(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : เทพมารสะบั้นเศียร เล่ม 01

Monday

บทที่ 6 : ยอดมือกระบี่

เมื่อสองปีก่อน กู้เซิ่นเหวยเพิ่งมาถึงแดนต่อระหว่างจงหยวนกับซีอวี้ ก็ได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับป้อมอินทรีทองกับเทพไร้ผู้ทัดเทียม ตอนนั้นเขาบังเกิดความสนใจต่อขบวนนักฆ่าของแดนซีอวี้ บอกว่าต้องการเห็นโฉมหน้าของเทพไร้ผู้ทัดเทียมสักครา เป็นเหตุให้ถูกพี่รองหัวร่อเยาะ

เมื่อมาถึงแดนซีอวี้ ตระกูลกู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับป้อมอินทรีทอง กู้เซิ่นเหวยจึงลืมชื่อนี้ไปโดยเร็ว คิดไม่ถึงว่าพอรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ กลับเกี่ยวโยงกับศัตรูที่ฆ่าล้างตระกูล

ค่ำคืนนั้นหลังจากที่ผู้คลุมหน้านั้นบุกรุกตัวตึก บิดากับพี่ชายเอ่ยถึง ถูฮู่ (คนฆ่าสัตว์) แท้จริงแล้วเป็นคำตู๋ปู้ (ไร้ผู้ทัดเทียม) กู้ชังคาดคิดแต่แรกว่าป้อมอินทรีทองคิดร้ายต่อตึกตระกูลกู้ จึง “ไล่” บุตรีกับบุตรชายคนเล็กออกไป

ป้อมอินทรีทองไฉนทำลายล้างตระกูลกู้?

กู้เซิ่นเหวยขบคิดไม่เข้าใจ ตระกูลกู้มาถึงแดนซีอวี้ สองปีนี้แทบไม่ไปมาหาสู่กับคนนอก เหตุใดจึงล่วงเกินเจ้าแห่งนักฆ่าแดนซีอวี้?

แว่วเสียงกีบม้ากังกุบกับ ที่ปากภูเขาด้านทิศเหนือปรากฏม้าสีน้ำตาลตัวหนึ่งควบขับมา คนบนหลังม้านั่งไว้ด้วยคนสวมเสื้อคลุมสีเทาผู้หนึ่ง ฝูงโจรตอนแรกบังเกิดความยินดี จากนั้นมีสีหน้าผิดหวัง นี่มิใช่คนที่พวกเขารอคอย หากมิใช่มีคำสั่งห้ามข้ามเขตแดน คงมีคนเข้าไปปล้นชิงทรัพย์คนผู้นี้แล้ว

คนสวมเสื้อคลุมสีเทาพลันพบเห็นกลุ่มคนหน้าตาดุร้ายชุมนุมอยู่ข้างทาง หารู้สึกเหนือความคาดหมาย ยิ่งไม่แตกตื่นลนลาน ยังคงเร่งม้าควบเหยาะย่างมา

เสียงขวับเมื่อมีคนซัดมีดบินใส่คนสวมเสื้อคลุมสีเทา คนไม่สามารถข้ามเขตแดนแต่อาวุธสามารถ

เสื้อคลุมสีเทานั้นกระพือขึ้น คล้ายเมฆคล้อยลอยผ่าน คนผู้นั้นยกชูแขนขวาขึ้น ตะปบคว้ามีดบินไว้ หย่อนลงในถุงหนังใบหนึ่ง

พร้อมกับเสื้อคลุมที่ตลบขึ้น เผยเห็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแขวนอยู่ข้างลำตัวมา

“มือกระบี่เขาต้าเซวียซาน”

ในกลุ่มคนมีคนร้องอุทานออกมา จากนั้นบังคับม้าถอยไปสองก้าว คนซัดมีดบินยิ่งไม่กล้าส่งเสียง แม้แต่เชลยที่ถูกกวาดต้อนมาพลอยได้รับผลกระทบ พากันล่าถอยไปด้านหลัง

กู้เซิ่นเหวยยืนรั้งท้ายสุด แทบถูกผู้คนข้างหน้าชนล้มลง แต่ยังเขย่งปลายเท้ามองดู ไม่ทราบว่าทั้งหมดกลัวอันใด?

ที่เบื้องหน้าเขามีชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันสองคน แสดงว่าทราบว่าความน่ากลัวของภูเขาต้าเซวียซาน จึงก้มศีรษะหลบอยู่ด้านหลังผู้ใหญ่

มือกระบี่เขาต้าเซวียซานยิ้มเล็กน้อย หยีตาลงคล้ายมองหาอันใด

“คนของพรรคเหยี่ยวบินออกมา”

สุ้มเสียงของเขาไม่ดังนัก แต่มีอำนาจที่ยากต่อต้านแข็งขืน กู้เซิ่นเหวยเห็นโจรหน้าบากที่เรียกว่าเหยี่ยวบินหน้าเขียวคล้ำ

พรรคเหยี่ยวบินเป็นค่ายพรรคขนาดเล็ก มีเพียงหกคน แต่เหยี่ยวบินเป็นหัวหน้าพรรค ไม่อาจทำตัวเป็นเต่าหดหาง จึงกล่าว “เหยี่ยวบินอยู่ที่นี้ ที่นี้เป็นพื้นที่ของป้อมอินทรีทอง ท่านกล้าทำอย่างไร?”

คนสวมเสื้อคลุมสีเทาเหลียวมองท้องทุ่งร้างแถบนั้นแวบหนึ่งกล่าวว่า “ท่านเคยได้ยินจากที่ใดว่าลูกผู้ชายเขาต้าเซวียซานเกรงกลัวเทพไร้ผู้ทัดเทียม?”

กู้เซิ่นเหวยบังเกิดความยินดี ที่แท้เทพไร้ผู้ทัดเทียมก็มีศัตรู อย่างนั้นความหวังล้างแค้นคล้ายเพิ่มพูนกว่าเดิม เขาสมควรหาทางเข้าร่วมกับสำนักต้าเซวียซาน

เหยี่ยวบินขบกรามกรอดร้องดังๆ ว่า “พี่น้องทั้งหลาย พวกเราแปดสิบเอ็ดพรรคเทียนซานจะปล่อยศัตรูรังแกถึงถิ่น โดยไม่ส่งเสียงหรือ?”

ฝูงโจรที่เหลือล้วนไม่ส่งเสียง ไม่เห็นว่ามีความจำเป็นต้องชักดาบเข้าช่วยเหลือ

คนสวมเสื้อคลุมสีเทาแค่นหัวร่อกล่าวว่า “แปดสิบเอ็ดพรรคเทียนซาน? ชื่อที่น่าเกรงขามนัก แต่ว่าเราเพียงเสาะหาพรรคเหยี่ยวบิน หาเกี่ยวข้องกับผู้อื่นไม่”

คำพูดนี้พอกล่าว มิเพียงไม่มีคนเสนอหน้าออกไป ทั้งยังถอยห่าง ยืดระยะห่างจากพรรคเหยี่ยวบิน

เหยี่ยวบินจะอย่างไรเป็นโจรผู้ร้ายที่กรำศึกอย่างโชกโชน เมื่อหลบไม่พ้นก็ต่อสู้ อ้อนวอนไปก็เปล่าประโยชน์

เหยี่ยวบินถ่มน้ำลายคำหนึ่ง นี่เป็นของสกปรกคำสุดท้ายที่ถ่มออกจากปากของเขา

เขากระโดดลงจากหลังม้า ชักดาบออกมา พี่น้องของเขาก็ปฏิบัติตาม คนทั้งหกยืนเรียงรายเป็นแถวเดียว ดาบโค้งหกเล่มเป็นประกายแวววาว ตัดกับเสื้อผ้าที่สกปรกโสมมอย่างรุนแรง

คนสวมเสื้อคลุมสีเทาถอดเสื้อคลุมออก วางบนอานม้า จากนั้นกระโดดลงจากหลังม้า ดึงกระบี่ใหญ่ที่ยืดยาวจากข้างลำตัวมา

ตัวกระบี่ของเขาแทบมีหน้ากว้างเท่ากับฝ่ามือของผู้ใหญ่ ปลายกระบี่แตะสัมผัสพื้น ด้ามกระบี่ยังสูงกว่าตำแหน่งหัวใจของเขา คมกระบี่มีรอยบิ่น คล้ายกับเจ้าของใช้ผ่าฟืนมา

“เราเรียกว่าหลงเฟยตู้”

“ท่านเรียกว่าอะไรเกี่ยวข้องใดกับเ จะอย่างไรท่านมาจากเขาต้าเซวียซาน มิใช่ท่านตายก็เป็นเราสิ้น”

เหยี่ยวบินนำเหล่าพี่น้องสืบเท้าเข้าหา กอปรเป็นรูปโค้ง รายล้อมหลงเฟยตู้เอาไว้”

“เราต้องการให้พวกเจ้าทราบว่าผู้ที่ฆ่าพวกเจ้าเป็นใคร”

หลงเฟยตู้จับกระบี่ด้วยสองมือ ปลายกระบี่ยังเฉียงลงกับพื้น

คนของพรรคเหยี่ยวบินทั้งหกสืบเท้าเข้าไปทีละก้าว พวกเขาไม่มีนิสัยประกาศนามแล้วค่อยฆ่าคน โจรผู้ร้ายคุ้นกับกฎของป้อมอินทรีทอง นั่นคือไม่เลือกวิธีที่ใช้ ฆ่าแล้วค่อยว่ากล่าวกัน

แว่วเสียงตวาดคำหนึ่ง ไม่ทราบเป็นผู้ใดเปล่งออกมา ต่อด้วยเสียงอาวุธปะทะดังตึงตัง หลังจากนั้นเงียบสงบลง ฟังดูไม่ดุเดือดตื่นเต้น คล้ายกับช่างตีเหล็กใช้ค้อนตีอาวุธก็มิปาน

แต่ฝูงโจรและเชลยที่มุงดูอยู่ส่งเสียงร้องอุทานออกมา

กู้เซิ่นเหวยกระโดดลอยตัวข้ามศีรษะผู้คนที่เบื้องหน้า พอดีเห็นหลงเฟยตู้ยกชูกระบี่ขึ้นสูง คนของพรรคเหยี่ยวบินทั้งหกล้มลงห้าคน คงเหลือหัวหน้าพรรคเหยี่ยวบินยืนเหม่อลอยอยู่ด้านตรงข้าม ดาบโค้งโยนลงกับพื้น ที่น่าหัวร่อคือ เขายกแขนซ้ายปิดป้องที่เบื้องหน้า คล้ายคิดใช้ร่างกายเลือดเนื้อต้านทานคมอาวุธ

มาตรว่าเห็นเพียงแวบเดียว กู้เซิ่นเหวยกลับจดจำฉากนี้ไว้จนขึ้นใจ หลายปีให้หลังยังไม่ลืมเลือน ที่ประทับอยู่ในความทรงจำมิใช่หลงเฟยตู้ที่ใช้กระบี่ดุจขุนพลสวรรค์ หากเป็นเหยี่ยวบินที่สูญเสียความคิดต่อสู้ขัดขืน

พริบตานั้นในใจเขาบังเกิดความประการหนึ่ง...ที่แท้การฆ่าคนง่ายดายถึงเพียงนี้ ไม่ได้ประดาบกระบี่ กระโดดโลดเต้นไปมา ล้วนแล้วแต่อ่อนเยาว์ ไม่คู่ควรกับการใช้ออก

“หลงเฟยตู้แห่งเขาต้าเซวียซาน หากคิดล้างแค้นให้มาหาเรา ตอนนี้หรือวันหน้าก็ได้”

ไม่มีผู้ใดคิดล้างแค้นให้กับพรรคเหยี่ยวบิน ฝูงโจรเพียงนึกถึงเรื่องหนึ่ง นั่นคืออย่าได้ตอแยคนผู้นี้

เหล่าเชลยที่เบื้องหน้าบังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมา กู้เซิ่นเหวยมองผ่านรอยร่องช่องว่าง เห็นหลงเฟยตู้เดินมาทางด้านนี้ กระบี่ยังไม่สอดคืนฝัก ที่ปลายกระบี่ยังมีโลหิตหยดหยาด

คนผู้นี้คิดลงมือต่อเชลย? กู้เซิ่นเหวยหาได้หวาดกลัวเช่นเชลยผู้อื่นไม่ กลับบังเกิดความลิงโลดอยู่บ้าง เขาคิดบอดเล่าชาติกำเนิดและความแค้นอันลึกล้ำของตนเองต่อหลงเฟยตู้ ถึงกับคิดกราบเขาเป็นอาจารย์

เขาเชื่อว่าการปรากฏตัวของมือกระบี่เขาต้าเซวียซาน เป็นส่วนหนึ่งของ “สำนึกแห่งเทพ”

หลงเฟยตู้เดินช้าๆ มา สายตายามกวาดมอง ทุกผู้คนร่างต่ำเตี้ยลง

ที่เหนือความคาดหมายคือ ชายหนุ่มทั้งสองกลับไม่กลัว หากยืดอกขึ้น

หลงเฟยตู้หยีตากว่าเดิม แต่สีหน้าปราศจากความรู้สึก สองมือยกชูกระบี่ขึ้น

ในระยะใกล้ถึงเพียงนี้ กระบี่ยาวเล่มนี้ทั้งกว้างและหนัก แทบไม่ต้องใช้คมกระบี่เพียงทุบก็สามารถทุบคนตาย

กู้เซิ่นเหวยมองดูหลงเฟยตู้ กล่าวว่า “ท่านมาจากเขาต้าเซวียซาน สมควรเป็นวีรบุรุษผู้กล้า”

“ไม่ เราเพียงเป็นมือกระบี่”

“มือกระบี่ไม่ฆ่าคนไร้ความผิด มีแต่...ป้อมอินทรีทองจึงฆ่าคนตามอำเภอใจ?”

หลงเฟยตู้ตาทอประกายวูบ คล้ายกับคำพูดนี้กระทบจิตใจของเขา แต่ใบหน้าที่กร้านกรำลมน้ำค้างยิ่งกระด้างเย็นชากำกระบี่แน่นกว่าเดิม

หัวใจของกู้เซิ่นเหวยคล้ายหยุดเต้น หลังจากกล่าวคำพูดนี้ เขาคงต้องตกตายร่วมกับชายหนุ่มที่ไม่รู้จักทั้งสองนี้

กระบี่ยาวของหลงเฟยตู้ฟันเฉียงๆ ลงมา กระบี่นี้ไม่เพียงตัดศีรษะหัวหนึ่ง แต่กระบี่ใช้ถึงกลางคันพลันเปลี่ยนความตั้งใจหมุนตัวไปฟันกระบี่ออก

ลูกธนูดอกหนึ่งถูกฟันหักกลาง ร่วงหล่นลงที่แทบเท้าของเขา

“ใช้ธนูลับทำร้ายคน ผู้มาคงเป็นสุนัขรับใช้ของเทพไร้ผู้ทัดเทียมกระมัง?”

“บังอาจ ที่ถือกระบี่คงเป็นหนอนน้อยของภูเขาต้าเซวียซานกระมัง?”

ที่ปากภูเขาด้านทิศเหนือปรากฏผู้คนชุดดำผู้หนึ่งขี่ม้ามา ที่ด้านหลังของเขายังมีผู้คนอีกสองคนนั่งบนหลังม้า ในอ้อมอกโอบธงใหญ่ผืนหนึ่ง ผืนธงพื้นดำขลิบแดง ตรงกลางปักรูปนกอินทรีสีเหลืองทองตัวหนึ่ง

หนังสือแนะนำ All

Special Deal