(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน สู่ฝันที่มีฉันคุณโลมา เล่ม 1

Tuesday

บทที่ 2

ไม่ง่ายเลยกว่าจะทนมาจนถึงสุดสัปดาห์ได้
ตอนที่เซี่ยจื้อจะออกจากบ้านมานั้น
เขาถูกมารดาบังเกิดเกล้ารั้งตัวเอาไว้จริงๆ ตามที่คาดการณ์ไว้
“จะไปทำอะไร?” เฉินฟางหัวถามด้วยสายตาเย็นเยียบ
เซี่ยจื้อตัวสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตร
แต่เมื่ออยู่ในสายตาที่มารดาแหงนขึ้นมามอง กลับไม่มีมาดเหลืออยู่เลย
“ชิงเหม่ยบอกว่าจะช่วยติวฟิสิกส์ให้ผมสักหน่อย
ไม่อย่างนั้นสอบรายเดือนก็ต้องบ๊วยอีก”
“งั้นเหรอ?”
เฉินฟางหัวเหลือบมองกระเป๋าหนังสือของเซี่ยจื้อแวบหนึ่ง
เซี่ยจื้อปลดสายกระเป๋าหนังสือที่สะพายหลังโดยอัตโนมัติแล้วเปิดออก
ในนั้นเป็นตัวอย่างข้อสอบเกาเข่าปี N อะไรนี่จริงตามคาด
กระทั่งช่องในกระเป๋าก็ยังเปิดออกมาด้วย
ไม่มีอะไรแอบยัดไส้ไว้แม้แต่น้อย
“ไปเถอะ รีบไปรีบกลับ”
“ครับ”
เซี่ยจื้อเปิดประตูบ้านท่าทางนิ่งมาก เดินเข้าไปในลิฟต์
เสี้ยววินาทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง เขาก็แทบจะกระโดดโลดเต้น
ในที่สุดก็หนีออกมาจากค่ายกักกันได้สำเร็จแล้วโว้ย!
เฉินชิงเหม่ยก็สะพายกระเป๋าหนังสืออยู่เหมือนกัน
กำลังยืนรอเขาอยู่ที่หัวถนน
คำทักทายไต่ถามสารทุกข์สุกดิบสองคนนี้เว้นไปนานแล้ว
คร่อมตัวขึ้นรถจักรยานทันทีแล้วพุ่งตรงไปที่โรงแรมเป้าหมาย
“อาจื้อ นายว่าน้ำในสระว่ายน้ำโรงแรมจะเย็นมากไหมหา?”
“ไม่หรอก โดยทั่วไปก็อุณหภูมิคงที่หมด”
“ตอนนี้ก็ไม่ใช่หน้าร้อนด้วย คนว่ายน้ำก็น่าจะไม่มากเหมือนกัน
นายว่ายได้หนำใจแน่!” เฉินชิงเหม่ยขยิบตาให้

“พอทีเถอะ กลัวแต่ว่าสระจะยาวไม่ถึงยี่สิบห้าเมตร
แบบนั้นว่ายไปก็ไม่สนุกหรอก” เซี่ยจื้อตอบ
เฉินชิงเหม่ยถอนใจเฮือก “เฮ้อ…พูดกันว่าผู้หญิงเกิดจากน้ำ
นายชอบน้ำขนาดนั้น ทำไมทุกครั้งที่ผู้หญิงมาอ่อยนาย
นายถึงไม่เข้าใจนะ?”
“นายคนเดียวก็หาเรื่องซวยมากพอแล้ว”
“ฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย!” เฉินชิงเหม่ยกล่าวไม่พอใจ
“เวลานายร้องไห้กระซิกๆ ขี้มูกโป่ง ผู้หญิงยังสู้ไม่ได้เลย!”
กล่าวจบ ขายาวของเซี่ยจื้อก็ออกแรงมากขึ้น
รถจักรยานเลี้ยวโค้งผ่านไปอย่างราบรื่น
ลมพัดเลิกชุดออกกำลังกายของเขาขึ้นมา
ปลุกเรียกความคึกคักมีชีวิตชีวาที่ราวกับบ่มเพาะกำลังบางอย่างอยู่
เฉินชิงเหม่ยตะโกนเรียก “รอฉันด้วย——”
ม้าไผ่ของเขาทิ้งเพียงแผ่นหลังอันหล่อเหลาไว้ให้
“แน่จริงนายก็ไม่ต้องรอฉัน——กางเกงว่ายน้ำนายยังอยู่ที่ฉันนี่นะ!”
เซี่ยจื้อได้แต่หยุดอยู่ที่หัวถนน สอดมือล้วงกระเป๋า
ใช้เท้าข้างเดียวยันพื้นหันกลับไปมอง “เหมยเขียว” ที่กำลังหอบแฮกๆ
อยู่
มีลมอ่อนๆ
พัดแฉลบผ่านไรผมบนหน้าผากของเซี่ยจื้อไปเป็นครั้งคราว
สีหน้าภาคภูมิใจอยู่บ้างกับแผ่นหลังตั้งตรงของเขานั่นทำให้คนรู้สึกสบา
ยใจขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
ไม่ง่ายเลยกว่าที่เฉินชิงเหม่ยจะปั่นไปถึงข้างกายของเซี่ยจื้อ
แต่ก็ยังไม่ลืมถากถางเขา “แหม! นายยังรู้ว่าต้องคอยฉันด้วยเหรอ?
เก่งจริงก็ไม่ต้องใส่อะไรลงน้ำไปเลยสิ!”
วินาทีต่อมาเฉินชิงเหม่ยก็ถูกอีกฝ่ายหยิกแก้มอย่างหมั่นไส้
น้ำตาแทบไหลเลยทีเดียว

โรงแรมฮุ่ยหัวเป็นโรงแรมห้าดาวขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือ
นที่แล้ว เวลาเซี่ยจื้อไปเรียน
ตอนเลิกเรียนเขาจะต้องขี่จักรยานผ่านตรงนี้ทุกครั้ง
แต่ก็ไม่เคยใส่ใจเป็นพิเศษ
จนกระทั่งเมื่อวานที่เฉินชิงเหม่ยบอกว่าในนี้มีสระว่ายน้ำ
เซี่ยจื้อมองดูโรงแรมนี้อีกครั้ง จู่ๆ
ก็รู้สึกว่ามันเหลืองอร่ามแวววาวขึ้นมาทันที
ก็ดูมีมาดของการเป็นโรงแรมห้าดาวอยู่จริงๆ ด้วย
สองคนเดินเข้ามาที่แผนกต้อนรับของโรงแรม
เซี่ยจื้อมองดูกระเบื้องปูพื้นที่เป็นมันขลับก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาบ้าง
เฉินชิงเหม่ยถามอยู่ไม่กี่คำ
พนักงานต้อนรับส่วนหน้าก็ชี้ตำแหน่งของห้องฟิตเนสให้เขา
แล้วสองคนก็เข้าลิฟต์ไป
“อาจื้อ ตื่นเต้นมากไหม?
ไม่แน่ว่าพอเข้าไปโล่งโหวงไม่มีใครสักคน
ทั้งสระก็จะกลายเป็นอาณาเขตของนายคนเดียวเลย!”
“นายไม่ใช่คนเหรอ?”
“แหะๆ มาว่ายน้ำตอนอากาศแบบนี้
ต่อให้อุณหภูมิคงที่ฉันก็ทนไม่ไหวหรอก! ฉันเอาเครื่องจับเวลามาด้วย!
ช่วยจับเวลาให้นายอยู่ริมสระแล้วกัน!”
“ไอ้เด็กเหลือขอ” เซี่ยจื้อออกแรงขยี้ศีรษะของอีกฝ่าย
ข้างสระว่ายน้ำก็คืออุปกรณ์ออกกำลังกายจำพวกลู่วิ่ง
เซี่ยจื้อไม่ได้ลงน้ำทันที แต่ว่าพาเฉินชิงเหม่ยไปวิ่งอบอุ่นร่างกายก่อน
ยี่สิบนาทีเต็มๆ เฉินชิงเหม่ยแทบจะคลานอยู่บนลู่วิ่งแล้ว
เซี่ยจื้อยังคงมองตรงไปข้างหน้าดังเดิม
จังหวะก้าวไม่มีสะเปะสะปะเลยแม้แต่น้อย
เฉินชิงเหม่ยปิดเครื่องของลู่วิ่งไปเลย
แล้วนั่งเท้าคางอยู่บนลู่มองดูเซี่ยจื้อวิ่ง

“อาจื้อ ขาของนายสวยจริงๆ
ไม่ได้เยอะเกินไปเหมือนพวกนักเพาะกาย
แต่รู้สึกว่าแนวเส้นของกล้ามเนื้อลื่นไหล แข็งแรงจริงๆ!”
จู่ๆ เซี่ยจื้อก็นึกถึงผู้ชายที่มองเห็นหน้าไม่ชัดในตรอกคนนั้นขึ้นมา
เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวงอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ทำรูปปากพูดมาเพียงประโยคเดียวว่า——แข็งแรงจริง
สามสี่วันมานี้เซี่ยจื้อมักจะนึกถึงคนผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป
วาดภาพตาหูจมูกปากของเขาอยู่ในห้วงความคิดไม่หยุดหย่อน
ขณะที่ก็บอกตัวเองว่าคนคนนั้นไม่มีทางจะเป็นเย่หลินไปได้หรอก
แต่สัญชาตญาณก็บอกกับเขาว่า…นั่นก็คือเย่หลิน
หยุดเครื่องของลู่วิ่งแล้ว
เซี่ยจื้อก็ลากคอเสื้อของเฉินชิงเหม่ยเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
สองคนถอดเสื้อตัวนอกออก
เมื่อเซี่ยจื้อดึงเสื้อยืดขึ้นมา
เผยให้เห็นลายเส้นกล้ามเนื้ออันลื่นไหลที่ส่วนหน้าท้องและเอว
เฉินชิงเหม่ยที่อยู่ข้างๆ ก็ส่งเสียงถอนใจด้วยความอิจฉาออกมา
เซี่ยจื้อเหลือบมองรูปร่างที่ราวกับไก่ต้มของเฉินชิงเหม่ยด้วยเช่นกัน
“สภาพนายนี่ ถ้าไปแชงกรีลาจริง เดาว่ากระทั่งกระดูกก็ไม่มีเหลือ”
เฉินชิงเหม่ยเบ้ปาก “ชกต่อยได้ ว่ายน้ำเป็น เจ๋งเหรอไง?”
“ถ้าไม่คิดว่าเจ๋งก็อย่าตะโกนเรียกฉันช่วยแล้วกัน!”
เซี่ยจื้อปิดประตูตู้ล็อกเกอร์ดังปัง
เฉินชิงเหม่ยตามไป “งั้นถ้าเก่งจริงนายก็อย่าลอกการบ้านฉันสิ!”
สองคนเดินมาถึงข้างสระว่ายน้ำ
สีฟ้าครามใสสะอาดไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้เซี่ยจื้อต้องเบิกตาโต
ผิวน้ำใสแจ๋วสงบนิ่ง
สระยาวยี่สิบห้าเมตรถูกแบ่งออกเป็นช่องสำหรับว่าย
เฉินชิงเหม่ยก็ยิ้มเช่นกัน “สระมาตรฐานมากเลยนะ!
มิหนำซ้ำยัง…”

‘มิหนำซ้ำยังไม่มีคนด้วย’ ไม่กี่คำนี้ยังพูดออกมาไม่หมด
ก็มองเห็นมุมตรงข้ามของสระ
มีคนสามสี่คนกำลังล้อมคนคนหนึ่งที่พาเด็กมาด้วย
ดูเหมือนกำลังมีปากเสียงอะไรกันอยู่
เด็กอยู่ในห่วงยางเป็ดสีเหลือง โอบคอของผู้ใหญ่อยู่
สีหน้าคับข้องใจเกือบจะร้องไห้ออกมา
เซี่ยจื้อหรี่ตา มองดูรูปร่างของสามสี่คนนั่น
ก็เหมือนว่าจะเป็นพวกฝึกว่ายน้ำ
ซ้ำยังไม่ใช่พวกเล่นเป็นงานอดิเรกด้วย
เมื่อเขาเห็นชัดว่าคนที่ถูกล้อมอยู่เป็นใครก็ผงะไปเลย
——เป็นเย่หลิน
เย่หลินกำลังอมยิ้มบางๆ
ปลอบขวัญหลานชายที่กอดตนเองอยู่อย่างอารมณ์ดี
หมวกว่ายน้ำสีดำรัดแน่นอยู่บนศีรษะของเขา
แว่นตาว่ายน้ำก็อยู่บนศีรษะด้วย
แนวหน้าผากกับดั้งจมูกสูงโด่งเชื่อมต่อเป็นแนวเดียวกัน
ไหลลื่นกลมกลืน และหล่อเหลา
“เย่หลิน! นายจะเอาไงแน่?”
“นายจะกลับทีมเมื่อไร! พี่เจียรุ่นได้รับบาดเจ็บ
อาทิตย์หน้ามีแข่งกับม.B
พวกเราไม่มีทางจะเตรียมทีมที่ดีที่สุดไปแข่งได้เลย!”
“ถ้านายยังไม่กลับมาอีก ไอ้พวกม.B
นั่นจะต้องเชิดหน้ามองเราแล้วแหละ!”
เย่หลินลูบๆ ศีรษะของเด็กน้อย อุ้มมาวางไว้ที่ริมสระ
แล้วหันกลับมาพูดกับเพื่อนร่วมทีมสามสี่คนที่ล้อมตนเองอยู่ว่า
“กัปตันให้พวกนายมาล้อมหาเรื่องฉันเหรอ?” “เปล่า
พวกเรามาเองต่างหาก!”

“แบบนี้นี่เอง…” เย่หลินก้มหน้ามองดูผิวน้ำ จู่ๆ
ก็เหลือบมองมาเห็นเซี่ยจื้อที่ยืนอยู่อีกฝั่งของสระ แล้วก็ยิ้มออกมา
“พี่หลิน ตกลงพี่คิดจะเอายังไงกันแน่หา!”
เย่หลินชี้ไปที่อีกฝั่งกล่าวว่า “พวกนายดูหมอนั่น
น่าจะฝึกว่ายน้ำมา จากประสบการณ์ของฉัน
ต้องระเบิดพละกำลังได้อย่างแข็งแกร่งแน่
ถ้าหากมีคนเอาชนะหมอนั่นได้ ฉันจะรีบเก็บข้าวของกลับทีมทันทีเลย”
“อะไรนะ——พี่หลิน นี่พี่พูดจริงหรือเปล่า?”
“เราชนะไอ้หมอนั่นได้พี่จะกลับมา?”
“ก็จริงน่ะสิ ฉันพูดจาเชื่อถือไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
เย่หลินดันตัวขึ้นริมสระอย่างไม่รีบร้อน
น้ำไหลตามร่องกล้ามเนื้อของเขากลับลงน้ำไป
หลานชายกอดเย่หลินไว้กล่าวอย่างอัดอั้น
“น้าครับเมื่อไรเราจะกลับบ้านกันครับ! คนพวกนี้โหดมาก
น่ากลัวมากเลย!”
เย่หลินลูบๆ ศีรษะของหลานชาย
ขยับเข้าไปที่ข้างหูเขาแล้วกล่าวเบาๆ “รอพวกเขามุดลงน้ำไป
เราก็ชิ่งได้แล้ว”
กล่าวจบก็ตั้งนิ้วชี้ที่ริมฝีปากทำท่าทาง “ต้องเก็บเป็นความลับ”
เซี่ยจื้อที่อยู่อีกฝั่งก็นิ่งอึ้งไปเลย
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้พบกับเย่หลินผู้มีชื่อเสียง
โด่งดังในวงการนักว่ายน้ำเยาวชนในสระเดียวกัน
เพียงแค่ท่าทางยันกายขึ้นสระ
เซี่ยจื้อก็จินตนาการถึงความแข็งแกร่งในการแหวกน้ำของหมอนี่ไ
ด้ทันที
แม้จะไม่ได้ปรากฏตัวในรายการแข่งขันใดๆ มาเกือบปีแล้วก็ตาม
แต่น่าประหลาดที่เซี่ยจื้อรู้สึกได้ว่าสภาพร่างกายของเย่หลินนั้นดีมาก
อย่าถามว่าทำไมถึงรู้ นี่คือสัญชาตญาณของเขาเองล้วนๆ

เฉินชิงเหม่ยที่อยู่ข้างๆ ก็อึ้งตะลึงไปเช่นกัน
ผ่านไปสองวินาทีก็ตบๆ เซี่ยจื้ออย่างตื่นตะลึง “เชี่ย! นั่นเย่หลินนี่!
เย่หลินเทพบุตรของนายไง! เย่หลินที่ได้เห็นแต่ในวิดีโอทุกครั้งนี่!
ไหล่เขากว้างมากเลย! กล้ามเนื้อหน้าท้องสวย! ขาโคตรยาว!”
“ถ้านายยังแหกปากอีก
เชื่อไหมว่าฉันจะถีบนายลงน้ำไปด้วยเลย?” เซี่ยจื้อกล่าวเสียงเย็นเยียบ
แต่ว่าส่วนลึกในใจเขา
ความคาดหวังที่ดับมอดและเย็นลงไปนานแล้วกลับลุกโชนขึ้นมาอ
ย่างน่าประหลาด มันไหลไปตามเส้นเลือด ทำให้ปลายเล็บ ปลายเท้า
ทุกอณูของร่างกายร้อนตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน
นั่นคือเย่หลิน ตอนที่เขายังอยู่ในทีมเยาวชนของเมือง T
เซี่ยจื้อตามไปดูการแข่งขันของเขาถึงสนามทุกนัด
ภายหลังเมื่อเย่หลินจากเมือง T ไป
เซี่ยจื้อก็ยังดูการแข่งขันของเขาจากในโทรทัศน์
กระทั่งยังบันทึกเป็นวิดีโอเก็บไว้ด้วย
เขาลดความเร็วของวิดีโอนั่นเปิดศึกษาดูการวาดแขนทุกครั้ง
การจ้วงน้ำทุกครั้ง การหายใจทุกครั้งของเย่หลิน
ยิ่งศึกษาโดยละเอียดก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความสมบูรณ์แบบของเย่หลิน
ทุกส่วนของร่างกายนั้นประสานรวมเข้ากับน้ำได้อย่างกลมกลืนเป็นที่สุด
ต่อให้หลังจากที่เย่หลินไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันแล้ว
เซี่ยจื้อก็จะศึกษาคนอื่นๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นแชมป์และผู้มีพรสวรรค์
แต่ก็ไม่อาจหาความรู้สึกแบบที่เย่หลินนำพามาให้ตนเองได้
เวลานี้สี่ห้าคนนั่นที่ล้อมเย่หลินอยู่เดินเข้ามาหาเขาแล้ว
เซี่ยจื้อจำหนึ่งในพวกเขาได้ คนคนนั้นมีชื่อว่าหลินเสี่ยวเทียน
อยู่ในทีมว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย Q
หลินเสี่ยวเทียนมาถึงตรงหน้าของเซี่ยจื้อ
ประเมินดูเซี่ยจื้อตั้งแต่หัวจรดเท้า

“นายน่าจะฝึกว่ายน้ำมาระยะหนึ่งแล้วใช่ไหม? อยู่มหา’ลัยหรือม.ปลาย?
ไม่เคยเห็นนายในการแข่งขันเลยนี่?”
“ม.หก ไม่เคยลงแข่งอะไร”
เซี่ยจื้อตอบไปพลางสายตาก็แฉลบผ่านไหล่ของหลินเสี่ยวเทียนไปหยุด
อยู่ที่เย่หลินซึ่งกำลังปลอบเด็กอยู่
เย่หลินกำลังยิ้มอยู่ เอาผ้าขนหนูมาห่อตัวเด็กไว้
คิ้วและดวงตาราวย้อมด้วยหมึกดำ
อ่อนโยนไม่มีความดุดันคมปลาบอย่างในสนามแข่งขันเลยแม้แต่น้อย
“อ๋อ ม.หกเหรอ! ถ้าอย่างนั้น เราจะแข่งกับนายสักรอบ
สนใจไหม?”
“ความสนใจน่ะมี แต่ถ้าฉันชนะแล้วจะได้อะไร?” เซี่ยจื้อดีดๆ
หมวกว่ายน้ำของตัวเอง
หลินเสี่ยวเทียนเงียบไปสักพักก็หัวเราะขึ้นมา
“นายหมายถึงชนะพวกเราทั้งหมดนี่?”
“ใช่สิ”
“นายรู้ไหมว่าพวกเราเป็นใคร?”
หลินเสี่ยวเทียนทำหน้าตา ‘เจ้าเด็กนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง’
“นักกีฬาว่ายน้ำม.Q”
ทีมว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย Q
คือขุมกำลังอันแข็งแกร่งของทีมนักกีฬาว่ายน้ำระดับมหาวิทยาลัย
ปีที่แล้วเหมารวมเอาแชมป์หลายรายการของการว่ายท่ากบและผีเสื้อชา
ยระดับมหาวิทยาลัยเอาไว้
หากไม่ใช่ว่าเย่หลินถอนตัวออกจากทีมกะทันหัน
ทำให้รายการว่ายฟรีสไตล์ระยะสั้นถูกล้มแชมป์ไปไม่เป็นท่า
ผลงานของมหาวิทยาลัย Q ก็จะยิ่งโดดเด่นเจิดจ้าขึ้นไปอีก
“นายรู้ว่าพวกเราเป็นใคร แล้วยังกล้าพูดแบบนี้ออกมาอีก?”
หลินเสี่ยวเทียนรู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้มีความน่าสนใจอยู่พ
อตัวจริงๆ

อารมณ์ความรู้สึกบนใบหน้าของเซี่ยจื้อไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“ไม่แข่งกันสักตั้งแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นล่อ ใครเป็นม้า?”
เย่หลินที่นั่งอยู่บนม้านั่งยาวไกลออกไป
พอได้ยินคำพูดของเซี่ยจื้อก็เม้มปากยิ้มออกมา
“ได้เลยหนุ่มน้อย ถ้านายแพ้ก็ไม่มีอะไร แต่ถ้านายชนะขึ้นมาจริงๆ
จะเอายังไง?” หลินเสี่ยวเทียนถาม
เซี่ยจื้อชี้ไปที่เย่หลิน กล่าวมาประโยคเดียวว่า
“ถ้าฉันชนะพวกนายได้ ฉันอยากจะแข่งกับเขาที่นี่”
หลินเสี่ยวเทียนผงะไป แล้วก็ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง
เขาหันกลับมาตะโกนว่า “พี่หลิน——ได้ยินไหม!
ถ้าเขาชนะพวกเราได้เขาอยากจะแข่งกับพี่!”
“ได้เลย” เย่หลินยังคงยิ้มอยู่
กำลังปล่อยลมออกจากห่วงยางเป็ดสีเหลืองของเด็กน้อย
นี่แสดงให้เห็นว่าต่อให้ไม่คิดว่าเซี่ยจื้อจะเอาชนะได้
เขาก็เตรียมพร้อมจะพาเด็กไปจากสระน้ำนี่ตลอดเวลา
เฉินชิงเหม่ยดึงๆ เซี่ยจื้อ “เฮีย——คนเขาเล่นเป็นอาชีพ
พี่เล่นเป็นงานอดิเรก นี่ถ้าแพ้ก็กลายเป็นล่อไปสิ!”
“อย่าดึงกางเกงว่ายน้ำฉัน” เซี่ยจื้อนิ่งไม่ไหวติง
“ได้ ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็เข้าที่ของตัวเอง อย่าเสียเวลาเลย!”
หลินเสี่ยวเทียนมองไปทางเย่หลิน ตะโกนว่า
“พี่หลิน——พี่จะให้เราแข่งอะไร?”
“ฟรีสไตล์ห้าสิบเมตรแล้วกัน” เย่หลินเท้าคาง
หยอกหลานชายเล่นไปด้วย
ทว่าสายตากลับแฉลบผ่านไหล่ของหลานชาย มองไปที่เซี่ยจื้อ
ไอ้ลูกหมาชั้นม.หกคนนี้รูปร่างไม่เลวเลย
โดยเฉพาะส่วนหน้าท้องและเอว เป็นกล้ามเนื้อประเภทที่เย่หลินชื่นชม
ไม่มากเกินไป แน่นกระชับ ระเบิดพละกำลังออกมาได้อย่างมหาศาลแน่
“เอ๊ะ น่ามองจริง…คุ้นตาอยู่บ้าง”

รูปร่างที่สามารถเข้าตาตามมาตรฐานความงามของเย่หลินได้นั้นไม่ได้มี
มากนัก ลั่วหลีกัปตันทีมว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย Q นับเป็นหนึ่งในนั้น
เฉินเจียรุ่นที่บาดเจ็บหมกตัวเล่นเกมอยู่ในหอพักก็นับเป็นอีกหนึ่งคนเช่น
กัน
ส่วนเจ้าเด็กขี้อวดตรงหน้าคนนี้ก็พอจะนับเป็นอีกคนได้ละมั้ง
สัญชาตญาณของเย่หลินบอกกับตัวเขาเองว่า
เด็กมัธยมปลายคนนี้ไม่ได้รับมือได้ง่ายๆ
เพียงแต่ถ้าหากเด็กนี่เก่งกาจจริง
พวกเขาก็น่าจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง
เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายอยู่ตั้งม.หกแล้วจะไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขันอะไรเ
ลย?
น่าสนใจนะเนี่ย…
จิตใจที่สงบราวน้ำนิ่งของเขากลับคาดหวังว่าเจ้าเด็กคนนี้จะแสดงอะไร
ที่แตกต่างออกมาสักนิด
ใบหน้าของเซี่ยจื้อก็ยังคงไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไร
แค่เอานาฬิกาจับเวลาที่เฉินชิงเหม่ยหยิบมาด้วยโบกไปทางเย่หลิน
“นี่——ในเมื่อนายเป็นคนท้าประลองขึ้นมา
จะมองดูอยู่ริมสระแบบนี้หรือไง? ฉันสงสัยว่า
ยังไม่ทันรอพวกเราว่ายถึงขอบสระ
ก็ไม่แน่ว่านายจะอุ้มเด็กวิ่งหนีไปแล้ว!”
หลานชายแหงนหน้าถามออกมาว่า “คุณน้าครับ! เขารู้ได้ยังไง!”
เด็กไม่โกหก แล้วสระน้ำก็ยังเงียบอีกด้วย เด็กเสียงไม่ดัง
แต่ทุกคนก็ได้ยินกันหมดแล้ว
พวกหลินเสี่ยวเทียนหน้าหงายเงิบ
นึกไม่ถึงว่าเย่หลินจะวางแผนไว้แบบนี้จริง
เย่หลินมองดูเซี่ยจื้อ
ท่าทางของอีกฝ่ายเหมือนกับสัตว์ตัวน้อยที่หยิ่งผยองไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
กำลังท้าทายเขาอยู่ แต่ก็ดูราวกับเป็นการเชื้อเชิญไปพร้อมๆ กัน

เย่หลินลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าของเซี่ยจื้ออย่างเชื่องช้า
เขายังสูงกว่าเซี่ยจื้ออยู่บ้าง
รับนาฬิกาจับเวลามาจากมือของเซี่ยจื้อ ยิ้มๆ แล้วกล่าวว่า “ได้สิ
ฉันนับหนึ่ง สอง สาม พวกนายลงน้ำไป ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น
ดูสิว่าพวกนายใครจะเป็นล่อ ใครจะเป็นม้า”

เซี่ยจื้อกับพวกหลินเสี่ยวเทียนขึ้นเหยียบบนแท่นออกตัว
พวกเขาขยับปรับท่าทาง เซี่ยจื้อใช้ท่านั่งยอง
ขาหนึ่งอยู่หน้าแท่นออกตัว อีกขาอยู่ด้านหลัง สองขาแบ่งกันออกกำลัง
เซี่ยจื้อในเวลานี้รู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่พูดออกไป
เขาในเวลานี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่ยี่หระอะไรด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ขัดตากับท่าทางพรรค์นั้นของเย่หลินที่คิดจะลากใครออก
มาเป็นฐานให้เหยียบก็ได้
พอพูดออกไปแล้ว
ตอนที่เย่หลินเดินมาหยิบนาฬิกาจับเวลาไปจากมือเขา จู่ๆ
เซี่ยจื้อก็ตระหนักได้ว่า——ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเรื่องจริง
คนผู้นั้นที่เขาศึกษามานับครั้งไม่ถ้วน
กระทั่งกลางคืนเวลาหลับก็ยังคิดจะประลองแพ้ชนะด้วย
ตอนนี้ได้มาอยู่ตรงหน้าเขานี่แล้ว!
เซี่ยจื้อใจเต้นรัวเหมือนเสียงกลอง
กระแสโลหิตสูบฉีดจนหัวใจเกือบจะระเบิดออกมาแล้ว
จะให้เขาไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน?
ความตื่นเต้นในระดับที่เหมาะสม สามารถกระตุ้นอะดรีนาลีนได้
แต่ความตื่นเต้นที่มากเกินไปกลับจะรบกวนปฏิกิริยาตอบสนองของเขา
อีกทั้งก็อาจจะทำลายจังหวะในการว่ายน้ำไปด้วย
เซี่ยจื้อทำหน้าตายสูดหายใจลึกสามสี่หนพยายามสงบจิตสงบใจ
ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น แค่เอาชนะให้ได้ก็พอ

เย่หลินที่ยืนอยู่อีกด้านของช่องว่ายมีรอยยิ้มบางๆ อยู่ตลอด
เขามองออกว่าเซี่ยจื้อที่หน้าตายกำลังตื่นเต้นอยู่
ก็แน่ละสิ ถ้าหากไม่มีประสบการณ์การแข่งขันอะไรเลย
พอถูกคู่แข่งที่แข็งแกร่งล้อมไว้รอบด้านจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน?
แต่ว่ายังไม่ทันถึงสามวินาที
จากแผ่นหลังที่เกร็งแน่นของเซี่ยจื้อก็พอจะมองออกว่าเวลานี้เขาป
รับลมหายใจเรียบร้อยแล้ว
อีกทั้งจากกล้ามเนื้อที่ทอดตัวยาวจากแผ่นหลังและเอวไปถึงส่วนเท้า
เย่หลินมีลางสังหรณ์ลึกๆ
อยู่ในใจว่าอาจมีอะไรบางอย่างถูกอีกฝ่ายบุกทะลวงได้
“หนึ่ง——สอง——สาม!”
เพิ่งพูดจบ เซี่ยจื้อก็กระโดดออกไปแล้ว
เวลาในการออกตัวลงน้ำของเขาไม่ได้ต่างจากคนอื่น
หากแต่ระยะที่ลงน้ำนั้นกลับดูเหมือนจะไกลกว่าหลินเสี่ยวเทียนไปสิบกว่
าเซนติเมตรได้
เสี้ยววินาทีที่ลงน้ำไปนั้น ท่าทางลื่นไหลราวกับปลาบินได้
นั่นเป็นสุนทรียภาพเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง
เปี่ยมกำลังแต่ไม่ขาดสะบั้นเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
แต่ยิ่งเหมือนกลับสู่อ้อมกอดของสายน้ำ
สายตาของเย่หลินมองตามเงาร่างนั้นไป
ในเวลานี้เซี่ยจื้อทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในห้วงความคิดไปหมดจนขาวโพลน
เหลือเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น
เขาวาดแขนขึ้นจากน้ำ สูดอากาศ
ไล่ตามหลินเสี่ยวเทียนที่อยู่ในช่องว่ายด้านข้างอย่างไม่ยอมปล่อย
ห้าสิบเมตรนั้นสั้นมาก แต่ในระยะเวลาอันสั้นนี้
จำเป็นจะต้องระเบิดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาถึงจะเอาชนะได้!
การวาดแขนสองข้างของเขานำมาซึ่งพละกำลังอย่างหนึ่งที่มิอาจ
ต้านทานได้ การหายใจและท่าทางในการจ้วงน้ำลื่นไหลผสานรวมกัน

หลังจากกลับตัวหนึ่งรอบเขาก็ไล่ตามหลินเสี่ยวเทียนที่ช่องว่ายด้านข้าง
ทันแล้ว!
เฉินชิงเหม่ยตื่นเต้นดีใจไม่หยุด ตะโกนเสียงดัง “เซี่ยจื้อสู้ๆ!
เซี่ยจื้อสู้ๆ!”
หลินเสี่ยวเทียนนึกไม่ถึงเลยว่า
ตนเองที่ได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพในทีมว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย
Q มาตั้งมากมายขนาดนั้น
กลับถูกนักเรียนมัธยมปลายที่ไม่อยู่ในสารบบคนหนึ่งไล่จี้ตามติด
ต่อให้กลั้นใจตายก็ต้องออกแรงแหวกพุ่งไปข้างหน้า!
เซี่ยจื้อในเวลานี้เพิ่มความเร็วขึ้นมากะทันหัน
จังหวะในการจ้วงน้ำเร่งขึ้นมาทันที
เขากลับขึ้นมานำหลินเสี่ยวเทียนได้ที่สิบเมตรสุดท้าย
เวลานี้สิ่งที่ทำให้เขายืนหยัดไม่ผ่อนเรี่ยวแรงไปก็คือ
เย่หลินที่ปรากฏตัวขึ้นมาในห้วงจินตนาการ
เย่หลินอยู่ตรงหน้าของเขา ราวกับเขาจะได้ยินเสียงเย่หลินจ้วงน้ำ
สัมผัสได้ถึงกระแสน้ำที่กระเพื่อมมาจากทางเย่หลินนั่น
ต่อให้กล้ามเนื้อกำลังเมื่อยล้า ต่อให้กำลังแน่นหน้าอก
เซี่ยจื้อก็ยังคงพุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยพละกำลังเต็มเปี่ยม
เย่หลินที่นั่งยองอยู่ริมสระมองดูเงาร่างนั้นในน้ำแล้วก็รู้สึกเพียงว่า
สายตาถูกลากจูงไป
น้ำทั้งสระไม่ได้มีเพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางเด็กหนุ่มคนนี้เลย
แต่มีอยู่เพื่อสนับสนุนให้เขาประสบความสำเร็จต่างหาก
เมื่อเซี่ยจื้อพุ่งมาถึงขอบสระ เสี้ยววินาทีที่มือขวาแตะขอบสระนั้น
เย่หลินก็กดหยุดนาฬิกาจับเวลาโดยไม่รู้ตัว
เขามองดูเด็กหนุ่มโผล่ขึ้นจากน้ำ สายน้ำไหลสวบตามร่างเขาลงไป
ราวกับฟันฝ่าขวากหนามขึ้นมา
โหมซัดสาดพุ่งเข้าสู่สายตาของเย่หลินไปเช่นนี้

เซี่ยจื้อกำลังปรับลมหายใจ เขาดึงแว่นว่ายน้ำขึ้น
ปาดน้ำบนใบหน้าออก
เงยหน้ามองไปที่เย่หลินซึ่งคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนฝั่ง
ก่อนหน้านี้เย่หลินไม่เคยมองเขาชัดๆ เลย
นั่นเป็นใบหน้าที่หล่อเหลาทั้งยังแฝงด้วยพลังชีวิตแห่งวัยเยาว์
เมื่อความแข็งแกร่งปะทะเข้ากับความเยาว์วัยก็เหมือนผลไม้สีเขียว
สดผลหนึ่ง
ทำให้คนอยากฉวยโอกาสตอนที่มันยังไม่สุกงอมกัดลงไปให้เต็ม
คำ สัมผัสเนื้ออันแน่นและเสียงกรอบดังนั่น
เซี่ยจื้อเหลือบตาขึ้นมา
มันกระจ่างใสเสียจนทำให้คนแยกระหว่างน้ำในสระกับดวงตาของ
เขาไม่ออก
ไม่จำเป็นต้องมีคนแจ้งผลให้เขารู้
เซี่ยจื้อหัวเราะอย่างสะใจเคาะนิ้วลงบนฝั่งทีหนึ่ง “เฮ้! ลงมาดวลกัน!”
เย่หลินนิ่งไม่ขยับ
เขารู้สึกเพียงว่าส่วนดำมืดเปียกชื้นจนขึ้นสนิมที่ก้นบึ้งในใจนั่น…จู่ๆ
ก็ถูกขัดถูจนมันวาว ต่อให้เขาจะอยากหลบซ่อนปิดบังเอาไว้อีก
ก็ยังมีความคมกริบเผยออกมาให้เห็นอยู่รำไร
“เชี่ย? ไม่ใช่ใช่ไหม! นี่เราแพ้ให้ไอ้เด็กนั่นจริงๆ เหรอ?”
หลินเสี่ยวเทียนเกาะทุ่นแบ่งช่องว่ายปรับลมหายใจ
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในน้ำเขาตื่นตะลึงไปจริงๆ
เกือบจะว่ายจนปอดระเบิดแล้วก็ยังเอาชนะเจ้าเด็กนี่ไม่ได้——นี่มันผิดห
ลักการนะเนี่ย!
เวลานี้เฉินชิงเหม่ยก็ตื่นเต้นดีใจมากๆ ด้วยเช่นกัน!
เมื่อครู่ตอนที่เซี่ยจื้อเข้าสู่สิบห้าเมตรสุดท้าย
ก็เหมือนกับติดมอเตอร์เลยละ เท่สุดๆ ไปเลย!
“ทำไม ไม่กล้าเหรอ?” เซี่ยจื้อแหงนหน้ามองเย่หลินที่อยู่ริมสระ

พอแหงนหน้ามองเย่หลินจากมุมนี้
เซี่ยจื้อก็ยังคงสัมผัสได้ถึงออร่าที่พรั่งพรูออกมารอบกายของเย่หลิน
สายตาที่กำลังมองกดขี่ ประสาทที่กำลังบีบอัด
แม้ว่าเย่หลินในเวลานี้จะสงบนิ่งมาก ไม่ได้ออกแรงเลยก็ตาม
“ได้สิ แต่ว่านายเพิ่งจะว่ายห้าสิบเมตรไป เสียพละกำลังไปมาก
แพ้ให้ฉันก็อย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วกัน”
เย่หลินยิ้มพลางกล่าว
“ฉันไม่เคยร้องไห้ขี้มูกโป่ง” เซี่ยจื้อยิ้มๆ
โอ้อวดไปหน่อย แต่ที่มากกว่าก็คือความไร้เดียงสา
เย่หลินลุกขึ้น ขยับเขยื้อนหมุนบ่าไหล่ของตนเอง
พอเส้นกล้ามเนื้อที่ไหล่และบ่าของเขาแน่นตึงขึ้นมา
ก็ช่างเจริญหูเจริญตาจริงๆ
นั่นคือสัดส่วนอันงดงามแบบหนึ่ง กับเส้นกล้ามเนื้ออันทรงพลัง
“ให้เวลานายพักยี่สิบนาที”
เย่หลินโยนนาฬิกาจับเวลาให้หลินเสี่ยวเทียน
“รอบนี้นายมาเป็นกรรมการ”
หลินเสี่ยวเทียนมองดูตัวเลขบนนาฬิกาจับเวลาแวบหนึ่ง
รูม่านตาก็สั่นระริก “ระ…ระดับนี้เป็นสามอันดับแรกของทีมได้เลยนะ…”
เฉินชิงเหม่ยที่อยู่ข้างๆ ก็ตื่นเต้นดีใจสุดๆ
ในช่วงเวลาที่เซี่ยจื้อเปิดดูวิดีโอบันทึกภาพการแข่งขันของเย่หลินอยู่นับ
ครั้งไม่ถ้วนนั้น ข้างๆ
ก็ยังมีเฉินชิงเหม่ยที่ถือโทรศัพท์มือถือเล่มเกมอยู่อีกคน
ผลงานที่ดีที่สุดในการว่ายห้าสิบเมตร หนึ่งร้อยเมตร
กับหนึ่งร้อยเมตรผสมของเย่หลิน
ผู้ชมที่ไม่ใช่แฟนคลับอย่างเฉินชิงเหม่ยคนนี้ก็ยังจำได้จนขึ้นใจแล้ว
เฉินชิงเหม่ยในเวลานี้ก็เหมือนแม่คนหนึ่ง
ประเดี๋ยวก็เอาผ้าขนหนูมาห่มให้เซี่ยจื้อ
ประเดี๋ยวก็เช็ดแว่นว่ายน้ำให้เขา

“เซี่ยจื้อ! เซี่ยจื้อ! นายกำลังจะได้แข่งกับเย่หลินแล้ว!
ตื่นเต้นชะมัดเลย!”
“นายจะตื่นเต้นอะไร? นี่ไม่ใช่โอลิมปิกสักหน่อย”
เซี่ยจื้อรู้สึกว่าเฉินชิงเหม่ยที่เดินเพ่นพ่านไปมาขัดตาอยู่นิดหน่อย
เลยใช้มือเดียวกดกบาลของเขาให้นั่งลงอยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบข้างสระ
“นายอยู่ให้มันเฉยๆ หน่อย”
เย่หลินในเวลานี้อบอุ่นร่างกายเรียบร้อยแล้ว
เขาหันไปยิ้มให้เซี่ยจื้ออย่างอ่อนโยน “พักเสร็จแล้วหรือยัง?”
“พักเสร็จแล้ว! มาเลย!”
เซี่ยจื้อตื่นเต้นมาก
โดยเฉพาะเมื่อเย่หลินมายืนอยู่บนแท่นออกตัวข้างกายของเขา
เขาโยกตัวเล็กน้อย ราวกับไม่เห็นเซี่ยจื้ออยู่ในสายตาเลย
แต่เมื่อเขากดแว่นตาว่ายน้ำลง เสี้ยววินาทีที่สายตามองไปข้างหน้านั้น
บรรยากาศที่ผ่อนคลายก็สลายหายไปในทันที
บนริมฝีปากของเขายังคงมีรอยยิ้มบางๆ แต้มอยู่ดังเดิม
หากแต่ร่างกายเกร็งขึ้นมาทั้งตัว สั่งสมพละกำลังสายหนึ่ง
กำลังจะสลัดหลุดจากพันธนาการทั้งหมดทั้งปวง
ทำลายจินตนาการอันนับไม่ถ้วนก่อนหน้านี้ของเซี่ยจื้อลง
เซี่ยจื้อใจเต้นรัว
นี่คือการประลองที่เขาเฝ้าฝันทั้งในยามหลับและยามตื่น
ยิ่งเขาอยากจะแสดงออกอย่างสมบูรณ์แบบต่อหน้าเย่หลินมากเพียงใด
ก็ยิ่งตื่นเต้นกดดันมากเท่านั้น
ในเวลานี้เองเย่หลินก็หันมา ยิ้มให้ “นายไหวเหรอ?”
เซี่ยจื้อตะลึงอยู่กับที่
อะไรคือ “นายไหวเหรอ?” ถามผู้ชายคนหนึ่งว่านายไหวหรือเปล่า
นั่นมันเป็นการดูถูกที่สุดเลยนะ!
“นายต่างหากจะไม่ไหว!”

ในห้วงความคิดของเซี่ยจื้อฉายภาพมุมกระโดดลงน้ำ แหวกน้ำ
วาดแขนกลางอากาศ
ท่าทางจ้วงน้ำอันดุดันของเย่หลินที่อยู่ในวิดีโอวนซ้ำไปมา
ความทรงจำชัดเจนเหลือเกิน มันทำให้เขาสงบจิตสงบใจลงไม่ได้เลย
นึกไม่ถึงว่าเย่หลินจะยืนหลังตรงขึ้นมา เขาดึงแว่นว่ายน้ำขึ้น “นี่
บางทีนายอาจจะเคยดูการแข่งขันของฉันมาก่อน
เคยมีภาพจินตนาการเกี่ยวกับตัวฉันนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ว่าตัวจริงของฉันอยู่ที่นี่แล้ว
รบกวนนายลบหน่วยความจำเดิมที่เก็บไว้ในสมอง
ให้พื้นที่ฉันในปัจจุบันได้ไหม?” เซี่ยจื้อผงะไปเลย
นึกไม่ถึงว่าเย่หลินจะมองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่งได้ง่ายดายขนาดนี้
การมองออกพรรค์นี้
เหมือนกับผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งมองดูเด็กคนหนึ่ง
เด็กน้อยคิดไปเองว่าปกปิดความในใจไว้ดีมากแล้ว
ทว่าผู้ใหญ่กลับมองเห็นทั้งหมดตั้งแต่แรก
หัวใจถูกแทงทะลุอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยไปหนึ่งที
หากแต่ก็เพียงแค่ครั้งเดียวนี้
ดูเหมือนสิ่งที่ตนคาดคิดไว้ทั้งหมดก่อนหน้าจะถูกทุบจนแหลกละเอียดไป
หมด จิตใจเปิดกว้างออกฉับพลัน
กระทั่งว่าสระน้ำนี้ก็ยังสัมผัสได้ถึงรสชาติกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาไปด้วย
เย่หลินยืนรออยู่ด้านหนึ่ง
เขาชำนาญในการสังเกตดูคู่ต่อสู้ของตัวเองอยู่แล้ว
บางคราวก็ยั่วโมโหพวกเขาอย่างประสงค์ร้าย
มองพวกเขาหมดสภาพทำอะไรไม่ถูกหรือไม่ก็แสดงท่าทางพาลโมโหแต่
ก็ไม่อาจยกหมัดขึ้นมากระแทกใส่หน้าของเขาได้
แต่ว่าเซี่ยจื้อ
เด็กที่มองดูแล้วยโสโอหังมากคนนี้กลับสุขุมได้อย่างคาดไม่ถึง

หากจะกล่าวว่าสุขุม
ยังไม่สู้กล่าวว่าดูเหมือนสภาพจิตใจจะดีเสียยิ่งกว่า
ลมหายใจของเขาเปลี่ยนมาราบเรียบสม่ำเสมอ
ปรับตำแหน่งวางเท้าด้านหน้าและด้านหลัง เขาขยับๆ คอ กล่าวออกมา
“เย่หลิน——ฉันเตรียมตัวมานานมากแล้ว นายพร้อมหรือยัง?”
ใช่แล้ว
เย่หลิน…นายไม่เข้าใจหรอกว่าฉันเตรียมตัวเพื่อเวลานี้มานานแค่ไหน
ตั้งแต่ได้เห็นการแข่งขันของนายครั้งแรกสมัยประถม
ก็ผ่านมาสิบปีแล้ว
เซี่ยจื้อมองตรงไปด้านหน้า เตรียมพร้อมพุ่งลงน้ำทุกเมื่อ
หากจะกล่าวว่าเมื่อครู่นั้นเย่หลินทำให้บรรยากาศตึงเครียด
เช่นนั้นแล้วในเวลานี้
สถานการณ์ก็ราวกลับพลิกกลับตาลปัตรไปเสียอย่างนั้น
เย่หลินก้มหน้าลง ขยับปรับแว่นตาว่ายน้ำของตนอีกครั้ง
เขารู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย
จากอายุของเซี่ยจื้อก็ไม่นับว่าเป็นเด็กแล้ว
แต่พละกำลังรอบกายเซี่ยจื้อสายนั้น
ความนิ่งหลังจากความบุ่มบ่ามวู่วามสลายหายไปแล้ว
ทำให้เย่หลินรู้สึกว่าเขามีความน่ารักอยู่นิดหน่อย
เป็นเด็กชายที่น่ารักคนหนึ่ง
ช่างเถอะ ไม่แกล้งนายแล้ว
เย่หลินค้อมตัวลง เตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน
สองคนก็กระโจนลงสู่ผิวน้ำพร้อมกัน ตามเสียง “เริ่ม”
ของหลินเสี่ยวเทียนนั่น
น้ำกระเซ็นขึ้นมา พื้นที่และเวลาอันเงียบสงบแตกร้าวออก
เงาร่างของสองคนทับซ้อนกันจนราวกับเป็นร่างเดียว
สมาชิกในทีมสามสี่คนที่อยู่ข้างๆ ต่างมองตาค้าง

พวกเขาดำลงไปในน้ำ เย่หลินนำหน้าอยู่นิดหน่อย
แต่หลังจากลงน้ำแล้วก็ฮอร์โมนพลุ่งพล่านเดินหน้าเร่งเครื่องเต็มกำลัง
คนดูต่างพากันใจตุ้มต่อม
ตามคาด ไม่เหมือนกับการประลองที่เซี่ยจื้อจินตนาการไว้เลย
จากกระแสน้ำที่กระเพื่อมมาจากช่องว่ายด้านข้าง
เซี่ยจื้อสัมผัสได้ถึงเรี่ยวแรงอันฮึกเหิมในการแหวกน้ำของเย่หลินได้แล้ว
เห็นอยู่ว่าตอนไม่ว่ายน้ำ
เขาดูสงบเสงี่ยมไม่มีลักษณะคุกคามอะไรเลย
ทว่าเวลานี้กลับเปี่ยมพลังที่ไม่อาจต้านทานได้
ตอนน้ำโหมซัดสาดขึ้นมาแล้วไหลย้อนกลับลงไปก็ยังแฝงด้วยกำลังที่กร
ะแทกกลับลงบนผิวน้ำ
เซี่ยจื้อมีสมาธิจดจ่อแน่วแน่อย่างไม่มีเปรียบ
เขารู้จักพลังระเบิดกล้ามเนื้อของเย่หลินดี
ยี่สิบห้าเมตรแรกไม่ใช่เวลาที่เขาจะเร็วที่สุดแน่!
อย่าไปคิดเรื่องอะไรเลย ไล่กวดเขา กัดเขาให้ได้!
ในเมื่อฉันตามอยู่หลังนาย
เช่นนั้นก็ให้ฉันไล่ล่านายอย่างไม่เจียมกำลังแล้วกัน!
การชิงชัยตลอดห้าสิบเมตรก็เป็นเวลาเพียงยี่สิบกว่าวินาทีเท่านั้น
มองดูแล้วใจหายใจคว่ำแต่กลับสั้นมาก
ดังนั้นทุกวินาทีจึงถูกแบ่งออกมาเป็นภาพเศษเล็กเศษน้อยอันนับไม่ถ้วน
ทุกเศษเสี้ยวต่างไม่อาจผิดพลาดได้เลย!
โผล่จากน้ำ สูดหายใจ แหวกน้ำ
เซี่ยจื้อทำได้รวดเดียวไม่มีขาดตอน
หลังกลับตัว
เย่หลินนำเซี่ยจื้ออยู่เพียงหนึ่งในสามของช่วงตัวเท่านั้น!
เย่หลินนั้นประสาทสัมผัสไว
ประสาทสัมผัสของเขารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยของสา
ยน้ำได้ทั้งหมด

เด็กผู้ชายคนนั้นกำลังไล่ตามหลังเขาอยู่
ความดึงดันและความยืนหยัดของอีกฝ่ายไล่กัดประสาทสัมผัสของเ
ย่หลินไม่ยอมปล่อย
จากประสาทสัมผัสไปจนถึงแขนขาองคาพยพ
เย่หลินสมาธิจดจ่อมาก
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นกดดันจนไม่อาจผ่อนปรนได้เ
ช่นนี้
จะฝึกฝนก็ดี แข่งขันก็ดี
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทีมของเย่หลินหรือว่าคู่แข่งจะว่ายได้ไวเพีย
งใดก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นผู้บุกรุกผืนน้ำแห่งนี้อยู่ดี
เป็นเผ่าพันธุ์แปลกแยกที่ต้องถูกน้ำขับออกไป
แต่เด็กผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนกัน ดูราวกับเขาเกิดมาเพื่อผืนน้ำผืนนี้
ประสาทสัมผัสของเขากับน้ำช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน
ความรู้สึกกดทับที่มาพร้อมกับการสอดประสานไปกับกระแสน้ำทำให้คว
ามบ้าระห่ำอันเซื่องซึมที่อยู่ลึกในใจของเย่หลินสายนั้น
อยากจะสลัดทุกสิ่งทุกอย่างบุกทะลวงออกมา!
เขาดื่มด่ำกับการถูกตามไล่กวด
ทุกครั้งที่เด็กชายคนนี้อาศัยพลังของน้ำในการพุ่งตรงไปข้างหน้า
การเขยิบเข้าใกล้ในทุกมิลลิเมตร
ล้วนราวกับการได้พบกันอีกครั้งอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงและเปี่ยมด้วยค
วามคาดหวัง ราวกับตนเองกลายเป็นดาวตก
ส่วนเซี่ยจื้อก็คือชั้นบรรยากาศใหญ่โตที่มอบออกซิเจนให้เขาเผาไหม้ไ
ด้อย่างบ้าคลั่ง!
เสี้ยวขณะที่มือของเขาแตะโดนขอบสระนั้นใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่แข็งตึงอยู่นั้นไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยแม้แต่น้อย
กระแสเลือดถูกกักค้างอยู่ในช่องอก หลังทุ่มเทกำลังทั้งหมดลงไปแล้ว
เขากลับรู้สึกว่างเปล่าถึงเพียงนี้

ความรู้สึกที่ถูกอีกฝ่ายกัดไม่ปล่อย
ถูกไล่ตามได้ตลอดเวลาจำพวกนั้นทำให้คนติดใจเสียแล้ว
ส่วนเซี่ยจื้อเมื่อปรับลมหายใจไปหลายรอบแล้วก็ดึงแว่นว่ายน้ำทิ้ง
ยี่สิบวินาทีสั้นๆ เขาไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง กล้ามเนื้อแทบปริแตก
แน่นหน้าอกจนราวกับจะระเบิด
เขารู้สึกว่าหากตนเองหยุดลงกะทันหันก็อาจตายได้…แต่ต่อให้เป็นเช่น
นี้ เย่หลินก็ยังว่ายนำเขาตั้งแต่ต้นจนจบอยู่ดี!
ระยะห่างช่วงนั้นเหมือนกับเส้นแบ่งเขตที่ไม่อาจก้าวข้ามไปได้
เขาทุ่มสุดตัวแล้วก็ยังไปไม่ถึงจุดหมาย
มีเสียงตื่นตะลึงของหลินเสี่ยวเทียนดังมาจากบนฝั่ง
“พี่หลิน! เยี่ยมไปเลย! ยี่สิบเอ็ดจุดสี่สิบแปดวินาที!”
เย่หลินอึ้งอยู่ที่เดิม
หนึ่งปีเต็มๆ แล้ว
ที่เขาไม่อาจว่ายฟรีสไตล์ห้าสิบเมตรได้สำเร็จด้วยสภาพร่างกายแ
ละจิตใจเช่นนี้ได้
เขาถอดแว่นตาออก อยากมองเด็กชายที่อยู่ด้านข้างให้ชัดเจน
เสี้ยววินาทีที่เซี่ยจื้อได้ยินการรายงานผล
ในใจตื่นเต้นยินดีอย่างอธิบายไม่ถูก
เดิมทีเขาคิดว่าเย่หลินที่ไม่ได้แข่งขันมาหนึ่งปีอาจจะกลายเป็นซากไปแ
ล้วหรือไม่
เย่หลินที่ราวกับเป็นหมุดหมายที่มีสีสันอันเจิดจ้าในวัยเยาว์ของเขาคนนั้
นจะซีดจางลงไปแล้วหรือไม่…หากแต่เย่หลินคนนั้นก็ยังว่ายได้ยี่สิบเอ็ด
จุดสี่สิบแปดวินาที!
แต่ไม่นาน
ความอัดอั้นและความโมโหอันน่าประหลาดก็ผุดขึ้นมาในใจ
เขาจะแสดงความโมโหใส่เย่หลินไม่ได้
จึงได้แต่ดึงแว่นว่ายน้ำของตนลงแล้วโยนทิ้งลงน้ำไป

อยากถามเย่หลินว่า นี่นายทำอะไรอยู่?
ร่างกายก็ดีเยี่ยมขนาดนี้ไม่ใช่หรือไง?
สภาพร่างกายที่ดีขนาดนี้
ทำไมตลอดทั้งปีถึงไม่เข้าแข่งขันอะไรเลย?
ทำไมไม่กลับไปเข้าทีมว่ายน้ำ!
ที่เซี่ยจื้อยิ่งอัดอั้นก็เป็นเพราะตัวเองไม่ใช่ทั้งเพื่อนร่วมทีมของเย่หลิน
ทั้งยังไม่ใช่เพื่อนนักเรียนของเขาอีก
กระทั่งสิทธิ์ในการจะโมโหก็ยังไม่มี
เซี่ยจื้อออกแรงปาดคราบน้ำอีกที
ยันกายขึ้นฝั่งแล้วหมุนตัวเดินไปเลย
เฉินชิงเหม่ยที่จับต้นชนปลายไม่ถูกสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่อยู่รอบกายม้
าไผ่ของตนเอง ก็เพียงตามหลังเขาไปไม่กล้าพูดอะไร
เย่หลินยังอยู่ในน้ำมองดูเซี่ยจื้อจากริมสระ
อีกฝ่ายกำลังเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชาย
เขาจำเสี้ยววินาทีที่สีหน้าท่าทางของเด็กผู้ชายคนนี้เปลี่ยนจากความตื่นเ
ต้นยินดีมาเป็นความโมโหได้
เขารู้ชัดดีว่าเด็กผู้ชายคนนี้ไม่ได้กลัดกลุ้มใจเพราะพ่ายแพ้เลยแม้แต่น้อ
ย หากแต่ยังดีใจมากเสียด้วยซ้ำ
แต่ความดีใจนี้ก็ถูกความผิดหวังเข้ามาแทนที่
ทว่าเย่หลินกลับไม่เข้าใจว่าความผิดหวังนั้นคืออะไร
“เขาชื่ออะไร” เย่หลินเอ่ยปากถาม
“พวกเราก็ไม่รู้!” หลินเสี่ยวเทียนตอบ
“พวกนายไม่รู้แล้วยังจะไปแข่งกับเขาอีก?” เย่หลินย้อนถาม
หลินเสี่ยวเทียนกับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ
ต่างพากันเกาศีรษะแกรกๆ
นานสองนานกว่าจะมีคนหนึ่งในนั้นเอ่ยปากกล่าว
“พี่หลิน…ก็พี่ใช้ให้พวกเราแข่งกับเขา…พวกเรายังคิดว่าพี่รู้จักกับเขาเ
สียอีก…”

เย่หลินหันหน้ามา มองดูแว่นว่ายน้ำที่กระเพื่อมขึ้นลงอยู่บนผิวน้ำ
มันเป็นของเด็กผู้ชายคนนั้น พังไปซะแล้ว
เขาหยิบขึ้นมาแล้วยันกายขึ้นฝั่ง
หลานชายตัวน้อยเดินเตาะแตะเข้ามากอดขาเขาไว้หมับ
แหงนหน้ากล่าวด้วยเสียงอ้อแอ้ “คุณน้าครับ——น้าเก่งสุดยอดไปเลย!
เก่งกว่าโลมาอีก!”
เย่หลินยิ้ม
กระทั่งไอน้ำรอบตัวเขาก็ยังมีความอบอุ่นในรอยยิ้มของเขาติดไปด้วย
“หนูชอบโลมาเหรอ?”
“ชอบครับ” หลานชายตัวน้อยผงกศีรษะ “โลมาน่ารักมากเลย!”
“น่ารัก? แต่พวกมันเป็นพวกอันธพาลในทะเลเลยนะ…”
เย่หลินอุ้มหลานชายขึ้นมา เขาเดินตรงไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
วางเด็กน้อยลงบนเก้าอี้
จากนั้นก็ตะโกนเจือด้วยเสียงหัวเราะยั่วเย้าออกมา “เจ้าหนู
แว่นว่ายน้ำนายไม่เอาแล้วเหรอ?”
ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
สีหน้าเมื่อครู่ของเด็กชายนั้น คิดดูแล้วตนเองควรจะปลอบดีๆ
สักหน่อยไหม ถามเขาว่าทำไมถึงไม่พอใจล่ะ?
รอยยิ้มบนริมฝีปากของเย่หลินก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
เขาเดินเข้าไปลึกกว่าเดิม
ทว่าระหว่างตู้เสื้อผ้าแต่ละแถวแต่ละแถวนั้นกลับไม่มีใครอยู่เลย
เย่หลินสาวเท้าเร็วขึ้นอีก
เขาเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้วผลักเปิดฉากกั้นแรก ด้านในไม่มีคน
เขาผลักบานที่สองกับบานที่สาม ก็ยังไม่มีคน
จนเมื่อเขาเดินไปถึงสุดทางของห้องอาบน้ำ
ตอนที่ผลักเปิดประตูบานสุดท้าย เขายืนอยู่ที่นั่น
กระทั่งตัวของเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ในใจกลับโล่งโหวงขึ้นมา

เขาจับแว่นว่ายน้ำในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว
เพิ่งจะหลับตาลงก็นึกถึงเสียงเชียร์จากเพื่อนของเด็กชายคนนั้นขึ้นมาได้
“เซี่ยจื้อ! สู้ๆ! เซี่ยจื้อ! สู้ๆ!”
เช่นนั้น…ชื่อของนายก็คือเซี่ยจื้อ* (จื้อ : จื้อที่แปลว่าสติปัญญา)?
หรือว่าเซี่ยจื้อ* (เซี่ยจื้อ : จื้อที่แปลว่ามาถึง
รวมกับแซ่เซี่ยที่แปลว่าฤดูร้อน แปลว่าฤดูร้อนมาถึง)?
เย่หลินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเบาๆ มีเสียงฝีเท้าที่ด้านหลัง
เย่หลินหมุนตัวกลับมา นึกว่าจะได้เห็นเด็กผู้ชายคนนั้น
แต่กลับเห็นพวกหลินเสี่ยวเทียน
“เอ่อพี่หลิน…สภาพร่างกายของพี่ก็พักฟื้นมาปีหนึ่งเต็มๆ แล้ว
ควรจะกลับเข้าทีมแล้วใช่หรือเปล่า?” หลินเสี่ยวเทียนถาม
เย่หลินยิ้มพลางตอบ “โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้
ฉันยังออกไปดูไม่หนำใจเลย!”
“ใหญ่เชี่ยอะไร…” หลินเสี่ยวเทียนรีบปิดปาก
ใช่...โลกกว้างใหญ่ขนาดนั้น แถมวิธีการตายก็มีตั้งมากมาย
หนึ่งในนั้นก็คือการล่วงเกินเย่หลิน
หลินเสี่ยวเทียนนึกถึงเรื่องเมื่อปีที่แล้วตอนที่มีคนปัญญาอ่อนคนหนึ่งลอ
บปะปนเข้ามาถ่ายภาพในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของทีมว่ายน้ำ
เวลานั้นกัปตันบอกให้คนคนนั้นส่งกล้องถ่ายภาพออกมาให้
แต่คนคนนั้นก็ไม่ยอมท่าเดียว
ซ้ำยังบอกด้วยว่าหัวหน้าทีมใช้ความรุนแรงข่มขู่เขา
เย่หลินที่อยู่ข้างกัปตันไม่พูดมากความ
กำหมัดชกใส่หน้าคนคนนั้นไปเลย
แล้วกล่าวด้วยใบหน้าที่ยังมีรอยยิ้มว่า “ใช่
ฉันใช้ความรุนแรงข่มขู่นายแล้ว ส่งกล้องมา”
ภายหลังคนผู้นั้นก็ไปร้องไห้ปรับทุกข์ในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยบอก
ว่าเขาไปสัมภาษณ์ทีมว่ายน้ำแล้วถูกเย่หลินต่อย
ผลสรุปก็คือตั้งแต่อาจารย์ลงมาจนถึงนักศึกษาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน

ว่า เย่หลินไม่มีทางทำแบบนั้นแน่
เพราะโดยปกติแล้วเย่หลินเป็นนักเรียนที่ดีในสายตาของอาจารย์
เป็นแบบอย่างที่ดีในสายตาของเพื่อนนักเรียน
เป็นคนพูดจาด้วยเหตุผลไม่เคยจะพูดอะไรรุนแรงสักคำ
คนแบบนี้จะลงไม้ลงมือต่อยคนได้อย่างไรกันล่ะ?
ต่อมาภายหลังก็ได้ยินว่าเจ้าหมอนั่นซวยสุดๆ ตลอดทั้งปีเลย
ก่อนอื่นเลยก็คือถูกเปิดโปงว่าเอาแปรงสีฟันของรูมเมตไปขัดชักโค
รกเพื่อแก้แค้น แล้วถูกรูมเมตต่อยอย่างหนัก
หรือเรื่องที่จู่ๆ
แฟนสาวของเขาก็รู้ว่าสร้อยคอที่เขาให้เป็นของปลอมที่ซื้อมาจากเ
ถาเป่า* (เถาเป่า :
คือแพลตฟอร์มซื้อขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน)
ในราคาเส้นละร้อยหยวน
แฟนสาวเลยทิ้งรอยนิ้วห้ารอยไว้ให้บนหน้าเขา
ปลายเทอม เขาเข้าไปซื้อบทความในอินเทอร์เน็ต
นึกไม่ถึงว่าคนที่ขายบทความให้จะเป็นประธานสาขาวิชา
เขาเลยโดนจับฐานมีพฤติกรรมทุจริตทางวิชาการจนได้
เรื่องนี้เกิดจากมีคนไม่เปิดเผยชื่อร้องเรียนว่าเขาซื้อบทความวิชาการ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตกหลุมพรางที่ประธานสาขาวิชาขุดล่อไว้
พอรู้ว่าเจ้าหมอนี่มีแต่ความซวยมาเยือน
ทั้งทีมว่ายน้ำต่างดีอกดีใจกันยกใหญ่
เวลานั้นก็มีข่าวลือว่าความจริงแล้วเย่หลินเป็นคนจัดการเขา
ทุกคนต่างก็อยากถามว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
พี่หลินใช้วิธีการอะไรกันแน่ ท้ายที่สุดเฉินเจียรุ่นก็เป็นคนอ่ยปากถาม
เย่หลินโอบไหล่เฉินเจียรุ่นกล่าวอย่างจริงจัง
“ฉันมีความสามารถอย่างโกงเลยอยู่อย่างหนึ่ง
ก็คือเวลาไม่มีอะไรทำจะดึงสมาธิถอดจิตได้

ฉันถอดจิตไปอยู่ที่ปลาทองซึ่งไอ้หมอนั่นเลี้ยงอยู่ในหอพัก
เขาทำอะไรฉันก็เลยเห็นหมด”
เย่หลินกล่าวพร้อมกับยิ้มไปด้วย
ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าเย่หลินช่างตั้งอกตั้งใจแต่งเรื่องมาล้อทุกคนเล่น
แต่อย่างไรก็ตามสมาชิกในทีมยังคงคิดว่าคนที่จัดการเจ้าปัญญาอ่อนนั่น
จนอยู่ไม่เป็นสุขมาทั้งปีก็คือเย่หลินนั่นแหละ
ดังนั้นในเวลานี้
พอเย่หลินพาหลานชายออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปก็ไม่ได้กล่าว
ถึงเรื่องจะกลับทีมว่ายน้ำเลยแม้แต่น้อย
พวกหลินเสี่ยวเทียนต่างก็ไม่กล้าไล่ตามไปถามอีก
เซี่ยจื้อขี่จักรยานอย่างหัวเสียออกมาจากโรงแรมฮุ่ยหัว
เฉินชิงเหม่ยไล่ตามหลังเขาไปอย่างจนปัญญา
“เซี่ยจื้อ——นายรอฉันด้วย! เซี่ยจื้อนายจะรีบไปเกิดใหม่เหรอ!”
เซี่ยจื้อไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปที่บ้านของเฉินชิงเหม่ย
ผมของเขายังไม่แห้ง ถ้ากลับบ้านไปทั้งแบบนี้ความก็แตกกันพอดีสิ
ต้องถูกแม่บังเกิดเกล้า “ด่าเปิงตีก้นลาย” แน่
“เซี่ยจื้อ…นายเป็นอะไรกันฮะ…ฉันยังคิดว่านายได้แข่งกับเย่หลิน
ที่เฝ้าฝันทุกวันคืนแล้วจะตื่นเต้นดีใจเสียอีก!
แต่ฉันเห็นว่าเมื่อกี้นายเพิ่งจะ…เหมือนว่าจะยกหมัดขึ้นไปต่อยเขาอย่าง
ไรอย่างนั้น”
เฉินชิงเหม่ยนั่งขัดสมาธิก้มหน้าลง
อยากเห็นสีหน้าของเซี่ยจื้อให้ชัดๆ
เซี่ยจื้อก็นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามเขาเหมือนกัน
กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่
“ไม่มีอะไร…แค่รู้สึกว่าตัวเองโคตรโง่เลย”
เซี่ยจื้อยันตัวแหงนหน้าขึ้น
“นายจะบอกว่านายลืมที่ไม่ได้ให้เย่หลินเซ็นชื่อให้เหรอ?”

เซี่ยจื้อขยำกระดาษเป็นก้อนขว้างใส่หัวเฉินชิงเหม่ยอย่างขำขัน
“จะคิดว่าตัวเองโง่เพราะเรื่องนี้ได้ยังไง”
“แล้วเพราะอะไร?”
“เพราะว่า…หลังจากปีที่แล้วที่รู้ว่าเย่หลินถอนตัวออกจากการแข่ง
ขัน แล้วยังได้ยินพวกข่าวลือมาอีกว่าเย่หลินเป็นโรคหัวใจ
ต่อไปจะไม่ว่ายน้ำแล้ว ฉันก็เศร้าเสียใจอยู่นานมากจริงๆ นะ”
“เรื่องนี้ฉันรู้ ฉันยังเลี้ยงช่วนช่วน* (ช่วนช่วน :
เป็นเนื้อสัตว์หรือผักเสียบไม้แล้วนำไปต้มหรือย่าง) นายด้วย
กินโค้กไปตั้ง…ครึ่งลัง”
“ฉันหวังมาตลอดเลยว่าเขาจะกลับเข้าสู่การแข่งขัน หนึ่งปีเต็มๆ
เลยนะ…ไม่มีข่าวคราวของเขาเลยสักนิดเดียว
นายแม่งเข้าใจความรู้สึกที่พอนึกถึงเขาทีไรก็จะรู้สึกหดหู่มากๆ ไหม?”
เฉินชิงเหม่ยออกแรงผงกศีรษะ “รู้แล้ว! รู้แล้ว!
พอนางฟ้าทุกคนของฉันมีแฟน ฉันก็หดหู่มากๆ เลยแหละ!”
“แต่ว่านายดูวันนี้สิ
ท่าทางของเขา…เหมือนร่างกายมีปัญหาหรือไง?” เซี่ยจื้อถาม
เฉินชิงเหม่ยส่ายหน้า
“ผลงานของเขานี่เอาไปชิงแชมป์ว่ายฟรีสไตล์ห้าสิบเมตรของกีฬา
มหาวิทยาลัยอีกครั้งก็ยังได้”
“เพราะฉะนั้นความเสียดายกับความเป็นกังวลของฉันก็เกินความ
จำเป็น หนำซ้ำยังน่าหัวเราะเยาะอีกด้วย” เซี่ยจื้อถอนใจเฮือก
“ยากมากที่ม้าไผ่ของฉันจะเสียอกเสียใจได้ขนาดนี้ มาๆๆ
ปลอบใจนายสักหน่อยแล้วกัน”
เฉินชิงเหม่ยหันกลับไปเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
“จะปลอบใจอะไรฉัน?”
“มาดูหนังด้วยกันไง! ฉันโหลดมาใหม่! หาคนปล่อยอยู่ตั้งนาน!
ได้ยินว่าโคตรได้ฟีลเลย! อารมณ์สระน้ำ! เหมาะกับนายที่สุดเลย!”
เฉินชิงเหม่ยอารมณ์คึกคัก

เซี่ยจื้อก็อยากจะเปลี่ยนอารมณ์อยู่เหมือนกัน
สองคนเตรียมกระดาษทิชชูไว้พร้อมแล้ว
สุดท้ายยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ
พอถึงตอนที่ผู้ชายสองคนในสระน้ำจูบกัน
เฉินชิงเหม่ยก็รีบปิดคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว
“ไรกันนี่! วอนตีนแล้วไหมแก!”
เซี่ยจื้อคว้ากล่องทิชชูขว้างใส่หัวเฉินชิงเหม่ยไปทันที
“เข้าใจผิด! เข้าใจผิดแล้ว! ขออภัย!”
“‘เหมาะกับนายที่สุดเลย’ ห่าไรกัน! นายเบื่อโลกแล้วใช่ไหม!”
กล่องทิชชูยังไม่พอ เซี่ยจื้อยกเท้าถีบโครมตามไปด้วย

 

หนังสือแนะนำ All

Special Deal