Monday
ตอนเที่ยงวันไซว่วั่งตื่นนอนในที่สุด เขาสะลึมสะลืออยู่พักหนึ่งก่อนลุกขึ้นนั่งช้าๆ จำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้รางๆ เขานิ่งอึ้ง
ชุ่ยชีเห็นเขาตื่นแล้วก็ไม่กล้าชักช้า หมุนกายวิ่งถึงในลาน กระอึกกระอักร้องเรียกหานชิง “ท่าน ท่านประมุข เร็วเข้า เขาๆๆ ตื่นอีกแล้ว”
หานชิงทั้งฉุนทั้งขำ แม่สาวน้อยนี่ เห็นไซว่วั่งเป็นสัตว์ประหลาดกินคนหรือไร
หานชิงเดินเข้าประตู พบว่าไซว่วั่งนิ่งมาก เหวยไซว่วั่งที่สงบนิ่งเช่นนี้ ไม่ชินเลยจริงๆ
พอเหวยไซว่วั่งที่ผิดปกติวิสัยเห็นหานชิงก็คลี่ยิ้มน่าเอ็นดูอย่างผิดปกติวิสัยทันที “ท่านอาหาน”
หานชิงพบว่าตัวเองเหมือนกับชุ่ยชี คือรู้สึกตื่นตะลึง เขาเดินไปนั่งยองๆ เบื้องหน้าไซว่วั่ง “เรื่องอะไร”
ไซว่วั่งเสียงแหบเล็กน้อย น่าสงสารและน่าเอ็นดูอยู่ในที เขาใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ต่างจากเด็กน้อยและใช้ท่าทีเยือกเย็นที่ต่างจากเด็กน้อย เอ่ยถามหานชิง “ท่านแม่ข้าตายแล้วใช่หรือไม่”
หานชิงเงียบงันครู่หนึ่ง สุดท้ายตอบว่า “ใช่”
ไซว่วั่งถาม “นางจะไม่กลับมา จะไม่เล่นกับข้า จะไม่อุ้มข้า จะไม่กล่อมข้านอนอีกแล้ว?”
หานชิงต้องข่มกลั้นสุดฤทธิ์ไม่ให้ขอบตาแดง เขาพยักหน้า “ใช่”
ไซว่วั่งถาม “นางไม่ต้องการข้าแล้วหรือ”
หานชิงบอก “ไม่ๆ นางไม่ใช่ไม่ต้องการเจ้า ไซว่วั่ง คนทุกคนล้วนมีเรื่องต้องทำ ต่อให้นางตัดใจจากเจ้าไม่ได้ แต่ก็จำต้องจากไป”
ไซว่วั่งตะเบ็ง “ท่านพูดเหลวไหล! คนอื่นตายแล้วอาจไม่กลับมา ท่านแม่ข้าจะไม่กลับมาได้อย่างไร นางไม่กลับมาใครจะใส่เสื้อผ้าให้ข้า” ไซว่วั่งกระตุกเสื้อผ้าตัวเอง พูดโกรธเกรี้ยว “ท่านแม่บอกว่าใส่เสื้อผ้าชุดนี้นอนไม่ได้ ข้าไม่ต้องการท่าน ข้าต้องการท่านแม่”
ได้เวลากระจองอแงประจำวันแล้ว
หานชิงถอนหายใจ อุ้มไซว่วั่งขึ้นมา ปากก็ปลอบโยน “ได้ๆๆ ต่อไปท่านอาหานจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้า ไม่ใส่ชุดนี้นอน พวกเราแก้ผ้านอน”
ไซว่วั่งร้องไห้จ้า “ไม่ถูก ต้องใส่ชุดนอน ท่านพูดผิด พูดผิด ข้าจะหาท่านแม่ ข้าจะหาท่านแม่”
หานชิงรู้สึกในหัวตัวเองมีโรงงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง โรงงานแห่งนี้ถูกเสียงร้องไห้ฮือๆ ของไซว่วั่งกดปุ่มเปิดเครื่องจักร เริ่มส่งเสียงโป๊กๆ ดังลั่นจนหานชิงไม่สามารถขบคิดพิจารณา หานชิงถอนหายใจ นี่เป็นการทารุณกรรมหรือ พวกแม่ๆ ทั้งหลายทำอย่างไรถึงหยุดเสียงกรีดร้องนี้ได้ หานชิงมีวิธีเดียวคืออุ้มไซว่วั่งขึ้นมาแล้วยกมือตบหลังเขาเบาๆ
ยังดีที่พลังงานของเจ้าตัวเล็กนี่ถูกเผาผลาญไปพอสมควรแล้วเมื่อคืนนี้ ไม่นานเท่าไรเหวยไซว่วั่งก็เหนื่อยหอบ ซุกกายสะอึกสะอื้นอยู่บนตัวหานชิง
หานชิงอุ้มเหวยไซว่วั่งเดินไปเดินมาอยู่ในลานรอบแล้วรอบเล่า โอดครวญในใจครั้งแล้วครั้งเล่า ‘ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าจะส่งเจ้าเด็กน่าชังนี่ไปให้คนอื่นเลี้ยง’
“ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าจะหาท่านแม่” ไซว่วั่งสวดท่องวนเวียนอยู่อย่างนั้น แต่แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าหัวไหล่ของหานชิงอุ่นสบายและปลอดภัย เขาเริ่มซุกหัวเข้าในอ้อมแขนหานชิง เมื่อค้นหาซอกมุมที่แสนสบายเจอ คนก็จะสงบลง อย่างไรก็เป็นแค่เด็กน้อย เริ่มเหลียวมองรอบกายแล้วเรียกร้อง “ข้าอยากได้แมลงนั่น ข้าจะเอาผีเสื้อนั่น ข้าจะเอานกตัวนั้น”
แต่ละข้อเรียกร้องได้รับการตอบสนอง ไซว่วั่งน้อยพึงพอใจมาก หนอนสีเขียวใส่ในกระเป๋า ในมือคีบผีเสื้อ นกวางไว้ในกรง จากนั้นเขากอดคอหานชิงแล้วจูบแก้ม
ปากเล็กๆ นิ่มๆ หานชิงยิ้มแล้ว ส่วนอ่อนนุ่มที่สุดของหัวใจจู่ๆ สัมผัสถึงความสุขชนิดหนึ่ง นั่นเป็นความสุขซึ่งหน้าที่การงานและบารมีอำนาจกระทั่งมิตรสหายไม่สามารถมอบให้ได้ เขามองแววตาของไซว่วั่ง เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลอ่อนโยน
ประมุขหานถึงกับไม่ได้ส่งเจ้าเด็กจอมซนคนนั้นไปให้คนอื่น เขาเคยตกปากรับคำ เขาลั่นวาจาหลังดื่มสามจอก หนึ่งคำสัญญามีค่าดุจทองพันชั่ง เขาบอกจะดูแลไซว่วั่งน้อย เขาก็ดูแลไซว่วั่งน้อยจริงๆ
วันนั้นฝนตกพรำๆ คือวันที่ฝังศพซือซือ
ไซว่วั่งสวมชุดไว้ทุกข์ เขาแสดงความคิดเห็นว่า “ข้าไม่ชอบเสื้อผ้าชุดนี้ มันไม่สวย” แต่เสื้อผ้าชุดใหม่ก็คือเสื้อผ้าชุดใหม่ เขากลับไม่ปฏิเสธที่จะใส่เสื้อผ้าชุดนี้เล่นสนุก
ตอนหานชิงผลัดเปลี่ยนเป็นชุดขาว ไซว่วั่งก็วิ่งหายไปไม่เห็นเงาแล้ว
ชุ่ยชีตามหาจนกลุ้มใจสุดแสน “ท่านประมุข ข้าหาเขาไม่เจอจริงๆ ที่ไหนก็ไม่เห็นเลย”
หานชิงออกไปเดินหาแถวลานสวนรอบหนึ่งก็ไม่เห็นแม้เงา
…..
ไซว่วั่งขุดรังมดอยู่ใต้ต้นไม้ มองดูจุดดำเล็กๆ เดินพล่านไปทั่ว ถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก
บนต้นไม้มีเสียงคนพูด “ทีนี้ก็ฉี่รดพวกมันให้ตาย”
ไซว่วั่งแหงนคอมอง เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนต้นไม้ เขาอดถามมิได้ “ท่านนั่งตรงนั้นทำอะไร”
“ข้ามาหาคนผู้หนึ่ง” คนบนต้นไม้บอก
“ท่านหาใคร” ไซว่วั่งถาม
“ข้าหาซือซือ” คนผู้นั้นว่า
ไซว่วั่งเงียบไปครู่หนึ่ง พูดว่า “นางตายแล้ว”
คนผู้นั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง “ข้ารู้”
ไซว่วั่งกลอกตาค้อน “ท่านรู้แล้วยังมาหาอีก แม่ข้าตายแล้ว ไม่ไยดีแม้แต่ข้า ท่านยังหา”
คนผู้นั้นหัวเราะ “พูดอย่างนี้ งั้นเจ้ากับข้าก็คือคนที่ถูกนางทิ้งแล้ว”
ไซว่วั่งเงียบงัน ก้มหน้าเล่นมดต่อ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงพูดขึ้นว่า “ข้าโกรธนาง ข้าเกลียดนาง”
“เพราะอะไร” เสียงบนต้นไม้ถาม
“นางยังไม่สนใจข้าเลย ข้าก็ไม่อยากพูดลาก่อนกับนางเหมือนกัน” ไซว่วั่งบอก
บนรังมดจู่ๆ ฝนตกเป็นสาย มีมดเคราะห์ร้ายหลายตัวถูกน้ำท่วมตายทั้งเป็น
คนบนต้นไม้เอ่ยเสียงค่อย “ไม่ต้องร้อง ไซว่วั่งน้อย ไปกับข้าดีหรือไม่”
ไซว่วั่งเตะกองดินบนพื้นกระจุย ตะโกนดังลั่น “ไม่ดี ข้าไม่รู้จักท่าน ข้ามีท่านอาหาน!”
คนบนต้นไม้หัวเราะเบาๆ “เฮอะ ท่านอาหานของเจ้า เขาดีกับเจ้าหรือ”
ไซว่วั่งไม่ตอบ
คนบนต้นไม้พูดยิ้มๆ “ไซว่วั่ง เรียกท่านพ่อ”
เหวยไซว่วั่งตวัดเสียง “ข้าคือบิดาเจ้า!”
จากนั้นหมุนตัววิ่งปรูด
นกกระจอกหลายตัวในป่ากระพือปีกบิน เหลิ่งอู้หันหน้ามาพูดกับเหลิ่งเซียน “ฟังว่านั่นคือลูกชายข้า แสบสันไหมเล่า?”
เหลิ่งเซียนอมยิ้ม “เหมือนเจ้ามาก”
เหลิ่งอู้ยิ้ม “เขาไหนเลยรูปหล่อเท่าข้า”
เหลิ่งเซียนหัวเราะ
…..
ฝนโปรยถี่ยิบ เหวยไซว่วั่งอยู่ในป่าเห็นขบวนส่งศพเคลื่อนผ่านแต่ไกล ถึงแม้ซือซือเป็นเพียงสตรีที่ไม่เป็นวิทยายุทธ์คนหนึ่ง แต่ในเมื่อประมุขปรากฏตัวในพิธีศพ ใครก็ตามที่เคยได้ยินชื่อซือซือคนนี้ล้วนมาร่วมงาน พิธีศพกลับไม่เงียบเหงาสักเท่าไร
แต่เหวยสิงและเหวยไซว่วั่งไม่อยู่ทั้งคู่
หานชิงรู้สึกกลุ้มเล็กน้อย ตะคอกสั่งคนของบ้านสกุลเหลิ่งเบาๆ “หาเด็กคนนั้นให้เจอ!”
ท่านประมุขมีบัญชา ย่อมต้องออกค้นหาเป็นการใหญ่
ครู่เดียวคนของบ้านสกุลเหลิ่งก็อุ้มเหวยไซว่วั่งที่ทั้งต่อยทั้งเตะกลับมาด้วยสีหน้าขมขื่น
พอวางลงพื้น ไซว่วั่งน้อยก็หมุนตัวชักเท้าวิ่งทันที คนของบ้านสกุลเหลิ่งที่เหงื่อแตกเต็มหน้ารีบฉุดเขาไว้ พูดเสียงระอา “ท่านประมุข ท่านดูเด็กคนนี้”
หานชิงตวาดเบาๆ “ไซว่วั่ง!”
ไซว่วั่งเหลียวหน้าไป นัยน์ตาฉ่ำน้ำ เพราะอะไร สายฝนทำให้ผมของเขาแนบติดผิวแก้ม บนหน้าเด็กน้อยตัวเล็กๆ คนนั้นถึงกับมีอารมณ์อันเศร้าหมองชนิดหนึ่ง หานชิงถอนหายใจ เด็กน้อยที่น่าสงสาร ถูกตามใจจนเคยตัว จงค่อยๆ เคยชินเถอะ
เขายื่นมือ “มา ท่านอาอุ้ม”
ไซว่วั่งสองจิตสองใจ ใจหนึ่งไม่ชอบเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ ใจหนึ่งก็ปรารถนาอ้อมกอดอันอบอุ่น รีๆ รอๆ ได้ครู่หนึ่งก็อ้าแขนโผเข้าอ้อมอกหานชิงในที่สุด ซุกอยู่ในอกหานชิงอย่างสงบเสงี่ยม
ผ่านไปสักพักไซว่วั่งพูดว่า “ข้าอยู่ในป่าเจอท่านอาคนหนึ่ง เขาก็มาหาท่านแม่ข้า”
หานชิงงุนงง
“เขาบอกว่าท่านแม่ไม่ต้องการพวกเราสองคนแล้ว” ไซว่วั่งพูด
หานชิงอึ้งงัน ใครกัน ไฉนพูดอย่างนี้กับเด็ก
อ๊ะ คนผู้นั้นเอง! รู้ข่าวไวดีจริง ดูท่านอกจากหรูหลันแล้ว คนผู้นี้ยังมีหูตาอยู่ในบ้านสกุลเหลิ่งด้วย หานชิงหันหน้าไป “แจ้งอาจารย์ข้า เหลิ่งอู้มาแล้ว”
หานชิงตรวจดูเนื้อตัวไซว่วั่ง “เจ้ารับบาดเจ็บหรือไม่ คนผู้นั้นทำร้ายเจ้าหรือเปล่า”
ไซว่วั่งสั่นหน้า
หานชิงเพิ่งนึกขึ้นได้ครั้งแรกในช่วงหลายวันนี้ : สวรรค์ ที่เขาอุ้มอยู่เป็นลูกศัตรูนี่นา หานชิงยิ้มขื่น ข้าเสียสติไปแล้วหรือ แต่เด็กคนนี้ซบอกเขาอย่างสนิทใจ หานชิงยิ้มเจื่อนพลางกอดแน่นขึ้น ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นลูกของซือซือ
ไซว่วั่งพิงซบบนร่างหานชิง แสดงความคิดเห็นกับทุกเรื่องตราบจนเห็นโลงศพ “นั่นคืออะไร”
หานชิงเงียบ
แต่เหวยไซว่วั่งรู้ว่านั่นคืออะไร เขายืดตัวขึ้น แผ่นหลังเหยียดตรง ประจันหน้ากับหานชิง และจ้องตา “แม่ข้าอยู่ในนั้นหรือไม่”
หานชิงนิ่งเงียบนานมากค่อยพยักหน้า
เหวยไซว่วั่งซบหน้ากลับไปที่บ่าหานชิง ผ่านไปครู่หนึ่ง ใช้เสียงแผ่วเบาขอร้อง “ข้าอยากไปดู”
หานชิงกอดกระชับ “ไซว่วั่ง ก็ได้”
มีเสียงดังขึ้นข้างหลังหานชิง “ข้าพาเขาไปเอง!”
หานชิงหันหน้ามา เห็นเป็นเหวยสิงก็พยักหน้า “ได้” เขายังคงมาแล้ว
เหวยสิงขมวดคิ้ว ตวาดเสียงค่อย “ลงมาเดินเอง”
ไซว่วั่งแม้เจอคนผู้นี้ไม่บ่อย แต่ซือซือเคยชี้ให้ดูหลายหน ‘คนผู้นี้คือพ่อเจ้า’ แม้พ่อเขาค่อนข้างลึกลับ ไม่ค่อยกลับบ้านและไม่เคยคุยด้วย แต่เหวยไซว่วั่งรู้ว่าคนผู้นี้คือพ่อของเขา แต่เขาไม่ชอบคนผู้นี้
ไซว่วั่งยืนอยู่บนพื้น ยังจับมือหานชิงเช่นเดิม พูดเสียงใส “ข้าไม่ชอบเขา ท่านอาหาน ท่านพาข้าไป”
ขนคิ้วของเหวยสิงตั้งชันแล้ว หานชิงรีบบอก “อย่าทะเลาะกันต่อหน้าโลงศพซือซือ พวกเราไปด้วยกัน”
ดีที่เหวยไซว่วั่งก็ทราบว่าไม่อาจทะเลาะวิวาทกับสองคนนี้ ท่านแม่เห็นเข้าจะไม่พอใจ เขาฉุดมือหานชิง เดินหน้าพร้อมกับเหวยสิง ไปบอกลาซือซือ
กระโจมตั้งศพเงียบมาก ไม่มีใครร้องไห้และไม่มีใครสนทนา เริ่มแรกยังมีคนโอภาปราศรัยบ้าง ครั้นเหวยสิงมาทุกคนก็ไม่กล้าพูดและไม่กล้าขยับ
เงียบกริบ
ขณะปิดฝาโลง เสียงโป๊กๆ ที่ตอกบนหีบศพคล้ายเคาะตีถึงใจคน
พลันเสียงร้องลั่นปานฟ้าผ่า “อย่าตอกตะปู”
หานชิงสะดุ้งเฮือก กดเหวยไซว่วั่งที่กำลังจะโถมเข้าไป “ไซว่วั่ง เรื่องอะไร บอกอา เรื่องอะไร”
ไซว่วั่งเหมือนลูกสัตว์ได้รับบาดเจ็บดิ้นเร่าๆ จะถลาไปที่โลงศพ “อย่าตอกตะปู เดี๋ยวท่านแม่ออกมาไม่ได้”
หานชิงสะอึกวูบ หวิดหลั่งน้ำตาออกมา ได้แต่เรียกชื่อซ้ำๆ “ไซว่วั่งๆๆ”
ไซว่วั่งกลับเหมือนเสียสติ ทั้งร้องทั้งดิ้นจะเข้าไปห้าม
หานชิงจำใจตะคอก “เหวยไซว่วั่ง!”
เสียงดังมาก ไซว่วั่งตกใจสะดุ้งแล้วนิ่งงัน หานชิงนั่งยองๆ ตรงหน้าไซว่วั่ง บอกเขาว่า “ไซว่วั่ง ท่านแม่ตายไปแล้ว ไม่กลับมาอีกแล้ว”
ไซว่วั่งนิ่งอึ้ง “ไม่ คนอื่นตายอาจจะไม่กลับมา แม่ข้าจะไม่กลับมาได้ยังไง นางจะกลับมาแน่นอน นางต้องกลับมาดูข้า”
“นางจะไม่กลับมาอีกแล้ว” หานชิงบอก
ไซว่วั่งตวาด “ท่านโกหก คนชั่ว ท่านไปให้พ้น”
หานชิงตะคอกอย่างเหลืออด “ไซว่วั่ง ท่านแม่ตายแล้ว ไม่มีใครตายแล้วฟื้น”
เหวยไซว่วั่งหมุนกายขวับ หน้าตาถมึงทึง มนุษย์ตัวน้อยใช้แรงทั้งหมดที่มีควงแขนเป็นวงแล้วตบหน้าหานชิงดังเพียะ
เสียงดังกังวานยิ่ง
สำหรับเด็กอายุสี่ขวบ ไซว่วั่งถือว่าแรงมากจริงๆ หนึ่งฉาดนี้ตบจนหานชิงเจ็บหน้าไปครึ่งแถบ หนำซ้ำอับอาย
ภายใต้สายตาธารกำนัล แม้แต่คนที่กำลังตอกฝาโลงยังตกตะลึง
เหวยไซว่วั่งตบหนึ่งฉาดนี้เสร็จ มือก็ชาจนสั่นระริก จากนั้นทราบว่าตัวเองเอาแต่ใจเกินไปแล้ว สายตาผู้ใหญ่มากมายหลายคู่มองมา เขาได้รับความตื่นตระหนกทั้งโกรธทั้งกลัว เนื้อตัวสั่นเทา ก้าวถอยหลังติดต่อกัน น้ำตาพรั่งพรูลงมา
เหวยสิงหมดความอดทนในที่สุด ใต้ฟ้าผืนนี้ถึงกับมีเด็กที่น่ารังเกียจเช่นนี้ เมื่อก่อนเขาแค่รังเกียจคนผู้นี้ซึ่งเกิดจากภรรยาของเขาและไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา ตอนนี้เขาเพิ่งทราบ ที่แท้นี่คือเด็กที่น่าชังคนหนึ่ง ใต้ฟ้าผืนนี้มีเด็กดีที่เห็นผู้ใหญ่ก็ตกใจจนไม่กล้าส่งเสียงอยู่เต็มไปหมด ไฉนถึงมีเด็กที่ใจกล้าถึงขั้นตบหน้าหานชิงด้วย
สำหรับเหวยสิงแล้ว การอบรมสั่งสอนคือเรื่องง่ายดายเรื่องหนึ่ง เขามีวิธีอบรมสั่งสอนที่สะดวกและรวบรัดอย่างยิ่งวิธีหนึ่ง ในเมื่อเขาเป็นบิดาในนามของเด็กคนนี้ เด็กน่ารังเกียจนี่ล่วงเกินผู้เป็นประมุข เขาย่อมต้องออกโรงสั่งสอน หนำซ้ำเหวยไซว่วั่งถอยหลังมาถึงตรงหน้าเขาพอดี ดังนั้นเหวยสิงไม่แม้แต่ใคร่ครวญก็ยกเท้าเตะก้นเหวยไซว่วั่งไปหนึ่งที
คงเพราะเหวยสิงไม่เคยเตะมนุษย์ตัวเท่านี้มาก่อน หลังเตะเสร็จเขาสำนึกได้ว่าเหมือนจะเตะแรงไปแล้ว
เหวยไซว่วั่งลอยหวือออกไปราวลูกหนัง หากไม่ใช่หานชิงตาไวรีบคว้าไซว่วั่งเอาไว้ น่ากลัวว่าคราวนี้เหวยไซว่วั่งจะฝันเป็นจริงได้เจอหน้าท่านแม่แล้ว
เหวยไซว่วั่งได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรงทางจิตใจเป็นอันดับแรก ตามด้วยได้รับความกระทบกระเทือนทางกายที่สาหัสยิ่งกว่า เขาอ้าปากตั้งท่าจะปล่อยโฮ แต่เขาเปล่งเสียงดังสนั่นที่เพียงพอแสดงถึงความเจ็บและความโกรธของตัวเองไม่ออก เขาอยากสูดหายใจ ทว่าโทสะและความสะเทือนใจทำให้เขาหมดปัญญาควบคุมตัวเอง เขาอยากดิ้นหนี ทว่าครึ่งล่างลำตัวกลับด้านชาไร้ความรู้สึก
เขาถลึงตา อ้าปากกว้าง สองมือหุบๆ กำๆ กลางอากาศ ส่งเสียงอึกอักในคอ ร่างแข็งเกร็งครู่หนึ่งแล้วหมดสติไป
หานชิงอุ้มเหวยไซว่วั่งที่สลบเหมือด ตอนแรกตื่นตระหนก ต่อมาทราบว่าไซว่วั่งแค่ได้รับความตกใจ เหวยสิงโหดแค่ไหนก็ไม่มีทางเตะลูกชายตายคาเท้าต่อหน้าฝูงชน แต่เห็นใบหน้าขาวซีดปนเศร้าของไซว่วั่ง มิตรภาพยี่สิบปีก็ไม่อาจยับยั้งโทสะของเขาได้ หานชิงแผดด่าเหวยสิงต่อหน้าผู้คนเป็นครั้งแรก
“เจ้าคนบัดซบ ไสหัวไปเดี๋ยวนี้”
บนหน้าเหวยสิงปรากฏแววตระหนกและสำนึกเสียใจ ถูกหานชิงด่าทอประโยคหนึ่ง พลันหน้าบูดบึ้ง หมุนกายจากไป
พิธีศพของซือซือผู้น่าสงสาร ปิดฉากลงด้วยความอลหม่าน