Monday
คล้อยหลังเหวยสิงเดินจากไป หานชิงหมุนกายจะไปอ่านข่าวที่เหลิ่งเหยียนเพิ่งส่งมา เดินถึงหน้าประตู ชุ่ยชีวิ่งหวีดร้องหน้าตาตื่นออกมาจากในห้อง
หานชิงตกใจรีบถาม “เกิดอะไรขึ้น”
ชุ่ยชีแตกตื่นลนลาน “เขาข่วนข้า”
หานชิงพอมองก็เห็นจ้ำเลือดรูปวงเดือนเล็กๆ บนหน้าชุ่ยชี จากนั้นได้ยินเสียงร้องไห้ดังลั่นในห้อง
หานชิงเข้าห้องไปดู ไซว่วั่งลงไปชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ สองเท้าเตะถีบขาโต๊ะขาเก้าอี้ขาเตียงเสียงดังตึงตัง เด็กคนนี้เป็นบ้าไปแล้ว ถึงกับไม่รู้จักเจ็บจักปวด
หานชิงเข้าไปอุ้มไซว่วั่งขึ้นมา ถามอย่างร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรไป”
ไซว่วั่งกรีดร้อง “ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าจะหาท่านแม่”
สวรรค์ ประโยคเดิมๆ อีกแล้ว
หากไม่ใช่หานชิงฝึกฝนร่างกายอย่างหนักหลายปีจนหอกดาบแทงไม่เข้า คราวนี้ต้องน้ำตาตกเป็นสายฝนแน่ โอ้สวรรค์ เด็กคนนี้ไฉนน่ากลัวปานนี้
ยังน่าเวทนาออกปานนั้น พาให้ตัดใจทิ้งขว้างไม่ลง
หากทิ้งเด็กคนนี้ไว้ตรงนั้นไม่ไปสนใจ ปล่อยให้เขาสงบลงเองจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าตัวเล็กจะค่อยๆ เงียบไปเองกระมัง จะเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งและรู้ความ จะเงยหน้าขึ้นสังเกตสีหน้าของผู้ใหญ่กระมัง?
แต่ไม่ทราบเพราะอะไร คิดถึงว่าเจ้าตัวน้อยที่เหมือนลูกลาตัวหนึ่งนี้นั่งนิ่งๆ อยู่ข้างกายมารดา ใจของหานชิงก็ราวมีดเฉือน เขาไม่สามารถปล่อยปละละเลยเจ้าตัวเล็กนี่
ไซว่วั่งกระโดดโลดเต้นในอ้อมแขนหานชิง หากไม่ใช่ประมุขหานท่านนี้มีพลังฝีมือแก่กล้าคงศีรษะหลุดลงพื้นนานแล้ว
ไซว่วั่งน้อยร้องหาท่านแม่พลางดิ้นพราดๆ ให้หลุดจากอ้อมแขนหานชิง พบว่าหานชิงกอดแน่นไม่ปล่อย ความหวังของเขาหมดหนทางเป็นจริง เจ้าตัวเล็กก็เริ่มทุบตี เงื้อกำปั้นเล็กๆ ทุบหน้าหานชิงตลอดเวลา
หานชิงโดนไม้นี้เข้าไป หวิดพลั้งมือโยนไซว่วั่งลงพื้น ไซว่วั่งตกใจรีบกอดหานชิงไว้แน่น หานชิงฉวยโอกาสนี้โอบรัดเจ้าตัวเล็กแนบอกเพื่อลดทอนแรงดิ้นของเขา ทำอย่างนี้ควบคุมง่ายกว่า
ไซว่วั่งดิ้นอยู่หลายทียังดิ้นไม่หลุด โกรธจนหน้าแดง ยามนั้นไม่รอช้าก้มหน้าลงไปกัดหัวไหล่หานชิง
หานชิงยิ้มขื่น เจ็บเป็นบ้า พิจารณาจากอายุของเจ้าตัวเล็กนี่ เขากัดแรงใช้ได้เลย
หานชิงไม่ได้คลายมือ ไซว่วั่งก็ไม่คลายปาก สองคนคุมเชิงกันอยู่พักหนึ่ง หานชิงตบหลังเจ้าตัวเล็กเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร แค่ตบเบาๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกสยบความตื่นกลัวและความโกรธเกรี้ยวของไซว่วั่ง
ไซว่วั่งเมื่อยฟันแล้ว เขาอ้าปากในที่สุด ยืดตัวขึ้นนิดหนึ่งมองรอยเลือดสีแดงอ่อนบนหัวไหล่หานชิง เป็นเลือดกับน้ำลายของไซว่วั่ง
เด็กสี่ขวบก็ทราบว่าเลือดออกคือเรื่องใหญ่ แตกต่างจากการบาดเจ็บทั่วไป ไซว่วั่งสงบนิ่งลงและทราบว่าตัวเองก่อเรื่องแล้ว เพลิงโมหะของเขามอดดับ รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาแล้ว
หวั่นใจว่าท่านอาหานที่กอดเขาไว้แน่นนี้จะปล่อยมือแล้วจากไป
ไม่ว่าเขาคร่ำครวญหวนไห้เช่นไรท่านแม่ก็ไม่กลับมา เมื่อก่อนนี้พอเขาร้องไห้ท่านแม่จะวิ่งมาหาทันที ถ้าท่านแม่ไม่มาเขาก็จะร้องดังกว่าเดิม อย่างไรต้องมีคนไปตามท่านแม่มาจนได้ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ร้องอย่างไร ร้องดังแค่ไหน ร้องนานเท่าไร ท่านแม่ก็จะไม่มาแล้วหรือ
และวันหนึ่งวันใดท่านอาหานคนนี้ก็จะไม่กลับมาเหมือนกันใช่หรือไม่
ไซว่วั่งมองรอยกัดนั้นอย่างเศร้าสร้อยและเงียบงัน จากนั้นทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหน้าแล้วแอบมองหานชิง อยากรู้ว่าท่านอาหานชิงเห็นรอยกัดหรือไม่
หานชิงยิ้มๆ
เจ้า…เจ้าเด็กที่ทำให้เขาพูดไม่ออกคนนี้!
หานชิงดึงมือไซว่วั่งออกเบาๆ “ต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีก”
ไซว่วั่งจ้องตาหานชิงนานมาก คล้ายต้องการมองจิตวิญญาณของหานชิงให้ชัดแจ้งจากในดวงตาคู่นี้ และคล้ายต้องการจดจำดวงตาคู่นี้ถึงส่วนลึกจิตวิญญาณ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตาคู่นี้จะมาแทนที่ดวงตาซึ่งเปี่ยมความโอบอ้อมอารีคู่นั้นมองดูเขาเติบใหญ่
ไซว่วั่งกอดคอหานชิงเบาๆ อีกครั้ง ศีรษะน้อยๆ ซุกไซ้บนบ่าหานชิง เสาะหารังที่อบอุ่นปลอดภัย วางความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งหมดของเขาลงไป
ไซว่วั่งหลับตาขณะเอ่ยเสียงแผ่ว “ท่านอาหาน ข้าฝันเห็นท่านแม่ห้อยอยู่บนต้นไม้ น่ากลัวมาก ข้าตกใจแทบแย่ ท่านอาหาน ท่านปลุกท่านแม่ข้าที ข้านอนตื่นแล้ว อยากเล่นกับท่านแม่”
หานชิงเคืองจมูกเล็กน้อย
ไม่เคยรู้สึกแสบเคืองจมูกเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
เขาอุ้มไซว่วั่งไว้ เงียบงัน
ซือซือ เจ้าตัดใจจากไปได้อย่างไร
บางทีการมีชีวิตอยู่คงขมขื่นเกินไปสำหรับซือซือกระมัง