Monday
ดอกจื่อเถิงบานสะพรั่ง ลานสวนของบ้านสกุลเหวยดุจดังแดนสรวง
นายหญิงของบ้านสกุลเหวย เฉิดโฉมปานเทพธิดา
ลูกน้อยน่ารักน่าชังดั่งทูตสวรรค์ แต่ทว่านายท่านของบ้านสกุลเหวยไม่ยอมกลับบ้านสกุลเหวย
วันนั้น หานชิงเผอิญเห็นซือซือเหม่อลอยอยู่นอกป่าท้อ
เขาอดจะหยุดเท้าไม่ได้ “ซือซือ”
ซือซือค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ผ่านมาหลายปีแล้วนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นยังเป็นประกายแวววามดุจแสงดาวรัตติกาล
นางเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาคลอคลองด้วยละอองน้ำ ทว่ากลับมิได้หลั่งริน ซือซือยิ้มทั้งน้ำตา “ประมุขหาน เขากลับมาแล้ว”
หานชิงผงกศีรษะ “มีเรื่องต้องบอกกล่าว”
ซือซือยิ้มบาง “เขาก็ยังไม่ยอมกลับมาบ้านใช่หรือไม่”
หานชิงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง “เจ้าอยากให้เขากลับมาหรือไม่”
ซือซือสั่นหน้า “สิ่งที่เขาต้องการ ข้าหมดปัญญามอบให้” ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถอนหายใจ “ข้าติดค้างเขามากมายเหลือเกิน”
หานชิงนิ่งงันครู่หนึ่ง “เรื่องของความรัก ไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย”
ซือซือเงียบงันครู่หนึ่ง “ไซว่วั่งสี่ขวบแล้ว”
หานชิงต้องขบคิดเล็กน้อยถึงกระจ่าง เด็กอายุสี่ขวบคนหนึ่งอยู่ในบ้านสกุลเหลิ่ง ควรได้รับการอบรมบ่มเพาะได้แล้ว เขาเงียบงันไม่พูดอะไร
ซือซือยิ้มเศร้า “ข้ารู้ ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่มีหนทางอื่น นอกจากประมุขหานแล้ว ในบ้านสกุลเหลิ่งข้ายังจะฝากฝังกับใครได้เล่า”
หานชิงนิ่งเงียบ
ซือซือพูดเสียงค่อย “ประมุขหานไม่อยากสอนวิทยายุทธ์ให้เขาก็ไม่เป็นไร ท่านยังมีอย่างอื่นที่สอนเขาได้ ข้าแค่หวังว่าเด็กคนนี้สามารถเติบโตอยู่ข้างกายท่าน รับปากข้า อย่าส่งเขาให้เหลิ่งอู้”
หานชิงสงสัย “ซือซือ เจ้า…อยู่ดีๆ ไฉนพูดถึงเรื่องพวกนี้”
ซือซือยิ้มขื่น “วันนี้ได้เห็นเหวยสิงแล้ว แม้ไซว่วั่งเรียกเขาว่าท่านพ่อ แต่เรื่องราวดำเนินถึงทุกวันนี้ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังแล้ว เหวยสิงจะไม่เหลียวแลเด็กคนนี้แน่ๆ ข้าเข้าใจดี แต่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายข้า พวกเรารู้จักกันมาสิบกว่าปี ต่อให้ข้าไม่ได้แต่งกับเหวยสิง ข้ายังคงเป็นสหายของท่าน ใช่มิใช่”
หานชิงผงกศีรษะ “ใช่ ซือซือ เจ้าเป็นสหายของข้า”
ซือซือนิ่งเงียบครู่หนึ่ง “ข้ารู้ปี้หนิงตายในมือเหลิ่งอู้ ท่านไม่รับปากก็ถือว่าสมเหตุสมผล” เสียงพูดเบาลง “และควรเป็นเช่นนั้น…”
เอ่ยถึงตรงนี้ซือซือนึกหาข้ออ้างที่สามารถเรียกร้องหานชิงทำเรื่องพรรค์นี้ไม่ออกจริงๆ นางทราบดี นางเอ่ยปาก หานชิงต้องตอบตกลงแน่ แต่นางไหนเลยกล่าววาจากดดันผู้อื่นได้
ซือซือยิ้มเศร้า “หานชิง ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองเริ่มกลายเป็นคนหน้าไม่อายเช่นนี้ได้อย่างไร หานชิง ท่านกรุณาดูแลเด็กคนนี้ อย่าให้เขาตกอยู่ในมือพ่อเขา อย่าให้เขาเป็นเหมือนเหลิ่งอู้ ข้าไม่บังอาจขอร้องท่านสอนวิทยายุทธ์เขา หานชิง ขอให้ท่านสอนการดำรงตนแก่เขา”
หานชิงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง พูดเสียงค่อย “ซือซือ นั่นคือลูกชายของเจ้า ข้าจะดูแลเขาจนเขาอายุห้าขวบ ถ้าเหวยสิงไม่ถ่ายทอดวิทยายุทธ์ให้เขา ข้าจะถ่ายทอดเอง”
ซือซือร้องเรียกเสียงดัง “ไซว่วั่ง”
ไซว่วั่งน้อยวิ่งเริงร่าออกมาจากในป่า โผเข้าอ้อมกอดซือซือเต็มแรงจนซือซือนิ่วหน้ายิ้มเจื่อน “เจ้าลูกคนนี้”
ไซว่วั่งเงยหน้าหัวเราะร่า “ท่านแม่ เรื่องอะไรหรือ”
แต่ซือซือตกใจโดดผลุงขึ้นมาแล้ว “เจ้าๆๆ ในมือเจ้าคืออะไร”
ไซว่วั่งยกมือข้างหนึ่งขึ้น บนนั้นมีแมลงเป็นสิบยี่สิบตัวดิ้นดุกดิกอยู่ ไซว่วั่งพูดอย่างไร้เดียงสา “ก็ไส้เดือนไงท่านแม่ ท่านลองจับดู นุ่มนิ่มน่ารักดี”
ไซว่วั่งเหยียดมือออกไป ซือซือหวีดร้องเสียงแหลม
หานชิงเห็นภาพนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ เขายื่นมือหยิบไส้เดือนขึ้นมาตัวหนึ่ง ยิ้มพลางนั่งยองๆ “ไซว่วั่ง เจ้าจับพวกมันมาอย่างนี้ พวกมันจะเจ็บ อีกอย่างพวกมันห่างบ้าน จะคิดถึงบ้าน จะหิวตาย ปล่อยพวกมันกลับบ้านดีหรือไม่”
ซือซือพยักหน้า “ใช่ๆๆ ไซว่วั่ง พวกเรากลับบ้านกัน เจ้าก็ปล่อยพวกมันกลับบ้าน เด็กดี รีบไป”
ไซว่วั่งนิ่งอึ้ง ท่าทางอิดออดขณะมองของเล่นในมือ “ให้พวกมันกลับบ้านกับข้าไม่ได้หรือ ข้าจะให้พวกมันนอนบนเตียงข้า”
ว๊าย! ซือซือขนหัวลุก “ไซว่วั่ง ไม่ได้!”
หานชิงยิ้มกล่าว “ไซว่วั่ง ไส้เดือนต้องนอนในดินถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ เจ้าให้พวกมันนอนบนเตียงเจ้า พวกมันจะตาย”
ไซว่วั่งสงสัย “ตายคืออะไร”
หานชิงบอก “ไปจากโลกนี้ตลอดกาล ไม่เคลื่อนไหว ไม่มีความรู้สึก และเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าไม่ได้อีก”
ไซว่วั่งทำหน้าฉงน มองหานชิง มองไส้เดือนในมือ ท่าทางเหมือนไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
หานชิงยิ้มพลางดึงมือไซว่วั่ง “มา อาหานจะไปในป่ากับเจ้า ส่งพวกมันกลับบ้าน”
ไซว่วั่งมองมารดาแวบหนึ่ง ไม่สู้เต็มใจนัก ซือซือเอ่ยเร่ง “รีบไป เชื่อฟังวาจาท่านอาหาน”
เหวยไซว่วั่งไม่อยากไป ซือซือชักสีหน้า มิคาดไซว่วั่งนิสัยดื้อรั้น ยิ่งทำหน้าดุใส่ เขายิ่งดึงดัน พลันยกมือขึ้นปาไส้เดือนทั้งหมดนั้นใส่ร่างหานชิง “ให้ท่าน ท่านไปเถอะ เหม็น!”
ซือซือตวาด “ไซว่วั่ง!”
ไซว่วั่งน้อยกลับวิ่งปรูดไปแล้ว
พิธีกราบอาจารย์ที่ซือซือคาดหวังไว้พังไม่เป็นท่าเช่นนี้เอง
ซือซือโกรธจัดแต่ก็ทำอะไรลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองไม่ได้
หานชิงดึงไส้เดือนบนเสื้อออกทีละตัว ยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร เด็กน้อยซุกซนเป็นเรื่องปกติ”
ซือซือกลับโมโหไม่หาย โมโหจนน้ำตาไหล “เจ้าลูกคนนี้!”
หานชิงไม่คาดคิดว่าเรื่องเล็กน้อยเท่านี้จะถึงกับเรียกน้ำตาของซือซือ ยามนั้นมิวายแปลกใจ ต่อมาก็แจ่มแจ้งว่าซือซือมีเจตนาตีเหล็กตอนร้อน ต้องการให้ไซว่วั่งกราบอาจารย์ เช่นนี้นางถึงจะวางใจ หานชิงยิ้มแล้ว น่าสงสารคนเป็นพ่อเป็นแม่โดยแท้
“ซือซือ เจ้าอย่าวิตกไปเลย เดี๋ยวไซว่วั่งถึงวัยฝึกปรือวิทยายุทธ์จะมีอาจารย์แน่นอน”
ซือซือเสียงสั่น “ลูกคนนี้ถูกข้าตามใจจนเสียเด็กแล้ว…”
ดื้อรั้นเอาแต่ใจ ไม่อยู่ในโอวาท
อุปนิสัยอย่างนี้จะอยู่ในบ้านสกุลเหลิ่งได้อย่างไร
หากยังให้ซือซือเป็นคนอบรมสั่งสอนต่อไป น่ากลัวเจ้าเด็กเกเรคนนี้จะเป็นเด็กไม่น่ารักเช่นนี้ไปเรื่อยๆ กระมัง