหน้าเซี่ยหนิง มองภรรยาที่อยู่ในน้ำแล้วเอ่ยถาม “เจ้านอนต่ออีกสักหน่อย จะไปที่เตียงหรือว่าอยู่ในน้ำ?”

เซี่ยหนิงแกว่งแขนอยู่ในน้ำตอบว่า “ในน้ำ”

“ได้ ข้าจะออกไปล้างหน้าบ้วนปากแล้วกลับมาทบทวนบทเรียน” โจวจี้เหนียนม้วนแขนเสื้อแล้วออกไปจากห้อง

เซี่ยหนิงดีใจนิดๆ จนอดเอาหน้ามุดน้ำไม่ได้ เด็กหนุ่มกะพริบตาในน้ำ แสดงให้เห็นความเบิกบานในใจเขา

โจวจี้เหนียนล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว ฟ้ายังไม่สว่างดีเขาก็เริ่มผ่าฟืน ประการแรกเพื่อแบ่งเบาภาระบิดา ประการที่สองจะได้ช่วยฝึกแรงข้อมือ

การสอบขุนนางนั้นจะต้องเขียนด้วยความประณีตเรียบร้อย ถ้าเขียนตัวหนังสือสวยๆ ได้ จะช่วยสร้างความประทับใจที่ดีแก่ผู้ที่ตรวจให้คะแนน

ผ่าฟืนไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงไก่ขัน

หลินจิ่นเตี่ยเขาก็ตื่นแล้วเหมือนกัน ม้วนแขนเสื้อพลางเดินมาทางเขา “ตื่นเช้าถึงเพียงนี้เชียวรึ เมื่อคืนล่ะ”

เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอคู่แต่งงานใหม่ของลูกชายเขา

“นอนเต็มอิ่มแล้ว ลูกอยากทบทวนหนังสือแต่เช้า” โจวจี้เหนียนไม่อยากให้เตี่ยกังวลจึงเสริมขึ้นอีกประโยค “หนิงหลางเมื่อคืนเหนื่อย ยังนอนอยู่ ตอนยกน้ำชา ข้าค่อยปลุกเขานะขอรับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาพักเถิด เมื่อคืนย่าเจ้ากำชับไว้ว่าไม่ต้องให้เขาไปยกน้ำชา” หลินจิ่นถ่ายทอดคำพูดของย่าโจว

อันที่จริงเมื่อคืนย่าโจวพูดได้ระคายหูยิ่งกว่านี้ นางบอกว่า : ไม่มีธุระก็อยู่ในเรือน อย่าเพ่นพ่านในสกุลโจวให้คนอื่นตกใจกลัว

คนในสกุลโจวไม่ได้แยกบ้านกัน ดังนั้นเรือนของสกุลโจวจึงขยายแล้วขยายอีก ครอบครัวของลูกคนที่สามใช้อาศัยสองห้อง แบ่งเป็นโจวซานเฟิงกับหลินจิ่นหนึ่งห้อง และโจวจี้เหนียนกับภรรยาอีกหนึ่งห้อง ประตูใหญ่หันหน้าเข้าหาลานบ้านด้านในกลางสกุลโจวพอดี ประตูหลังมีพื้นที่เล็กๆ ซึ่งถูกล้อมกำแพงไว้

ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ในพื้นที่เล็กๆ นี้ก็นับว่ามีลานบ้านเล็กๆ เป็นของครอบครัวตัวเอง

คำพูดนี้ตรงใจโจวจี้เหนียนพอดี เขาเองก็ไม่อยากพาหนิงหลางไปยกน้ำชาให้โดนผู้เป็นย่ามองค้อนใส่อย่างไร้เหตุผลเหมือนกัน

คุยกันที่ลานบ้านเล็กไม่กี่ประโยคหลินจิ่นก็ไปทำมื้อเช้า หลังจากผู้เป็นเตี่ยเดินจากไปแบบรีบๆ โจวจี้เหนียนถึงได้ล้างมือแล้วกลับห้อง

พอเข้ามาในห้อง โจวจี้เหนียนก็เห็นเท้าบางขาวเนียน ผอมจนมีแต่กระดูกอย่างชัดเจนวางพาดอยู่บนถังอาบน้ำ

เซี่ยหนิงขดตัวพิงอยู่ในถัง ศีรษะที่เอียงพิงกดอยู่ตรงขอบถังจนบีบแก้มจ้ำม่ำออกมา เขาหลับตาอยู่ เห็นชัดว่าหลับไปแล้ว

โจวจี้เหนียนขมวดคิ้ว รู้สึกเขินแทนหนิงหลาง สุดท้ายถังอาบน้ำก็เล็กไปหน่อยอยู่ดี

เห็นทีต้องหาวิธีเก็บเงินสักก้อนก่อน โจวจี้เหนียนคิดดังนั้นแล้วถอนสายตากลับ เดินไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง ก่อนจะเปิดหน้าต่างออกแล้วเริ่มฝึกคัดตัวอักษรภายใต้แสงสว่างที่เพียงพอ

ตอนนี้ข้อมือเขาไม่มีแรง ถ้าอยากเขียนตัวหนังสือให้สวยอย่างชาติก่อนละก็เขายังต้องขยันฝึกฝนอีก

 

หนังสือแนะนำ All

Special Deal