(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน ยุทธภพเหนือชะตา เล่ม 01

Monday

บทที่ 7 ฝึกลมปราณ

หานชิงมองไซว่วั่งอยู่ไกลๆ ตอนนี้เจ้าเด็กดื้อกำลังแกล้งชุ่ยชี แอบเอาหนอนเขียวตัวอ้วนใส่ในกระเป๋าเสื้อของชุ่ยชี

ไม่ทันไรหานชิงได้ยินเสียงหวีดร้องของชุ่ยชี และเสียงหัวเราะของเหวยไซว่วั่งที่เผ่นหนีไปไกลลิบแล้ว

เด็กคนนี้มีแววเป็นยอดฝีมือ

แน่นอน เขามีบิดาอย่างเหวยสิง ต่อให้สติปัญญาพื้นๆ ก็จะกลายเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน

แต่สติปัญญาของไซว่วั่งสามารถกลายเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือ

เมื่อคืนวาน หานชิงชมจันทร์อยู่ในลานกับไซว่วั่ง พูดให้ถูกต้องคือหานชิงชมจันทร์และเฝ้าดูไซว่วั่งไม่ให้ก่อเรื่อง ส่วนไซว่วั่งน้อยจับหิ่งห้อยและหัวทิ่มลงไปในหนองน้ำเล็กๆ จากนั้นถูกหานชิงงมขึ้นมาตีก้น 

“บอกแล้วว่าอย่าไปเล่นแถวริมน้ำ” 

“ท่านบอกว่าห้ามไปเล่นริมน้ำคนเดียว พวกเราตอนนี้ไม่ใช่สองคนหรือ” ไซว่วั่งเถียงกลับด้วยความโกรธจัด 

หานชิงโมโหแทบลมจับ

ยามนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นแล้ว หานชิงไม่อยากให้เหวยไซว่วั่งเป็นหวัด เพราะเด็กที่ล้มป่วยคนหนึ่งจะกวนเขาทั้งวัน ในเมื่อไซว่วั่งสามารถเรียนวิทยายุทธ์ได้แล้ว หานชิงอยากอาศัยโอกาสนี้สอนไซว่วั่งฝึกปรับลมหายใจหล่อเลี้ยงลมปราณ ดังนั้นไม่ได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ให้เจ้าตัวเล็กนั่งอยู่ริมน้ำ มือข้างหนึ่งวางเหนือศีรษะไซว่วั่ง 

“ไซว่วั่ง ข้าจะสอนเจ้าโคจรลมปราณขจัดไอเย็น เจ้ารู้สึกเหนือศีรษะร้อนขึ้นเล็กน้อยหรือไม่ ชักนำไอร้อนสายนี้ลงไป จำไว้ด้วยว่าไอร้อนสายนี้ไหลเคลื่อนอยู่ในร่างกายอย่างไร ต่อไปเจ้าต้องฝึกอย่างนี้ทุกวัน”

ตอนแรกไซว่วั่งยังรู้สึกสนุก ต่อมาเริ่มแจ่มแจ้ง สมองปลอดโปร่งจิตใจผ่อนคลาย คนก็รู้สึกสุขสงบ ระยะนี้เจ้าตัวเล็กแม้เป็นเด็กซุกซน กลับมีสติปัญญาเฉียบแหลม ความเจ็บปวดของการสูญเสียมารดาสร้างบาดแผลขนาดใหญ่ในใจเขา เขาไม่พูด เขาหัวเราะเริงร่า ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวดในใจส่วนลึกได้ แต่วันนี้ไอร้อนสายนี้หมุนเวียนอยู่ในกาย เจ้าตัวเล็กค่อยๆ รู้สึกสุขสงบ ความรู้สึกนี้ช่างวิเศษและอิ่มเอิบเหลือเกิน ส่งผลให้ไซว่วั่งถึงกับนั่งนิ่งๆ นานถึงครึ่งชั่วยาม* (ชั่วยาม : หน่วยวัดเวลาของจีนโบราณ 1ชั่วยามเท่ากับ2ชั่วโมง)

ส่วนหานชิงที่ช่วยเขาโคจรลมปราณกลับอัศจรรย์ใจจนตะลึงลาน

เหวยไซว่วั่งจิตใจแน่วนิ่ง เข้าสู่สมาธิอย่างว่องไว นี่ยังอยู่ในขอบเขตปกติอีกด้วย แต่เส้นลมปราณเริ่นตู*สองเส้นแทบไม่มีความติดขัด คนปกติทั่วไปต้องใช้เวลาหลายวันหลายเดือนถึงสามารถทะลวงเส้นลมปราณทั้งสองเส้นนี้ เหวยไซว่วั่งแค่ครึ่งชั่วยามก็โคจรได้อย่างราบรื่นแล้ว หานชิงไม่กล้าเร่งรัด ค่อยๆ ช่วยไซว่วั่งยุติการโคจรลมปราณ

(เส้นลมปราณเริ่น มีวิถีการไหลเวียนอยู่ตลอดแนวเส้นกลางลำตัวด้านหน้า ครอบคลุมท้อง อก คอจนถึงคาง)

(เส้นลมปราณตู มีวิถีการไหลเวียนหลักอยู่ตลอดแนวเส้นกลางลำตัวด้านหลังและศีรษะ)

จากนั้นหานชิงก็เงียบงันแล้ว

ไซว่วั่งดีใจจนกระโดดขึ้นมา “ท่านอาหาน นี่คือวิชาอะไร ข้าชอบ”

หานชิงตบไหล่ไซว่วั่ง “ฝึกทุกวัน จำไว้”

ไซว่วั่งผงกศีรษะ ชั่วครู่ให้หลัง เขาบอก “เสื้อผ้าข้าแห้งแล้ว”

หานชิงพยักหน้า “บริเวณที่ลมปราณเคลื่อนผ่านจะแผ่กระจายพลังงานความร้อนอบเสื้อผ้าจนแห้ง”

“ข้าชอบอันนี้ ฝึกเสร็จแล้วดูเหมือนเรื่องเศร้าใจก็หายไปหมด” ไซว่วั่งบอก

หานชิงแปลกใจ “เรื่องเศร้าใจ? ไซว่วั่ง เจ้ามีเรื่องเศร้าใจหรือ”

ไซว่วั่งกลอกตาค้อนเขาวงหนึ่ง ไม่ตอบ

หานชิงก็กระจ่างแจ้ง เฮอะ ก็ใช่ ไซว่วั่งย่อมมีเรื่องเศร้าใจ

ตั้งแต่นั้นหานชิงก็ขบคิดมาตลอด : นี่มันหยกงามชิ้นหนึ่งโดยแท้

เขาจุดประกายความคิดที่จะรับไซว่วั่งเป็นศิษย์

เหล็กดำที่พันปีจะเจอสักชิ้นนี้สามารถนำมาสร้างกานเจียงโม่เหยี่ย* แต่ช่างตีกระบี่จะสร้างกานเจียงโม่เหยี่ย ย่อมต้องพิจารณาว่าเขาจะเอาอาวุธเช่นนี้วางไว้ในมือผู้ใด

(กานเจียงโม่เหยี่ย : คือกระบี่โด่งดังสองเล่มซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของช่างตีกระบี่สองสามีภรรยา แบ่งเป็นกระบี่กานเจียงและกระบี่โม่เหยี่ย)

หานชิงมองเด็กน้อยที่หัวเราะทะเล้น เขารักเด็กคนนี้ แต่ไม่ได้หมายถึงนี่คือเด็กดีคนหนึ่ง

เหวยไซว่วั่งไม่ใช่เด็กอ่อนโยนและใสซื่อ

เขาปฏิบัติต่อมารดาตัวเองก็เป็นเช่นนี้ ท่านทิ้งข้า ข้าปัสสาวะรดให้ท่านโมโหตาย วิธีแสดงความรักของไซว่วั่งทำให้หานชิงนึกถึงคนผู้นั้น ทั้งคู่ต่างไม่ถนัดใช้วิธีปกติหรือวิธีที่ผู้อื่นสามารถเข้าใจมาแสดงออกถึงความรักและความคนึงหา 

ท่านเข้าใจ ท่านจะรู้สึกซาบซึ้ง ท่านไม่เข้าใจ ท่านจะรู้สึกเขาเป็นตัวประหลาด ตัวประหลาดเช่นนี้เหมาะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขในอนาคตหรือไม่ ตำแหน่งประมุขนี้ไม่ใช่เขาเป็นคนเลือก แม้เขาเลือกใครเป็นศิษย์ ความเป็นไปได้ที่คนผู้นี้จะได้เป็นประมุขค่อนข้างสูงก็ตาม แต่มิได้หมายถึงศิษย์ของเขาจะต้องกลายเป็นประมุข หากศิษย์ของเขาไม่เป็นที่ยอมรับของบ้านสกุลเหลิ่ง หานชิงถอนหายใจ นั่นจะเป็นปัญหาที่ค่อนข้างยุ่งยากประการหนึ่ง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไซว่วั่งยังมีชาติกำเนิดที่มิอาจเอ่ยถึง เว้นแต่ภายหน้าไซว่วั่งจะอาศัยความสามารถและวิธีการอันหักหาญของตนเองทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเอ่ยถึงชาติกำเนิดของเขา ไม่เช่นนั้นอ่อนแอนิดหน่อยก็จะถูกคนบ้านสกุลเหลิ่งกีดกันไว้นอกประตูด้วยเหตุผลที่ว่าบุตรชายของเหลิ่งอู้ไม่อาจเข้าอยู่อาศัย

อารมณ์ของเขาผีเข้าผีออกปานนี้ นิสัยของเขาจองหองอวดดีปานนี้ เขาชอบหัวเราะเยาะและกลั่นแกล้งผู้อื่น เขาพูดจาหยาบคายไร้มารยาท 

หานชิงถามใจตัวเอง ‘เพราะอะไรข้าถึงชอบเด็กคนนี้’ ไม่ ไม่ใช่ชอบ เขาไม่ได้ชอบ เขารักเด็กคนนี้เหมือนพ่อรักลูกอย่างไรอย่างนั้น หานชิงยิ้มขื่น หากพิจารณาเด็กคนนี้ด้วยสายตาของคนนอก เด็กพรรค์นี้อย่างไรก็ไม่มีทางกลายเป็นลูกศิษย์ของประมุขหาน 

หานชิงลองวิจารณ์เหวยไซว่วั่งด้วยใจเป็นกลาง เขาประจักษ์แก่ใจเหวยไซว่วั่งมีคุณลักษณะที่หาได้ยาก และเผอิญคุณลักษณะเช่นนี้เองทำให้เขาหลงรัก เด็กคนนี้จริงใจไม่เสแสร้ง แต่ความจริงใจของเด็กคนหนึ่งสามารถรักษาไว้ได้ถึงตอนโตหรือไม่ หานชิงรู้สึกว่านั่นไม่ใช่เหตุผลของการเลือกไซว่วั่งเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุข เขาถามใจตัวเอง ‘เป็นเพราะข้ารักเด็กคนนี้ ดังนั้นไม่สามารถวิจารณ์เขาด้วยใจเป็นกลางใช่หรือไม่ ข้าลำเอียงเข้าข้างเขาใช่หรือไม่’ การคัดเลือกประมุขในอนาคตเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมาก หานชิงจำต้องตรึกตรองถี่ถ้วน

หานชิงถอนหายใจ

ดูไปก่อนแล้วกัน รอให้เด็กโตกว่านี้อีกหน่อยค่อยพิจารณาอีกที

ไม่รับเขาเป็นศิษย์ ไม่เท่ากับไม่สอนวิทยายุทธ์ให้เขา

ไซว่วั่งห้าขวบแล้ว หานชิงส่งคนไปถามเหวยสิง “บุตรชายท่านควรเริ่มฝึกยุทธ์แล้ว”

เหวยสิงตอบกลับมา “สุดแท้แต่ท่านประมุขเห็นควร อีกหนึ่งปีข้าน่าจะกลับไปได้”

วันนั้น หานชิงปลุกไซว่วั่งตื่นแต่เช้า ไซว่วั่งนอนขี้เซา ต้องโดนฝ่ามือฟาดก้นก่อนถึงตะกายลุกขึ้นเอาหัวซุกในอกหานชิง ถูกหานชิงดุด่ายกหนึ่งค่อยเดินเอ้อระเหยไปใส่เสื้อผ้า หานชิงก้มลงเก็บรองเท้าที่เขาเหวี่ยงทิ้งสะเปะสะปะบนพื้นมาวางคู่กัน ไซว่วั่งก็กระโจนขึ้นไปขี่หลังหานชิง หานชิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ศิษย์เยี่ยงนี้ไม่เคยพบเคยเห็น เหวยไซว่วั่งเจ้าตัวแสบไม่มีระเบียบสักนิด เขาคือเด็กน้อยที่ได้มาตรฐาน ใกล้ชิดกลับไม่เคารพ ห่างเหินกลับตัดพ้อ

กว่าหานชิงจะจับไซว่วั่งใส่รองเท้าและสั่งให้เขายืนดีๆ ก็ผ่านไปสามสิบนาทีแล้ว เห็นพระอาทิตย์ลอยสูง หานชิงเริ่มกังขานิดหน่อยว่าตัวเองสามารถทำหน้าที่อาจารย์ที่ดีได้หรือไม่

หานชิงพาไซว่วั่งไปสนามฝึกเล็ก กำชับกำชาตลอดทาง “ไซว่วั่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะสอนวิทยายุทธ์เจ้า แม้ข้าแค่สอนเจ้าแทนพ่อเจ้า พวกเราไม่มีฐานะเป็นศิษย์อาจารย์ แต่ตอนที่ข้าสอน เจ้าต้องตั้งใจฟัง ห้ามซนเหมือนที่ผ่านมา หาไม่ เจ้าเคยเห็นหวายที่แขวนอยู่บนสนามฝึกเล็กแล้ว!”

ไซว่วั่งฟังจบกลับไม่ได้ส่งเสียง หานชิงก้มหน้าดู เจ้าตัวเล็กทำหน้าฉุนๆ “เป็นอะไรไป”

ไซว่วั่งบอก “ข้าไม่ชอบเรียนวิทยายุทธ์บ้าบออะไรนั่น”

หานชิงหัวเราะ “เจ้าชอบเรียนอะไร เล่นสนุกทั้งชีวิต? ไม่ว่าใครก็ต้องเล่าเรียนวิชาความรู้ถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ทำไร่ทำนาทำการค้า เรียนตำราฝึกวิชายุทธ์ เจ้าชอบอะไร เกิดในบ้านสกุลเหลิ่ง ฝึกการต่อสู้จะเหมาะสมกว่า”

ไซว่วั่งกระตุกชายเสื้อหานชิง “เพราะอะไรท่านไม่เป็นอาจารย์ข้า”

หานชิงสะอึกวูบ นี่จะให้เขาอธิบายอย่างไรดี

ไซว่วั่งบอก “ข้าไม่ชอบเรียนกับเจ้าคนน่ารังเกียจนั่น ท่านอาหาน ท่านเป็นอาจารย์ข้าเถอะ”

หานชิงนิ่งเงียบ เด็กคนนี้ไม่ทราบว่าเรียนกับหานชิงหรือเรียนกับเหวยสิงมีอะไรแตกต่างกัน เขาก็แค่ชอบหานชิง 

หานชิงถอนหายใจ “ไซว่วั่ง คนน่ารังเกียจนั่นคือพ่อเจ้า เขาไม่อยู่ ข้าสอนเจ้า พ่อเจ้ากลับมา เจ้าต้องเรียนกับพ่อ”

ไซว่วั่งจู่ๆ กระตุกมือที่หานชิงจูงอยู่กลับไป “ข้าไม่เอา ข้าไม่เอา ข้าไม่เอา”

หานชิงมองเขาเงียบๆ ไซว่วั่งทั้งร้อนใจทั้งโมโห ค้นพบความอ่อนแอของตัวเองอีกครั้ง หลั่งน้ำตาท่ามกลางความนิ่งเงียบของหานชิง

มือของหานชิงวางบนบ่าไซว่วั่ง ถอนหายใจแล้วว่า “อย่าดื้อ ไซว่วั่ง เจ้าโตแล้ว ต้องเข้มแข็งหน่อย”

ไซว่วั่งอยากร้องไห้โฮๆ แสดงถึงความโกรธ แต่จากประสบการณ์ในอดีตทราบว่าหากหานชิงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นนี้ การร้องไห้ฟูมฟายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ดวงหน้าน้อยๆ ของเขาเริ่มสลดหดหู่กับอนาคตแล้ว

หานชิงมองใบหน้าที่หลั่งน้ำตาเงียบเชียบนั้น ความเชื่อมั่นในใจเริ่มสั่นคลอน รับศิษย์คนนี้ได้หรือไม่ อย่างมากต่อไปรับศิษย์อีกคน แต่จะบอกเหวยสิงอย่างไรว่าเขาจะรับเด็กคนนี้เป็นศิษย์ เพราะเหวยสิงไม่ได้อยู่บ้านตลอด แต่เขาตอบมาแล้วว่าหนึ่งปีให้หลังจะกลับมา แน่นอนท่านประมุขเอ่ยปากจะรับศิษย์ สำหรับคนบ้านสกุลเหลิ่งโดยทั่วไปแล้วคือเกียรติยศและอยากให้เป็นเช่นนั้นใจจะขาด แต่สำหรับเหวยสิงกลับแตกต่างออกไป ประการแรกวิทยายุทธ์ของเหวยสิงไม่ด้อยไปกว่าเขา ประการที่สองเขารู้ทั้งรู้เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเหวยสิง หลังจากเหวยสิงรับปากจะกลับมาถ่ายทอดวิทยายุทธ์ ถ้าเขารับเด็กคนนี้เป็นศิษย์จะทำให้เหวยสิงขุ่นเคืองใจกระมัง

หานชิงเงียบงัน

ไม่เพียงแต่เด็กคนหนึ่งที่อับจนปัญญากับวิกฤตของตัวเอง ผู้ใหญ่เองก็มีเรื่องมากมายที่อับจนปัญญาเช่นกัน

หนังสือแนะนำ All

Special Deal