Monday
นักฆ่าต้องรวบรัดหมดจด ไม่ยืดยาดเยิ่นเย้อ สามารถฉวยโอกาสที่ผู้คนไม่ระวัง สามารถชิงลงมือสยบก่อนก็ชิงลงมือสยบก่อน สามารถสังหารศัตรูในท่าเดียวก็สังหารศัตรูในท่าเดียว สามารถเข่นฆ่าจนสิ้นซากก็เข่นฆ่าจนสิ้นซาก ที่ว่าสวมชุดนาวราวหิมะ ประลองยุทธ์บนยอดเขา ยึดถือกฎของบู๊ลิ้มล้วนเป็นคำเพ้อเจ้อเหลวไหล นักฆ่ามิใช่นักแสดง ยังแสดงให้ผู้ใดชมดู?
สุดยอดนักฆ่ามีบรรทัดฐานเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือมีชีวิตอยู่ และมีชีวิตอย่างยาวนาน
ตู๋ปู้หวง (เทพไร้ผู้ทัดเทียม) ทุกยุคสมัยล้วนสั่งสอนคนรุ่นหลังเช่นนี้ ตอนนี้ซ่างกวนฝ่าก็ใช้คำสอนดุจเดียวกันนี้สั่งสอนลูกหลานของตัวเอง
บัญญัติข้อแรกของนักฆ่าคือห้ามเปิดเผยคิดลงมือต้องมีความมั่นใจ พยายามช่วงชิงจังหวะเวลาชัยภูมิพื้นที่ หากว่าซ่อนตัวในความมืดก็เป็นความได้เปรียบอย่างมาก
ต่อให้เป้าหมายของท่านเป็นขอทานที่อัมพาตครึ่งซีกร่าง ท่านก็ต้องยึดถือเขาเป็นสุดยอดฝีมือ เร้นกายเข้าใกล้ จากนั้นจ้วงแทงดาบจากด้านหลัง
ท่านรู้สึกขายหน้าใช่หรือไม่ นั่นก็มิผิด ขอทานนั้นไม่ขายหน้า เพราะว่าเขาเป็นคนตายแล้ว ยังมีความเป็นไปได้หนึ่งในร้อยคือ เขาอาจเป็นสุดยอดฝีมือปลอมตัวเป็นขอทาน หลอกให้ท่านติดกับ
มีคำกล่าวว่า “การทหารมิหน่ายเล่ห์” แม่ทัพที่รบชนะจึงเป็นยอดขุนพล ผู้ใดสนใจว่าเขาใช้วิธีการใด โดยเฉพาะไพร่พลของเขายิ่งสำนึกขอบคุณผู้บัญชาการศึกไม่เลือกวิธีที่ใช้ เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงมีชีวิตอยุ่ มีโอกาสซ่องเสพกับผลพวงแห่งชัยชนะ
แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่จะเลือกโจมตีตากด้านหลังปีกข้างของข้าศึก มีแต่ตัวโง่งมที่หลงลำพองจึงคิดทำศึกอย่างเปิดเผย
นักฆ่ามิใช่แม่ทัพ ดังนั้นเขายังลึกซึ้งชั่วร้ายและไร้น้ำใจกว่าแม่ทัพ
เคยมียอดฝีมือท่านหนึ่งถือกำเนิดจากตระกูลใหญ่ มีฝีมือสูงเยี่ยม ตั้งแต่วัยหนุ่มฉกรรจ์ก็ยากพบพานคู่มือเปรียบติด ผู้ที่เดินทางมาขอรับคำชี้แนะต้องนัดหมายล่วงหน้า หลังจากประลองยุทธ์ล้วนยอมรับนับถือ เขาขึ้นเป็นยอดฝีมือที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน
สุดท้ายยอดฝีมือผู้นี้ตายแล้ว ตายโดยที่อายุไม่ถึงสามสิบปี นอนอยู่ในท้องร่องสิบกว่าวันค่อยถูกผู้คนพบเห็น สภาพศพเน่าเฟะเปื่อยยุ่ย คนเก็บศพถึงกับไม่อาจหักใจให้บิดามารดาของเขาเห็นสภาพของศพ
เขาที่ตกตาย เพราะกระทำความผิดพลาดประการหนึ่ง นั่นคือออกจากบ้านเข้าสู่ยุทธจักร
ผู้ที่เดินทางมาขอรับคำชี้แนะต่างเคารพกฎ ทั้งสองยืนเผชิญหน้า รอบข้างยืนไว้ด้วยผู้อาวุโสชาวบู๊ลิ้มเป็นสักขีพยาน พอกล่าวคำ “เริ่มได้” ก็ลงมือประลองความเร็วและความแม่นยำ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สะดวกกับการใช้ฝีมืออันต่ำช้า
ยอดฝีมือที่คุ้นกับการ “ประลองยุทธ์อย่างเที่ยงธรรม” พอออกจากบ้านเข้าสู่ยุทธจักร ก็ไม่อาจต้านทานรับการจู่โจมแม้สักคราเดียว ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาถูกผู้ใดฆ่าตาย และไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาถูกฆ่าอย่างไร เพียงทราบว่าบาดแผลคร่าชีวิตอยู่ที่ด้านหลัง
ทุกผู้คนนึกเห็นใจยอดฝีมือผู้นี้ด่วนเสียชีวิต ปากด่าประณามนักฆ่าที่ลับๆ ล่อๆ นั้น แต่โดยส่วนตัวกลับบอกว่า ยอดฝีมือนี้มิใช่ยอดฝีมือที่แท้จริง ไหนเลยมียอดฝีมือที่ไม่ระวังป้องกันหลังได้
สุดท้ายนักฆ่าลึกลันนั้นกลายเป็นโอวเซี่ยง* ทุกผู้คนต่างแซ่ซ้องสดุดีเขา
* ไอดอล
นี่คือโฉมหน้าที่แท้จริงของยุทธจักร ไม่ว่าท่านใช้ฝีมือใดปีนป่ายขึ้นสู่ที่สูง ผู้ที่นิยมเลื่อมใสจะแต่งตำนานเรื่องราวให้กับท่าน ทุกคนเพียงมองเห็นคนที่ยืนอยู่เบื้องสูง ผู้ใดสนใจว่าท่านใช้ฝีมืออันใด เหยียบศพขึ้นมามากมายเพียงไหน
บัญญัติข้อที่สองของนักฆ่าคือห้ามมืออ่อน ยามลงมือต้องดุดัน ต้องขุดรากถอนโคน ฆ่าคนไม่เพียงเพื่อปิดปาก ทั้งยังเพื่อลบ “ชื่อ”
เคยมียอดฝีมือคนหนึ่งคิดล้างแค้นให้กับบิดา ฝึกฝีมือสิบปี พอออกท่องเที่ยวก็กวาดพิชิตไปทั่ว จวบจนมั่นใจถึงสิบส่วน จึงเสาะหาศัตรูจนพบ เข่นฆ่าจนไม่เหลือแม้สัตว์เลี้ยง สุดท้ายเหลือเพียงบุตรกำพร้ากับหญิงม่ายกลับมืออ่อน เขาคิดเป็นวีรบุรุษ ต้องการได้ชื่อว่า “ไม่ฆ่าเด็กและสตรี” เพราะความคิดชั่ววูบกลับเพาะสร้างเป็นชนวนเภทภัยถึงแก่ชีวิต
บุตรกำพร้ากับหญิงม่ายสามารถล้างแค้นหรือ ย่อมไม่สามารถ บุตรกำพร้านี้ทื่อด้าน ต่อให้ฝึกฝีมืออีกร้อยปี ก็ไม่อาจต้านทานรับนิ้วเดียวของยอดฝีมือ หญิงม่ายมีหน้าตาพื้นเพธรรมดา ต่อให้ยอมขายตัว ก็ไม่อาจล่อลวงให้ผู้อื่นล้างแค้นให้กับตัวเอง
แต่ศัตรูของยอดฝีมือมีเงินทอง หญิงม่ายนั้นปล่อยข่าวว่าผู้ใดสามารถล้างแค้นให้กับนาง จะแบ่งสมบัติของนางให้ครึ่งหนึ่ง
สตรีที่ไม่มีเรี่ยวแรงฆ่าคนใช้วิธีวาดขนมเปียะเป็นค่าตอบแทน กลับชักนำผู้คนมานับไม่ถ้วน พอถึงตอนท้ายผู้คนที่เข้าออกบ้านช่องของยอดฝีมือนั้นแทบไม่เคยว่างเว้นมาก่อน ยอดฝีมือนั้นกระทั่งยามนอนยังต้องลืมตาข้างหนึ่ง สุดท้ายเขายังคงถูกฆ่า ผู้ที่ฆ่าเขาเป็นคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามผู้หนึ่ง
คนไร้ชื่อเสียงเรียงนามนั้นฮุบสมบัติของบุตรกำพร้ากับหญิงม่ายนั้น มอบที่ดินผืนเล็กๆ ให้กับสองแม่ลูกพอเป็นพิธี
ผลสรุปของบุตรกำพร้ากับหญิงม่ายนั้นไม่สำคัญ ประการสำคัญคือคนฆ่ายอดฝีมือนั้นมีความชอบธรรมในการลงมือ
นี่คือนาม
“ชื่อ” เป็นสิ่งที่จอมปลอมที่สุด ทำร้ายคนที่สุด นักฆ่าที่แท้จริงไม่หวังสร้างชื่อและไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ทิ้งชื่อเอาไว้
......
ประมุขอินทรีทองเป็นเทพไร้ผู้ทัดเทียมรุ่นที่เจ็ด แท้จริงแล้วมิใช่เทพ เขาไม่ได้มีอาณาเขตของตนเอง แต่สามารถไปทั่วทั้งสามสิบหกแคว้นของแดนซีอวี้* เขาไม่มีข้าราชบริพาร แต่ไม่ว่าเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์หรือกรรมกรคนแบกหาม พพอได้ยินชื่อของเขาล้วนหน้าถอดสีสิ้น
* พื้นที่ตะวันตกของประเทศจีน หมายถึงแดนซินเกียง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศจีน
เขาเป็นเทพแห่งนักฆ่าแดนซีอวี้
ไม่มีผู้ใดทราบว่าเทพไร้ผู้ทัดเทียมมีฝีมือสูงต่ำเพียงไหน เขาไม่เคยเข้าร่วมการประลองยุทธ์อย่างเปิดเผย คนที่เสาะหาเขาหรือคนที่เขาเสาะหาล้วนตกตายหมดสิ้น
เทพไร้ผู้ทัดเทียมแทบไม่มีศัตรู ผู้ที่ถูกเขาฆ่าตาย กระทั่งสุนัขยังถูกตัดหัวทิ้ง
ซ่างกวนฝ่ายึดถือบัญญัติทั้งสองข้อของนักฆ่าอย่างเคร่งครัด สำหรับกับเขา หลักการทั้งสองข้อนี้แทบมีค่าเท่ากับชีวิต ดังนั้นเมื่อเขาทราบว่าบุตรชายคนที่แปดไม่ได้ขุดรากถอนโคน ความโกรธแค้นของเขาเป็นที่ทราบได้
เทพไร้ผู้ทัดเทียมทั้งเจ็ดรุ่นสืบทอดมาร้อยกว่าปี ฆ่าคนนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดถึงเพียงนี้มาก่อน กลับฆ่าคนผิดไป
ศีรษะหลายหัวเรียงรายเป็นทิวแถว ถูกจัดวางบนโต๊ะยาวตัวหนึ่ง คนพิสูจน์ศพรู้สึกถึงความโกรธแค้นของประมุขป้อมอินทรีทอง ชิงล่าถอยไปในเงามืด
ซ่างกวนฝ่าหยิบฉวยศีรษะหัวหนึ่งขึ้น โยนให้กับบุตรคนที่แปด ศีรษะหัวนี้สร้างความอับอายขายหน้าเขาต่อหน้าคนพิสูจน์ศพ จนยากที่จะกอบกู้กลับคืนได้
“เจ้าเป็นบุตรชายของเรา? เจ้าเป็นบุตรชายของเราจริงๆ?”
ซ่างกวนฝ่ามีใบหน้าซูบยาว ผิวคล้ำเล็กน้อย เบ้าตาลึกกลวง ตระกูลซ่างกวนพำนักอยู่ที่แดนซีอวี้นานปี จึงมีสายเลือดของชนชาติหู* เจือปน เมื่อเขาโกรธแค้น สายตาเย็นเยียบราวกับภูเขาหิมะบนทะเลทรายเคอปี้
* คำเรียกคนต่างชาติ
คำถามของเขาไม่จำเป็นต้องตอบ บุตรคนที่แปดแทบเป็นพิมพ์เดียวกับบิดา เพียงแต่อายุยังเยาว์ ใบหน้าแดงก่ำราวเหล็กที่เผาไฟจนแดงแผ่นหนึ่ง
มีแต่วิธีเดียวที่ดับความโกรธแค้นของเทพไร้ผู้ทัดเทียมได้ นั่นคือฆ่าคน ต่อให้เป็นบุตรชายของตนเอง เขาก็ไม่มืออ่อน ในตระกูลซ่างกวนมักปรากฏพ่อลูกหรือพี่น้องฆ่าฟันกันเอง เนื่องเพราะบัลลังก์มีเพียงหนึ่งเดียว
แต่ซ่างกวนฝ่าลังเลขึ้นมา เขานึกถึงมารดาของบุตรคนที่แปด สตรีนางนี้เคยให้ความสุขหฤหรรษ์แก่เขา รอยยิ้มที่ยั่วเย้า เรือนร่างที่งดงาม ถึงแม้ผ่านไปนานปียังติดตาตรึงใจ นางตายด้วยโรคร้ายที่ไม่ทราบชื่อ
โรคร้ายกำเริบรวดเร็วยิ่ง ดังนั้นคำวิงวอนก่อนตายของนางทำให้ผู้คนยากปฏิเสธได้
“ขอให้นู่เอ๋อเติบโตเป็นบุรุษเช่นเดียวกับท่าน”
ซ่างกวนฝ่าครุ่นคิด เพลิงโทสะค่อยสงบลงบ้าง แต่ยังหงุดหงิดราวสัตว์ร้ายในกรง คิดหาทางออก ดังนั้นเขาชักดาบจากข้างเอวของซ่างกวนนู่
ซ่างกวนฝ่าต้องทำอะไร กฎก็คือกฎไม่มีข้อยกเว้นต่อผู้คนและเรื่องราวใด เขาบ่มความพลุ่งพล่านคิดฆ่าคนเอาไว้ สะบัดดาบฟันมือขวาของคนบุตรคนที่แปด ซึ่งเป็นมือที่จับดาบขาดสะบั้น
ใบหน้าที่เจ็บปวดและโศกซึ้งค่อยลบเลือนจากห้วงสมองของซ่างกวนฝ่า
“ให้เวลาเจ็ดวัน นำศีรษะที่ถูกต้องกลับมา”
ตัวหนอนที่น่าสมเพชนั้นเป็นใคร เรียกว่าอะไร ในใจซ่างกวนฝ่ามีความทรงจำอันเลอะเลือน คนผู้นั้นต้องตายใต้คมดาบของป้อมอินทรีทอง เขาเป็นเหตุให้เทพไร้ผู้ทัดเทียมฟันมือของบุตรชายข้างหนึ่ง แม้ตายก็คู่ควรแล้ว
ซ่างกวนนู่ผลักไสบริวารที่เข้ามาประคองเขา วิ่งโซซัดโซเซออกจากห้องโถง เขาโกรธเกรี้ยวดุจเดียวกับบิดา โลหิตที่ไหลออกจากมือขาดต้องใช้ยาสมานแผลห่อใหญ่ค่อยห้ามไว้ แต่ไม่ว่าเป็นตัวยาใด ก็ไม่อาจสะกดความโกรธแค้นในใจเขา
เขาแค้นบิดาตนเอง กลับไม่เปิดโอกาสให้เขาอธิบาย เพียงรับฟังคำปฏิเสธของคนพิสูจน์ศพ ก็สรุปความผิดพลาดของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกไปปฏิบัติหน้าที่ ความจริงแล้วนี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่านับแต่นี้เขาสามารถก่อร่างสร้างตัวดุจเดียวกับพี่ชายทั้งหลาย แต่ตอนนี้เขาสูญเสียมือขวา สูญเสียพลังฝีมือกว่าครึ่ง ยิ่งไม่มีหน้ามีตา
เขายังแค้นสมุนบริวารของตนเอง ล้วนเป็นพวกเขาไม่ใส่ใจ ทำให้ตนเองเกิดข้อผิดพลาด ทำลายอนาคตของตนเองไป
เขายิ่งแค้นชายหนุ่มที่เล็ดลอดจากร่างแหนั้น คนที่ประคองตัวมีชีวิตรอดอีกไม่กี่วันนั้นต่อให้ตายอีกร้อยครั้ง ก็ไม่อาจชดเชยมือขวาของตนเอง
ซ่างกวนนู่ไม่กล้าระบายแค้นใส่บิดา ชายหนุ่มที่เล็ดลอดจากร่างแหนั้นก็ไม่อยู่เบื้องหน้า เป้าหมายระบายแค้นของเขาเป็นนักฆ่ากับมือดาบที่ขึ้นตรงต่อเขาหลายสิบคน
นักฆ่าเป็นหัวกะทิของป้อมอินทรีทอง มือดาบเป็นทหารรับจ้างของป้อมอินทรีทอง พวกเขาเคยสัตย์สาบานว่าจะจงรักภักดีไม่ทรยศต่อเขา
ซ่างกวนนู่ชักดาบด้วยมือซ้าย ท่วงท่าที่เก้งก้าง ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นแก่เขากว่าเดิม
นักฆ่าและมือดาบได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่ห้องโถงแล้ว พวกเขาคล้ายแพะแกะที่รอรับการเชือดเฉือน มองดูนายน้อยโถมเข้าห้องมา
ดาบเงื้อขึ้นฟันลง ฟันลงเงื้อขึ้นใหม่ โดยที่ไม่สามารถหลบหลีก ไม่มีผู้ใดกล้าหลบหลีก มือข้างแล้วข้างเล่าถูกฟันขาดเสมอข้อ ราวใบไม้กลางน้ำค้างแข็ง ไม่มีผู้ใดส่งเสียงร่ำร้อง เมื่อคนเหล่านี้ถูกจัดสรรให้กับซ่างกวนนู่ ก็ต้องมอบทุกสิ่งออกไป รวมทั้งชีวิตด้วย
ซ่างกวนนู่ไม่ทราบฟันข้อมือผู้คนขาดไปกี่ข้าง สุดท้ายค่อยสงบสติอารมณ์ คนเหล่านี้เป็นสมุนบริหารของเขา หากทำลายพลังฝีมือพวกเขา รังแต่ลิดรอนขุมกำลังของเขา
“ออกไปฆ่าคน TMD* ไปฆ่าคนให้กับเรา นอกจากศีรษะแล้ว อย่าได้มีซากศพที่ครบถ้วนแม้สักซากเดียว”
* เป็นคำผวนมาจากคำทามาเตอ แปลตรงตัวว่ามารดาท่านเถอะ