(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : เทพมารสะบั้นเศียร เล่ม 01

Monday

บทที่ 3 : กำลังติดตาม

บ่าวเฒ่าหยางเจินนำทาง ทั้งหมดเดินถึงทุ่งหญ้าแถบหนึ่ง จากนั้นข้ามภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง อ้อมถึงทางดินเพียงสายเดียวละแวกตัวตึก เข้าสู่อีกโลกหนึ่ง มีแต่ดินแข็งและหินกรวด เด็กรับใช้หมิงเซียงต้องส่งเสียงครางด้วยความหวาดกลัวคำหนึ่ง

กู้เซิ่นเหวยอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น การเดินทางการวิกาล พี่สาวเตรียมแต่งออก กระบี่สั้นที่ข้างเอว ทุกประการล้วนไม่จริงแท้ จวบกระทั่งฟ้าสางรำไร เขาค่อยฟื้นตื่นขึ้นมา พบว่าแสงอาทิตย์สาดส่องมาจากด้านหลัง

“เอ๊ะ พวกเรามุ่งตะวันตกหรือ?”

หวนนึกถึงบ้านสามีของพี่ชุ่ยหลันเป็นชางจงหยวน อย่างนั้นสมควรไปทางตะวันออกจึงถูกต้อง

หยางเจินส่งเสียงดังอืมม์ ชั่วครู่ค่อยบอกกล่าวว่า “พวกเราจะไปที่เมืองซวอเล่อก่อน ขอกำลังทหารคุ้มครองส่ง”

“เมืองซวอเล่อ?”

กู้เซิ่นเหวยโห่ร้องออกมา แคว้นซวอเล่อเป็นแคว้นใหญ่ของแดนซีอวี้ กล่าวไปบ้านตระกูลหยางอยู่ในเขตแดนของแคว้นดังกล่าว เมืองหลวงมีประชากรแน่นขนัด เป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรือง กู้เซิ่นเหวยได้ยินชื่อตั้งแต่แรก นับแต่ออพยพมายังไม่เคยไปมาก่อน

กู้ชังเป็นขุนนางใหญ่แดนจงหยวน กู้เซิ่นเหวยไม่นึกประหลาดใจที่แคว้นซวอเล่อจัดกำลังทหารคุ้มครองส่ง เพียงเห็นว่าตนเองเตรียมการน้อยเกินไป

คุณหนูชุ่ยหลันนั่งสงบนิ่งบนหลังม้า คล้ายไม่มีความเห็นแย้งต่อการจัดการเช่นนี้ กู้เซิ่นเหวยจึงควบม้าเคียงคู่กับพี่สาว ลอกกล่าวว่าเมืองซวอเล่อมีอันใดน่าสนใจ ทั้งชักกระบี่สั้นออกมากวัดแกว่ง คุณหนูชุ่ยหลันมิใคร่พูดจา เพียงเอ่ยปากให้น้องชายระมัดระวัง

ถึงแม้อายุมากกว่าสามปี แต่กู้เซิ่นเหวยปกป้องน้องชายที่ซุกซนราวกับมารดาก็มิปาน

เนื่องเพราะมีหญิงสาวสองคนร่วมทาง ขบวนผู้คนเดินทางเชื่องช้ายิ่ง เมื่อแสงแดดแผดจ้า หยางเจิงยังไม่มีทีท่าหยุดลง

หยางเจิงกระโดดลงจากหลังม้า เงี่ยหูฟังดู จากนั้นปลดทวนยาวจากข้างอานม้า ยืนหยัดอยู่กลางทาง

ที่หลงเหลือล่าถอยถึงข้างทาง มีแต่กู้เซิ่นเหวยที่กระโดดลงจากหลังม้า ชักกระบี่สั้นอออกมาร้องบอกว่า “พี่สาว ไม่ต้องกลัว ข้าพเจ้าจะขับไล่โจรเอง”

“อย่าได้ขวางหน้าเรา”

หยางเจิงใช้คันทวนกวาดคุณชายน้อยไปด้านหลัง เขามีตำแหน่งสูงยิ่ง นอกจากนายผู้เฒ่ากู้ชังแล้ว ไม่เกรงอกเกรงใจต่อผู้ใด โดยเฉพาะกู้เซิ่นเหวยยังเป็นศิษย์ของเขา

กู้เซิ่นเหวยกวัดแกว่งกระบี่สั้นอย่างไม่พอใจ ยังคิดช่วงชิงโอกาสสังหารศัตรู พลันเห็นผลคลีคละคลุ้ง กำลังติดตามมาถึงแล้ว

ฝ่ายตรงข้ามมีทั้งสิ้นสามคน ล้วนสวมใส่ชุดดำ หยุดม้าในระยะห่างยี่สิบกว่าก้าว พากันชักดาบจากข้างเอว

“คนของตระกูลกู้ต้องกลับบ้านตระกูลกู้”

คนชุดดำที่กึ่งกลางกล่าวเสียงกระด้างราวแผ่นเหล็กที่ขึ้นสนิม

หยางเจิงเสือกส่งทวนออก กล่าวว่า “คนไร้ชื่อเสียงเรียงนามควรไสหัวกลับบ้านเก่า”

ตระกูลกู้กอปรด้วยดาบทวนสองสุดยอด ฝึกดาบก่อน แล้วค่อยฝึกทวน หยางเจิงฝึกเพลงทวนจนช่ำชองชำนาญ ดังนั้นหนึ่งต้านรับสาม หาเกรงกลัวไม่

คนชุดดำทางซ้ายบังคับม้ากวัดแกว่งดาบเข่นฆ่าเข้ามา

หยางเจิงยกทวนชี้เฉียง แยกเท้าทั้งสองออก ย่อตัวลงเล็กน้อย ลักษณะคล้ายชาวนาถือจอบเตรียมจัดการกับสุนัขป่าที่โถมเข้ามา

คนชุดดำเข่นฆ่าเข้าใกล้ เงื้อดาบขึ้นสูง ขณะจะฟันลง หยางเจิงก็เสือกแทงทวนในมือออก

ท่าทิ่มแทงนี้รวบรัดชัดเจน ไม่มีลวดลายใด ทั้งไม่ใช้กำลังอันใด คล้ายกับเด็กเล็กยังหลบทัน แต่คนชุดดำพานหลบไม่พ้น หน้าอกถูกแทงใส่ ทั้งคนทั้งดาบร่วงหล่นลง กระทั่งเสียงร้องยังไม่เปล่งออกมา ม้าพาหนะวิ่งต่อไประยะหนึ่งค่อยหยุดยั้งลง

คนชุดดำที่หลงเหลือทั้งสองสบตากันวูบ พากันเงื้อดาบขึ้น บังคับม้าบุกจู่โจมพร้อมกัน แยกย้ายเป็นหนึ่งซ้ายหนึ่งขวา คิดกลุ้มกระหนาบใส่

กู้เซิ่นเหวยสะอึกกายไป คิดทดสอบอานุภาพของกระบี่สั้น ซึ่งความจริงเขาไม่เคยฝึกกระบี่ เพียงฝึกเพลงดาบอยู่หลายชุด ในความคาดคิดของเขา ระหว่างใช้กระบี่กับใช้ดาบไม่มีข้อแตกต่าง

หยางเจิงใช้คันทวนกวาดนายน้อยไปด้านหลังอีกครั้ง ยังคงงอเท้าเล็กน้อย ยื่นทวนไปเบื้องหน้าคล้ายกับว่าเพียงรู้จักกระบวนท่าเพียงท่าเดียว

บางครั้งกระบวนท่าเดียวก็เกินพอ หยางเจิงฝึกเพลงทวนตระกูลกู้มาหลายสิบปี แต่ละวันทิ่มแทงนับพันครั้ง ในสายตาผู้อื่นเป็นท่าธรรมดาหาความพิสดารไม่ได้ แต่ในใจของเขาท่าเดียวแปลงเป็นร้อยพัน ท่าเดียวต้านทานกระบวนท่านับร้อยพัน

มีเพียงนายผู้เฒ่ากู้ชังล่วงรู้จิตใจของเขา จะอย่างไรเพลงทวนชุดนี้เป็นกู้ชังถ่ายทอดให้กับหยางเจิง กู้ชังทอดถอนใจกล่าวว่า เพลงทวนยาวในสองสุดยอดของตระกูลกู้ได้แต่ให้คนแซ่อื่นสืบทอดรับช่วงแล้ว

เพราะเหตุนี้หยางเจิงจงรักภักดีต่อตระกูลกู้ ตราบใดที่เขายังคงอยู่ จะไม่ปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายนายน้อยกับคุณหนูเด็ดขาด

คนชุดดำทั้งสองเข่นฆ่ามาถึง

หยางเจิงทิ่มแทงออกสองทวน ด้วยระดับความเร็วคล้ายกับแทงถูกผู้คนสองคนพร้อมกัน

คนชุดดำผู้หนึ่งพลิกร่วงลงจากหลังม้า อีกคนหนึ่งแผดร้องคำหนึ่ง ส่ายร่างโงนเงนไปมา กลับไม่พลัดตกลงจากหลังม้า ใช้สองเท้าหนีบม้าคู่ขา โน้มตัวต่ำลง หลบหนีไปทางตะวันตก

หยางเจิงหมุนตัวขวับ ซัดทวนในมือออก ทวนยาววาเศษพุ่งตรงออกไป ทั้งมั่นคงทั้งแม่นยำดุจเดียวกับหอกซัด

คนชุดดำที่อยู่ห่างสามสิบก้าวถูกทวนยาวทะลุอก ร่วงลงสู่พื้นราวกับหุ่นกระบอกตัวหนึ่ง

“อาจารย์หยาง”

กู้เซิ่นเหวยทั้งตื่นเต้นทั้งเลื่อมใส ร้องบอกว่า “ถ่ายทอดเพลงทวนให้แก่ข้าพเจ้า”

“ทุกวันแทงใส่เป้าห้าร้อยครั้ง สามปีให้หลังจะมีความสำเร็จอยู่บ้าง จากนั้นทิ่มแทงวันละพันครั้ง ยึดมั่นสิบปีจะฝึกเพลงทวนสำเร็จ”

“อย่างน้อยมิสู้ฝึกพลังประสมกลมกลืน สิบปีให้หลังจะร้ายกาจกว่านี้”

หยางเจิงบอกว่าก็ได้ เดินถึงข้างซากศพ ถอนถึงทวนยาวออกมา เช็ดคราบโลหิตกับเสื้อผ้าของคนชุดดำ พลิกตัวขึ้นมาเดินทางต่อ ทอดทิ้งซากศพทั้งสามอยู่กลางทาง

พลังประสานกลมกลืนเป็นวิชากำลังภายในของตระกูลกู้ ที่ผ่านมาถ่ายทอดแก่บุตรไม่ถ่ายทอดแก่ธิดา ถ่ายทอดเป็นการภายในไม่ถ่ายทอดแก่ภายนอก มีอานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นพื้นฐานของตระกูลกู้ หยางเจิงแม้ได้รับความไว้วางใจจากกู้ชัง ยังไม่ได้รับถ่ายทอด

กู้เซิ่นเหวยพออายุไม่กี่ขวบก็เริ่มฝึกพลังประสมกลมกลืน ผ่านไปเกือบสิบปี กลับสะดุดหยุดอยู่ที่ขั้นที่หนึ่ง ถือเป็นลูกหลานตระกูลกู้ที่มีความก้าวหน้าเชื่องช้าที่สุด

ทั้งห้าเดินทางต่อกู้เซิ่นเหวยให้ความสนใจต่อความเป็นมาของโจรร้าย แต่หยางเจิงไม่ปริปาก เขาได้แต่หันไปถกกับเด็กรับใช้หมิงเซียง

ถกอยู่หนึ่งชั่วยาม กู้เซิ่นเหวยสูญเสียความกระตือรือร้นสนใจ หยางเจิงพลันกล่าวว่า “มันมีฝีมือสูงเยี่ยม”

กู้เซิ่นเหวยกล่าวอย่างสงสัยใจว่า “ผู้ใด?”

“คนที่แทบหนีรอดได้”

“ข้าพเจ้าเห็นว่ามันธรรมดาสามัญยิ่ง ไม่ทันใช้กระบวนท่าออก ก็ถูกอาจารย์ท่านซัดทวนทะลุอก ไม่ มันมีฝีมือสูงเยี่ยมจริง แต่เพลงทวนของตระกูลกู้เราร้ายกาจกว่า”

หยางเจิงหัวร่อเบาๆ ไม่ถกเถียงสืบต่อ ยอดฝีมือประลองยุทธ์ มักพิสูจน์ผลแพ้ชนะความเป็นความตายในไม่กี่กระบวนท่า ผู้ที่พ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว ไม่แน่ว่าจะแตกต่างจากผู้ที่เอาชัยในกระบวนท่าเดียวเท่าใด หากเปลี่ยนเวลาและสถานที่ สภาพการณ์อาจกลับตาลปัตร ความละเอียดอ่อนของเรื่องนี้ ยากจะอธิบายต่อคนนอกให้เข้าใจได้ กู้เซิ่นเหวยแม้แซ่กู้ แต่ยังไม่เข้าสู่เส้นทางฝีมือ จึงถือเป็น “คนนอก”

เดินทางอีกระยะทางหนึ่ง ท้องฟ้ามืดค่ำลงทีละน้อย หยางเจิงค่อยยอมหยุดพักผ่อน ที่นี้ไม่มีหมู่บ้าน ทั้งไม่มีโรงเตี๊ยม ที่ว่าพักผ่อนเพียงนั่งพักผ่อนก้อนหินข้างทาง

กู้เซิ่นเหวยวิ่งเต้นทั้งวัน จึงเหน็ดเหนื่อยสิ้นเรี่ยวแรง นั่งพิงอยู่ข้างกายพี่สาว หมิงเซียงกับจี๋เซียงล้วงเสบียงกรังและน้ำดื่มออกมาปรนนิบัติผู้เป็นนายรับประทาน

หยางเจิงรับประทานเสบียงกรังไม่กี่คำ สายตายังจ้องจับไปทางตะวันออก รักษาความตื่นตัวเอาไว้

กู้เซิ่นเหวยเห็นว่าซือฟู่ระมัดระวังไปบ้าง เมื่อปรากฏซากศพสามซากทิ้งอยู่กลางทาง ยังมีผู้ใดกล้าตามมา?

“นายน้อยฮวน มีภารกิจหนึ่งไม่ทราบท่านยอมกระทำหรือไม่?”

หยางเจิงเอ่ยปากถาม ในบ้านตระกูลกู้มีแต่หยางเจิงเรียกกู้เซิ่นเหวยเป็นนายน้อยฮวน

กู้เซิ่นเหวยกระโดดปราดขึ้นมากล่าวว่า “ยินยอม เกี่ยวกับการเข่นฆ่าสังหารโจรหรือ?”

“อืมม์ เราต้องการให้ท่านควบม้าไปยังเมืองซวอเล่อ ขอกำลังหนุนมา”

“ขอกำลังหนุน? โจรร้ายมิใช่ตายแล้วหรือ?”

“อาจบางที ยังโจรมากกว่านี้ตามมา”

“อาจารย์ท่านหนึ่งทวน ข้าพเจ้า...หนึ่งกระบี่จะเข่นฆ่าพวกมันจนหมดสิ้น”

“แต่พวกมันมีคนมาก อาศัยพวกเราสองคนยากคุ้มครองคุณหนูได้”

“กู้เซิ่นเหวยเหลียวดูพี่สาวแวบหนึ่งกล่าวว่า “มีเหตุผล ข้าพเจ้าจะไป ไปหาผู้ใด?”

“เจ้าไปยังเมืองซวอเล่อ เสาะหาจอมทัพหยาง บอกว่าหยางเจิงเชิญมัน มันจะเข้าใจเอง”

กู้เซิ่นเหวยรับคำ ขณะจะขึ้นม้า หยางเจิงฉุดรั้งมันเอาไว้ กล่าวว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้ากับหมิงเซียง เสื้อผ้าของท่านนี้ไม่เหมาะกับการขี่ม้าเร็ว”

หยางเจิงเตรียมการอย่างรอบคอบ กู้เซิ่นเหวยยิ่งลิงโลด หมิงเซียงกลับไม่ยินยอมอยู่หลายส่วน ถูกนายน้อยฉุดลากไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน

ที่กู้เซิ่นเหวยไม่ยินดีคือ หยางเจิงริบกระบี่สั้นของเขาไป บอกว่าระหว่างทางไม่ต้องใช้ กำชับว่า “ให้มุ่งตะวันตก ลงแส้เร่งม้า ภายในหนึ่งวันหนึ่งคืนจะบรรลุถึงเมืองซวอเล่อ”

กู้เซิ่นเหวยกระโดดขึ้นมา บอกกล่าวกับพี่สาวว่า “รอข้าพเจ้าขนย้ายกำลังหนุนมา”

เขาในยามนี้ยังคิดอ่านอย่างรวบรัด ไม่ได้ซักถามรายละเอียด ถึงกับไม่ได้ครุ่นคิดว่าตนเองไม่พกพาสิ่งใด ระหว่างทางจะรับประทานอันใด

คุณชายน้อยกู้ขี่ม้าจากไป จวบจนกลายเป็นจุดเล็กๆ ที่ขอบฟ้า กู้ชุ่ยหลันใช้สายตาส่งเงาหลังของน้องชายจนลับตา พลันทอดถอนใจกล่าวว่า “หวังว่าม้าวิ่งห้อรวดเร็ว ทั้งหวังว่ามันไม่หวนกลับมา”

หยางเจิงหน้าแปรเปลี่ยนไป คุณหนูแม้อายุยังเยาว์ แต่มีความคิดอ่านไม่น้อย คาดเดาเรื่องราวออก

หยางเจิงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวอย่างหดหู่ว่า “คุณหนูโปรดให้อภัย บ่าวเฒ่าได้แต่ช่วยเหลือคนเดียว”

“ท่านอาหยางรีบลุกขึ้น สามารถช่วยเหลือน้องชายคนหนึ่ง เท่ากับช่วยเหลือตระกูลกู้ ยังมีความผิดอันใด?”

เด็กรับใช้หมิงเซียงกับหญิงรับใช้จี๋เซียงหันไปมองหน้ากัน ไม่ทราบคุณหนูกล่าวอันใด แต่บังเกิดความไม่สบายใจขึ้นมา

หนังสือแนะนำ All

Special Deal