(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : เทพมารสะบั้นเศียร เล่ม 01

Monday

บทที่ 7 : นักฆ่าชุดดำ

กู้เซิ่นเหวยรู้จักธงผืนนี้

ยังคงเป็นเมื่อสองปีก่อน ตระกูลกู้ทั้งครอบครัวหลายสิบชีวิตอพยพจากแผ่นดินจงหยวน ขณะตัดผ่านทะเลทราย มุ่งหน้ามายังแดนซีอวี้ ระหว่างทางได้ว่าจ้างแรงงานจำนวนมาก หนึ่งในจำนวนนั้นแบกธงอินทรีทองเช่นนี้ เขามิใช่คนนำขบวน แต่มักเดินนำหน้า เขามิใช่คนรับใช้ ไม่ทำงานอันใด ทั้งเว้นระยะห่างจากนายจ้าง คนเลี้ยงม้าและพนักงานรับใช้ล้วนเกรงกลัวเขาอยู่บ้าง

การเดินทางมุ่งตะวันตกแร้นแค้นลำบาก แต่มีเรื่องหนึ่งที่กู้เซิ่นเหวยจดจำอย่างแม่นยำคือในการเดินทางเกือบสองเดือน พวกเขาไม่ถูกปล้นชิงทรัพย์แม้ครั้งเดียว คล้ายเป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานของนายผู้เฒ่ากู้ชัง แท้จริงแล้วเป็นเพราะได้รับความคุ้มครองจากป้อมอินทรีทอง

ป้อมอินทรีทองเคยเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลกู้ เหตุใดสองปีให้หลังผู้พิทักษ์จึงกลับกลายเป็นคนล่าสังหาร?

คนโอบธงทั้งสองหยุดยืนกับที่เดิม คนชุดดำควบม้าเข้ามาคนเดียว จนถึงเบื้องหน้าหลงเฟยตู้ห่างประมาณสิบกว่าก้าวก็หยุดยั้งลง พลิกตัวลงจากหลังม้า วางคันทวนในมืออย่างช้าๆ คล้ายเตรียมทักทายสหายเก่าผู้หนึ่ง

“มือกระบี่เขาต้าเซวียซานเหยียบถิ่นของป้อมอินทรีทอง เป็นเรื่องหายากยิ่ง”

“นักฆ่าป้อมอินทรีทองออกศึกแต่ผู้เดียว เป็นสิ่งที่น้อยครั้งจะพบเห็น”

“นี่เป็นความจำเป็น แต่เราจะดีชั่วเคยฝึกวิชาการต่อสู้อยู่หลายวัน”

“เราหลงเฟยตู้เขาต้าเซวียซาน”

หลงเฟยตู้จับกระบี่ด้วยสองมือ ปลายกระบี่ยังคงเฉียงลงสู่พื้น

“นับถือ นับถือ เราเป็นคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามของป้อมอินทรีทอง ไม่ควรคู่กับการเอ่ยถึง”

นักฆ่าชุดดำชักดาบออกมา ดาบของเขาต่างกับดาบโค้งของโจรผู้ร้าย ดาบในมือของเขาทั้งแคบและตรง ดาบยาวเพียงสองเชียะ เปรียบกับดาบใหญ่ที่ยืดยาวของหลงเฟยตู้คล้ายเข็มปักดอกไม้เล่มหนึ่ง

ทั้งสองยิ่งเดินยิ่งใกล้ ผู้คนที่ชมดูอยู่ต่างกลั้นลมหายใจ รอดูการต่อสู้พิสูจน์เป็นตาย

กู้เซิ่นเหวยใจเต้นระทึก ภาวนาให้มือกระบี่เขาต้าเซวียซานทำศึกประสบชัย

นักฆ่ากับมือกระบี่เดินเข้ามาในรัศมีสามก้าว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ลงมือ จวบกระทั่งเข้าใกล้ระยะหนึ่งก้าว ยังคงไม่ลงมือ เพียงจับจ้องมองอีกฝ่าย

กู้เซิ่นเหวยใจเต้นระทึกแทบกระดอนจากปาก เขาเคยเห็นการประลองยุทธ์หลายครั้ง ทั้งสองฝ่ายมักตั้งท่าเตรียมพร้อมแต่ไกล ทางหนึ่งเข้าใกล้ทางหนึ่งปรับเปลี่ยนท่วงท่า ไม่เคยเห็นสภาพเช่นคนทั้งสองมาก่อน กระทั่งความคิดฆ่าฟันยังไม่ปรากฏ

นักฆ่ากับมือกระบี่กระทบไหล่กันแล้ว ต่อจากนั้นจะเฉียดผ่านไป พวกเขายังเหลียวหน้าจ้องมองอีกฝ่าย พลันคิดฆ่าฟันพลันปะทุออกมา ดาบสั้นกับกระบี่ยาวแทบใช้ออกโดยพร้อมเพรียง

ผู้คนที่ชมดูเบิ่งตามองดู ยังใจหายวาบ หงายร่างไปด้านหลัง คล้ายกับว่าดาบกระบี่ที่ห่างไปล้วนจู่โจมใส่จุดชีวิตของตนเอง

ดาบกระบี่ใช้ออกดุจสายฟ้า แต่ไม่ได้กระทบกัน นักฆ่าชุดดำชิงล่าถอยไปด้านหลัง ถอยห่างไปห้าก้าว อยู่ห่างจากรัศมีจู่โจมของกระบี่ยาว

หลงเฟยตู้ไม่รอให้ท่ากระบี่ใช้ถึงที่สุด ก็ชิงรั้งสภาวะกระบี่กลับ

กระบวนท่าแรกคล้ายไม่พิสูจน์ผลแพ้ชนะ กู้เซิ่นเหวยเห็นว่ามือกระบี่เขาต้าเซวียซานคล้ายเหนือกว่า แต่เขาไม่แน่ใจ เนื่องเพราะเขานึกถึงคำกล่าวของบิดาขึ้นมา

กู้ชังไม่เคี่ยวเข็ญบุตรชายฝึกฝีมือ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งกู้เซิ่นเหวยวิพากษ์วิจารณ์วิชาฝีมือของผู้อื่น กู้ชังก็ชี้มือมาที่ตา จากนั้นชี้มือไปที่มือของตัวเอง กล่าวว่า “มีสายตาที่คมกล้า ยังหายากกว่ามือที่คล่องแคล่ว”

ตอนนั้นกู้เซิ่นเหวยไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว

หลงเฟยตู้ฆ่าคนเดนตายหกคนในคราเดียว นักฆ่าของป้อมอินทรีทองชุดดำที่เบื้องหน้าหลายสิบชีวิตของตระกูลกู้ สมควรมีฝีมือมิใช่ชั่ว ทั้งสองล้วนเป็นยอดฝีมือ กระบวนท่าบรรจุถึงขั้นรวบรัดจำกัด ระหว่างหนึ่งฟันหนึ่งแทง มีส่วนคล้ายกับท่าทวนที่ไม่แปรเปลี่ยนของบ่าวเฒ่าหยางเจิง

กลับเป็นกู้เซิ่นเหวยร่ำเรียนเพลงหมัดท่าดาบไม่น้อย สามารถแจกแจงวิชาการต่อสู้ของแผ่นดินจงหยวน แต่พอเผชิญกับโจรผู้ร้ายกลับไม่มีเรี่ยวแรงตอบโต้ได้

หรูหราแต่ไม่จริงแท้ นี่เป็นคำวิจารณ์ของบิดา

นักฆ่ากับมือกระบี่ปะมือกันอีกครา ครั้งนี้กระโจนเข้าหาดุจเสือดาวสองตัว ดาบกระบี่กระทบกัน บังเกิดเป็นเสียงเสียดสีระคายหู

ยังคงเป็นนักฆ่าชุดดำล่าถอยไปก่อน ทั้งถอยห่างกว่าเดิม จวบจนอยู่ห่างสิบก้าว

หลงเฟยตู้กวัดแกว่งกระบี่ สืบเท้าออกไปหนึ่งก้าว

กู้เซิ่นเหวยเข้าใจว่ามือกระบี่เขาต้าเซวียซานจะจู่โจมปลิดชีวิต แต่ว่าเขาคาดเดาผิดไป หลงเฟยตู้สืบเท้าออกไปหนึ่งก้าว ก็หยุดยั้งลง

“ผงเมตตากรุณา เราสมควรคาดเดาแต่แรก”

หลงเฟยตู้พลันคุกเข่าลงข้างหนึ่ง สองมือยังจับด้ามกระบี่มั่น แต่มือมิใช่อาวุธฆ่าคนอีก หากเป็นไม้เท้าพยุงกาย

กู้เซิ่นเหวยไม่ทราบว่าผงเมตตากรุณาเป็นอะไร ผู้ที่ไม่ทราบไม่เพียงแต่เขาคนเดียว แต่ทั้งหมดล้วนล่วงรู้เรื่องหนึ่ง...มือกระบี่เขาต้าเซวียซานถูกลอบทำร้ายแล้ว

“พวกเจ้าเหล่ามือกระบี่ล้วน ‘คาดเดาได้แต่แรก’ แต่ไม่ระวังป้องกัน”

นักฆ่าชุดดำกล่าวอย่างเหยียดหยาม หานึกเวทนาต่อขุนพลที่สู้แพ้ไม่

“ผงเมตตากรุณาไร้สีไร้กลิ่น ผู้ถูกมอมเมาร่างอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ทำร้ายคนไม่เบา เมื่อสิบห้าปีก่อน เทพไร้ผู้ทัดเทียมสาบาทว่าจะไม่ใช้ออก ตอนนี้กลับปรากฏซ้ำ แสดงว่าป้อมอินทรีทองไม่ควรแก่การเชื่อถือ”

“เฮอะเฮอะ ท่านกลับทราบเรื่องไม่น้อย แต่นี่มิใช่ผงเมตตากรุณา ดังนั้นหวงจู่ (ประมุขเทพ) ไม่ได้ผิดคำสาบาน ป้อมอินทรีทองยิ่งควรแก่การเชื่อถือ โดยเฉพาะป้อมอินทรีทองไม่ละเว้นคนมีชีวิต ท่านสมควรเชื่อ”

นักฆ่าชุดดำกล่าวพลางเดินถึงด้านหลังของหลงเฟยตู้ จ่อดาบที่คมกล้ากับแอ่งบนไหล่บ่าของมือกระบี่

ดาบหน้าแคบของนักฆ่าชุดดำปักเข้าไปอย่างช้าๆ หลงเฟยตู้ไม่สามารถต่อสู้ขัดขืน กลับตกตายอย่างเงียบเชียบ มีแต่ซากศพที่ยืนหยัดไม่ล้มลง ที่ห่างไปนอนไว้ด้วยโจรผู้ร้ายที่ตายใต้คมกระบี่ของเขาหกคน

นักฆ่าชุดดำยังถือดาบแคบที่ปรากฏโลหิตหยดหยาด หันไปมองดูโจรร้ายหลายสิบคนนั้น

เขาใช้ฝีมือกันต่ำช้าฆ่ามือกระบี่ผู้หนึ่ง แต่ถือเป็นผู้ชนะ แต่หากว่าฝูงโจรฮือเข้าไปอาจฆ่าเขาได้ แต่ทุกคนหลุบคิ้วก้มสายตาราวกับแพะแกะอยู่เบื้องหน้าสุนัขดุตัวหนึ่ง

นักฆ่าชุดดำเช็ดคราบเลือดบนร่างของหลงเฟยตู้ สอดดาบคืนฝัก เดินกลับไปถึงเบื้องหน้าม้าคู่ขา พลิกตัวขึ้นม้า ก่อนไปออกคำสั่งว่า “ค้าขายเสร็จให้จากไป ห้ามมิให้ผู้ใดหยุดยั้งรั้งรอ”

ฝูงโจรคล้ายได้รับคำนิรโทษ พากันรับคำ

กู้เซิ่นเหวยนึกไม่ออกว่าจะโค่นป้อมอินทรีทองลงได้อย่างไร เขาความจริงเข้าใจว่าหลังจากฝึกเคล็ดวิชาเรียนลัดของพลังประสมกลมกลืน ก็สามารถเข่นฆ่าศัตรูทั้งหมด ตอนนี้ค่อยทราบว่าเรื่องราวไม่รวบรัดง่ายดายเช่นนั้น

เขานับว่าเข้าใจเรื่องหนึ่ง บิดา อาจารย์และพี่ชายทั้งสองมิใช่ไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้ขัดขืน หากทว่าถูกลอบทำร้ายดุจเดียวกับหลงเฟยตู้

นักฆ่าชุดดำเร่งม้าถึงปากทาง ลดเลี้ยวไปทางตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ของป้อมอินทรีทอง คนโอบธงทั้งสองติดตามหลังราวกับสิงตังเมียทั้งสองตามหลังสิงโตตัวผู้ซึ่งเพิ่งสู้ชนะ ส่วนผู้สังเกตการณ์ทางตะวันตกไม่ต่างกับสุนัขเถื่อนที่ซุกหัวหลุบหางฝูงหนึ่ง

อย่างรวดเร็ว กู้เซิ่นเหวยเข้าใจความหมายของคำว่า “ค้าขายให้จากไป” มิหนำซ้ำเขาพบว่าตัวเองกลายเป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง

นักฆ่าป้อมอินทรีทองจกาไปไม่นาน ที่ปากทางด้านทิศเหนือปรากฏคาราวานพ่อค้าขบวนหนึ่ง บ้างขี่ม้า บ้างขับรถ แต่งกายผิดแผกแตกต่าง มีจำนวนหลายร้อยคน

พ่อค้ากับโจรร้ายมักตั้งประจันกัน แต่บนเส้นทางสายนี้กลับอยู่ร่วมกันโดยสันติ ฝูงโจรแย่งกันอวดสิ่งของและผู้คนที่ปล้นชิงมาต่อพ่อค้า ในจำนวนนี้มีสิ่งของจำนวนมากที่พวกเขาไม่รู้จัก

พ่อค้าชมชอบค้าขายเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ของดีราคาถูก หากว่าโชคดีสามารถซื้อของวิเศษควรเมืองจากโจรร้ายที่ไม่รู้คุณค่า ประการสำคัญคือที่ปากทางนี้มีความปลอดภัยสูง ต่อให้เป็นโจรที่ดุร้าย ก็ไม่กล้าปล้นชิงทรัพย์ของพ่อค้า

เหล่าพ่อค้าล้วนจ่ายค่าตอบแทน จ่ายค่าคุ้มครองให้กับป้อมอินทรีทองที่เป็น “มหาโจร” แดนซีอวี้ ได้รับสิทธิพิเศษ ไม่ถูกโจรลักเล็กขโมยน้อยรบกวน

การค้าขายดำเนินไปอย่างร้อนแรง กลิ่นคาวเลือดของซากศพทั้งเจ็ดถูกชะล้างไปสิ้น ซากศพของมือกระบี่เขาต้าเซวียซานล้มลงแล้ว กระบี่ยาวหายวับไป สมบัติในตัวซากศพหลายซากถูกกวาดไปสิ้น

กู้เซิ่นเหวยไม่ทราบคิดอ่านอย่างไร แต่ชายหนุ่มทั้งสองกับรอดจากชะตากรรม ผู้ช่วยชีวิตพวกเขากลับเป็นนักฆ่าป้อมอินทรีทอง ตอนนี้พวกเขาต้องช่วยตัวเองแล้ว

พวกเขาตัดเชือกขาด แต่พ่อค้าหลายคนบงการบ่าวไพร่เข้ามา เตรียมกวาด “สินค้า” เหล่านี้ไป

“ข้าพเจ้ามิใช่ทาส”

กู้เซิ่นเหวยร้องบอกต่อคนเคราครึ้มที่ตรงเข้าหาตนเอง ชายหนุ่มที่เบื้องหน้าทั้งสองก็ร้องบอกออกมา แต่ไม่ว่าใช้ภาษาใด ล้วนแลกมาซึ่งเสียงหัวร่อดังๆ

คนเคราครึ้มใช้ดาบสั้นตัดเชือกที่มัดพันธนาการกู้เซิ่นเหวย คว้าแขนของเขาข้างหนึ่งลากขึ้นรถ กู้เซิ่นเหวยรวบรวมเรี่ยวแรงถีบใส่เท้าหนึ่ง คนเคราครึ้มเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องออกมา ต่อยหมัดใส่ท้องของกู้เซิ่นเหวยอย่างหนักหน่วง

หมัดนี้ยังรุนแรงกว่าเท้าของกู้เซิ่นเหวย สร้างความเจ็บปวดแก่เขาจนแยกเขี้ยวยิงฟัน คนไว้เคราครึ้มยังคิดลงมืออีก พาอค้าคนหนึ่งชิงร้องห้ามเอาไว้ ความหมายในวาจาคืออย่าได้ทุบตีข้าทาสจนตาย นี่เป็น “สินค้า” ที่เพิ่งซื้อมา

คนไว้เคราครึ้มผูกใจอาฆาต ขณะที่เปิดประตูกรงไม้ออก จงใจกระแทกศีรษะของชายหนุ่มกับซี่กรงไม้ กระแทกจนกู้เซิ่นเหวยตาลายสมองหมุน ร่างถูกจับโยนไป กลับทับร่างคนผู้หนึ่ง

คนผู้นั้นร้องเสียงแหลมเล็ก เตะกู้เซิ่นเหวยพ้นห่างไป กู้เซิ่นเหวยกลิ้งตัวไปตลบหนึ่ง ชั่วครู่ค่อยเรียกสติคืนมา พบว่าคาราวานพ่อค้าเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปทางตะวันออก

รถกรงขังไม่ได้มีคันเดียว ที่ด้านหลังยังตามมาเป็นพรวน ที่ลากรถเป็นวัวสองเขาที่แข็งแรง สองข้างขบวนรถปรากฏชนชาติหูหน้าตาดุร้ายขี่ม้าเฝ้าควบคุม

กู้เซิ่นเหวยเหลียวดูภายในกรง ยังมีเด็กหนุ่มสิบกว่าคนนอนขดตัวบนกองหญ้าแห้ง ใช้สายตาที่หวาดหวั่นพรั่นกลัวมองดูเขา

ความหวังเข้าสังกัดเขาต้าเซวียซานพังทลายลง กู้เซิ่นเหวยย้อนกลับไปยังความคิดแรกเริ่ม ล้วงมือไปคลำหาแพรขาวในอกเสื้อ ดูว่ามีข้อความที่เขาต้องการเห็นหรือไม่

แพรขาวกลับอันตรธานหายไป

กู้เซิ่นเหวยสมองลั่นอึงอล ตบค้นทั่วทั้งร่าง แต่ไม่พบเห็นแพรขาว เมื่อสำรวจดูหญ้าแห้งรอบข้าง ก็ไม่มีร่องรอยแม้แต่เงา

หนังสือแนะนำ All

Special Deal