Wednesday
เช้าตรู่ แสงตะวันในสวนน้อยเริ่มสาดฉาย เงาไม้ซ้อนทับ แสงสีทองลอดผ่านต้นไม้ตกกระทบตึกฝรั่งขนาดเล็กหลังงามสีขาวหลังคาสีแดง
บานกระจกยาวจดพื้นด้านขวาของชั้นสองถูกม่านสีแดงหม่นคลุมสนิท แสงยามเช้าฉายจางๆ ผ่านผืนม่านเข้ามา
ในห้องยังคงดูมืดมิด เงียบสนิทเสียจนคล้ายได้ยินเสียงอากาศเคลื่อนไหว
จู่ฉีนอนแผ่ร่างอยู่กลางเตียงใหญ่ขนาดสองเมตร แม้รอบๆ จะไม่สว่างนัก เขาก็ยังผงกศีรษะแล้วเห็นท้องของตัวเองที่เหมือนยัดลูกหนังไว้ทั้งใบ โป่งเต็ม ทั้งกลมทั้งใหญ่
เขาส่งเสียงถอนหายใจอย่างคิดไม่ถึง ยกมือขวาลูบท้องที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนเศษ
เจ้าตัวน้อยที่อยู่ข้างในเหมือนจะรู้สึกถึงสัมผัสของเขาจึงขยับตัวเบาๆ ทันที ไม่รู้ว่ามือน้อยๆ หรือเท้าน้อยๆ กันแน่ที่ยันพุงเขาจนโป่งนูน ความเคลื่อนไหวเล็กๆ นี้แตะถูกกลางฝ่ามือของจู่ฉี
หากเป็นเมื่อห้าวันก่อน จู่ฉีต้องตกใจจนหน้าซีด แต่ตอนนี้ ไม่เพียงใจเขาไม่หวั่นไหว ยังตบพุงของตัวเองเบาๆ โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี
“อยู่ดีๆ”
ไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยฟังเขาพูดเข้าใจหรืออย่างไร ถึงกับนิ่งไม่กล้าขยับอีก
จู่ฉีมองเพดานที่แกะสลักลวดลายซับซ้อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะกำลังลังเลว่าควรนอนต่ออีกหน่อยดีไหม ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ท่ามกลางความเงียบสงบนั้น ทำให้เขาตกใจขึ้นมา
“คุณนาย ตื่นหรือยังเจ้าคะ?” สาวใช้ที่รออยู่ด้านนอกน่าจะได้ยินเสียงที่เขาพูดเมื่อครู่ จึงเอ่ยต่ออย่างระมัดระวังว่า “เราเตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
จู่ฉีดึงผ้าห่มบางๆ มาปิดพุงไว้ “เข้ามาได้”
เพียงชั่วครู่ ประตูก็เปิดออกจากด้านนอก สาวใช้ในชุดเดรสขาวดำเหมือนๆ กันหลายคนถือถาดอาหารเดินเข้ามาเป็นแถว
สาวใช้ที่นำขบวนเดินไปเปิดม่าน แสงสีทองอร่ามสาดเข้ามาในห้อง หล่อนหยิบเสื้อกางเกงชุดหนึ่งออกมาจากตู้เสื้อผ้า แล้ววางไว้ปลายเตียงอย่างเป็นระเบียบ
สาวใช้คนอื่นก็ไม่ได้ว่าง จัดแจงวางโต๊ะเล็กๆ ไว้ข้างเตียงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จัดอาหารเช้าร้อนๆ ไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย
จู่ฉีห่มผ้าผืนบางนอนอยู่บนเตียง มองเพดานเงียบๆ ต่อไป เช้าวันแรกที่ทะลุมิติมาในโลกนิยายนี่ เขารู้สึกอับอายมากจนแทบอยากฟาดพุงนี้ให้แบนเรียบ
ตอนนี้ผ่านไปห้าวัน เขาก็กลับเคยชินกับการมีสาวใช้ทั้งหลายคอยปรนนิบัติ เช่นเดียวกับที่เคยชินกับการมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในพุง
“เสียวหย่า” จู่ฉีเรียก
สาวใช้ที่ชื่อเสียวหย่าก้มหน้าเดินเข้ามา ถามเบาๆ ว่า “คุณนายมีอะไรหรือเจ้าคะ?”
“รบกวนตามพ่อบ้านจางมาให้ผมหน่อย”
เสียวหย่ารับคำ จากนั้นก็นำสาวใช้ทั้งหลายออกจากห้องไปเงียบๆ
สิบนาทีให้หลัง เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะก็ดังขึ้นด้านนอก เวลานี้จู่ฉีอาบน้ำแปรงฟันเสร็จ แต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่บนเตียง ตรงหน้าเขาคือโต๊ะอาหารเล็กๆ ในจานอาหารงามประณีตสีเงินสีทองจัดวางอาหารน่ากินไว้สารพัดชนิด
มือข้างหนึ่งของจู่ฉีถือแซนด์วิชที่กัดไปแล้วครึ่งหนึ่ง เขายัดแซนด์วิชที่เหลือเข้าปากอย่างรวดเร็วในไม่กี่คำ จากนั้นก็ยกนมอุ่นขึ้นมากรอกใส่ปากไปกว่าครึ่งในคำเดียว
จากนั้นจึงส่งเสียงว่า “เข้ามาได้”
พ่อบ้านจางเดินห่อไหล่นิดๆ เข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ จู่ฉีช้อนตาขึ้นมองพ่อบ้านจางที่มีสีหน้าตึงเครียดแวบหนึ่ง ถามเสียงเรียบว่า “พ่อบ้านจาง ที่เมื่อวานผมให้ช่วยจองโรงแรมกับตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยหรือยัง?”
“เรื่องนี้...” พ่อบ้านจางลากเสียงยาวอย่างลังเล สีหน้าปรากฏความลำบากใจ “คุณนาย รอสักนิดได้ไหมขอรับ เครื่องบินของคุณท่านจะลงจอดในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้แล้วขอรับ”
จู่ฉีมองพ่อบ้านจางด้วยสายตาเรียบนิ่ง เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าฝ่ายตรงข้ามเห็นคำพูดเมื่อวานของเขาเป็นลมพัดผ่านข้างหู
“คุณก็เลยไม่ได้จอง?” จู่ฉีถาม
พ่อบ้านจางก้มหน้าลงเงียบๆ อีกครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “คุณนายขอรับ มีเรื่องอะไรรอคุณท่านกลับมาแล้วค่อยว่ากัน...”
เขายังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ จู่ฉีก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียง เนื่องจากท้องโตจึงยืนไม่มั่นคง เซล้มกลับไปบนเตียงทันที
พ่อบ้านจางซึ่งเดิมท่าทีไม่รีบร้อนเห็นภาพเช่นนี้ก็พลันตกใจจนหน้าถอดสี รีบยื่นมือไปประคองแขนจู่ฉี พูดเสียงสั่นว่า “คุณนายต้องระวังนะขอรับ อย่าให้กระเทือนถึงครรภ์ ไม่อย่างนั้นหากคุณท่านกลับมา ผมไม่รู้จะเรียนคุณท่านยังไง!”
จู่ฉีเห็นพ่อบ้านจางเป็นห่วงท้องเขามากขนาดนี้ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ถือโอกาสตีเหล็กตีตอนร้อน ลุกขึ้นยืนเดินช้าๆ ไปข้างนอกอย่างยากลำบาก
พ่อบ้านจางเดินตามหลังมาติดๆ วิ่งมาข้างหน้าทำท่าจะขวางจู่ฉีไว้แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องตัวเขา ตื่นเต้นตึงเครียดจนหน้าผากมีเหงื่อเย็นไหลซึม
จู่ฉีผลักพ่อบ้านจางที่ขวางตรงหน้าเบาๆ เลิกคิ้วขึ้นสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง พูดด้วยน้ำเสียงเสมือนว่าสมเหตุสมผลที่สุด “ในเมื่อคุณไม่ยอมช่วยผมจองโรงแรมกับตั๋วเครื่องบิน ผมก็ต้องทำเอง”
พูดจบก็เดินไปข้างหน้า ระหว่างทางเกือบชนแจกันบนตู้ พ่อบ้านจางตกใจรีบพุ่งตัวไปดันตู้กับแจกันไว้ตามสัญชาตญาณ
จู่ฉีคร้านจะสนใจพ่อบ้านจางข้างๆ ที่ตกใจจนขวัญหนี เขาเปิดประตูร้องเรียกว่า “เสียวหย่า ช่วยเก็บของให้ผมหน่อย เอาบัตรประชาชน พาสปอร์ต กับบัตรธนาคารมาให้หมด”
เสียวหย่าที่รออยู่ด้านนอกตกตะลึง “คุณนายจะออกไปหรือเจ้าคะ?”
“ไปเที่ยวเมืองนอกให้สบายใจ” จู่ฉีมองนาฬิกาแขวนผนัง ใจคำนวณเวลาที่เซวียเจวี๋ยจะลงจากเครื่อง เหลือเวลาไม่มากแล้ว เขาตบไหล่เสียวหย่าอย่างร้อนใจ “รีบไปจัดการ”
เสียวหย่าส่งเสียงรับคำอย่างมึนงง มองพ่อบ้านจางที่อดทนจนหน้าแดงไปถึงหู คิดอยู่ชั่วครู่ก็เตรียมทำตามคำสั่งของจู่ฉี
ท้ายสุดตอนที่หล่อนจะเดินไปในห้องนอน ก็ถูกพ่อบ้านจางยกมือขวางไว้กะทันหัน
พ่อบ้านจางเม้มปากแน่น มองจู่ฉีที่ยิ้มเรียบๆ ใจนึกอยากจะเอาสันมือฟันท้ายทอยฝ่ายตรงข้ามให้สลบ
เขารับใช้ข้างกายเซวียเจวี๋ยมาหลายปี เห็นกับตาว่าดาราหางแถวคนนี้ปีนขึ้นเตียงเซวียเจวี๋ยแล้วท้อง เปลี่ยนจากนกกระจอกกลายเป็นหงส์ในค่ำคืนเดียว
ผู้ชายที่สามารถท้องและคลอดลูกได้ไม่ใช่เรื่องแปลก ขอเพียงจู่ฉีบำรุงครรภ์ดีๆ แล้วให้กำเนิดทายาทรุ่นต่อไปของตระกูลเซวีย พ่อบ้านจางก็เต็มใจที่จะยกย่องจู่ฉีเป็นคุณนาย
เดิมจู่ฉีก็ไม่ใช่คนช่างก่อเรื่อง อย่างมากก็แค่ชอบได้หน้าได้ตาและชอบวางแผน แค่เพิ่งท้องก็หมายปองตำแหน่งคุณนายเซวีย
ทว่าจู่ฉีสมัยก่อนนั้นต่อให้เอาแต่ใจแค่ไหนก็ไม่มีวันเอ่ยคำว่าจะจากไป เซวียเจวี๋ยเป็นสะพานที่จะทำให้เขาเข้าไปสู่สังคมชั้นสูงได้ เขาไม่มีทางลงจากสะพานง่ายๆ
เกิดอะไรผิดพลาดตรงไหนกันนะ...
พ่อบ้านจางคิดไม่ตก ต้องยอมรับว่าจู่ฉีที่อยู่ๆ ก็ตัดสินใจจะจากเซวียเจวี๋ยไปทำให้เขารับมือไม่ทัน แม้เมื่อก่อนเขาจะเคยหวังให้เป็นเช่นนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
“พ่อบ้านจาง?” เสียงสดใสน่าฟังของจู่ฉีดึงเขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
พ่อบ้านจางได้สติ ขมวดคิ้วมองใบหน้าขาวสะอาดหล่อเหลาของฝ่ายตรงข้าม
มุมปากจู่ฉีขยับยกขึ้นนิดๆ ดวงตารูปดอกท้องดงามคู่นั้นเหมือนมีดวงดาวนับหมื่นนับพัน หน้าตาเขาน่ามอง รอยยิ้มทำให้คนรู้สึกดีด้วย
“คุณนายท้องโตออกเดินทางไม่สะดวก หากรู้สึกเบื่อที่อยู่บ้าน รอคุณท่านกลับมา ค่อยให้ออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนดีไหมขอรับ”
“ถ้าเขาอยากจะกลับมาก็คงกลับมานานแล้ว ไม่มีทางทิ้งผมไว้นี่เดือนกว่าโดยไม่ถามไม่ไถ่” ใบหน้าของจู่ฉียังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เสียดายที่รอยยิ้มนั้นไม่ปรากฏในดวงตา “คุณไม่ใช่คนตาบอด ผมก็ไม่ใช่คนโง่”
พ่อบ้านจางอ้าปากแล้วก็หุบปาก มองแววตาใสกระจ่างของจู่ฉีทีมองทะลุได้ถึงก้นบึ้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำพูดที่จะปลอบโยนให้จบๆ เรื่องไปกลับติดค้างอยู่ในลำคอ
นิ่งอยู่นาน ท้ายสุดพ่อบ้านจางก็ถอนใจอย่างยอมจำนน กวักมือเรียกเสียวหย่าที่ยืนข้างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง “รีบไป เรียกคนมาช่วยสองสามคน”
อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง โรลสรอยซ์สีดำมันปลาบสองคันก็เคลื่อนตัวตามกันออกจากประตูใหญ่บ้านเซวียอย่างช้าๆ
จุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้คือรีสอร์ตตากอากาศที่อยู่ชานเมืองนี้เอง เรื่องการไปพักผ่อนต่างประเทศอะไรนั่นต้องหยุดคิดชั่วคราว แค่พ่อบ้านจางยอมให้จู่ฉีออกจากบ้านได้ก็ถือเป็นการยอมจำนนอย่างที่สุดแล้ว
แต่อันที่จริงจู่ฉีก็ไม่ได้อยากไปเที่ยวต่างประเทศจริงๆ เขาแค่ใช้วิธียั่วยุเล็กๆ เพื่อให้เซวียเจวี๋ยที่เอาแต่หลบหน้าหลบตาเขาปรากฏตัวเท่านั้นเอง
วุ่นวายมาตลอดช่วงเช้า จู่ฉีรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาทันใด เขาปรับท่านั่งใหม่ เอนตัวพิงเบาะหลังแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว
เขานอนหลับไม่ได้สนิท ควรต้องพูดว่าตั้งแต่ทะลุมิติมาในนิยายเรื่องนี้ เขาไม่เคยนอนหลับสนิทเลย
ก่อนหน้านี้จู่ฉีไม่มีทางแม้แต่จะฝันว่า แค่ตื่นขึ้นเขาก็จะมาปรากฏตัวอยู่ในนิยายที่เคยอ่าน มิหนำซ้ำในนิยายเรื่องนี้ เขาไม่ได้เป็นกระทั่งตัวประกอบสำคัญ แค่ถูกเอ่ยชื่อถึงไม่กี่ครั้งก็ตายแล้ว
ส่วนพ่ออีกคนของเด็กในท้องเขา ซึ่งก็คือเซวียเจวี๋ยประธานเครือธุรกิจตระกูลเซวีย ก็เป็นแค่พระรองผู้น่าสงสารที่หลงรักนางเอกแต่ไม่สมหวังเท่านั้น ถ้าพูดแย่ๆ หน่อยก็คือเป็น ‘ยางสำรองพันปี’
เซวียเจวี๋ยหลงรักนางเอกตั้งแต่แรกพบ จากนั้นก็เหมือนติดในบ่วงมาร ทุ่มทรัพย์สินทั้งหมดที่มีเพียงเพื่อให้นางเอกหันมามองตนบ้าง ซ้ำใจดำถึงขั้นทอดทิ้ง ‘จู่ฉี’ ที่ยอมเสี่ยงตายให้กำเนิดลูกของเขา
นิยายเรื่องนี้เขียนจากมุมมองของพระเอก ในสายตาของพระเอก เซวียเจวี๋ยที่แย่งผู้หญิงกับตนก็เป็นเหมือนตะปูในดวงตา เป็นหนามทิ่มตำอยู่ในเนื้อ
ตอนนั้นจู่ฉีก็รู้สึกว่าเซวียเจวี๋ยนี่ ‘กาก’ เหลือเกิน มีครอบครัวแล้วยังทำตัวเป็นคนโสดไปกระหน่ำจีบนางเอกอีก
ตอนนี้ดูแล้ว...
หนักข้อคือเซวียเจวี๋ยไม่ได้แค่ ‘กาก’ ยังเป็นยาพิษฆ่าคนได้ชัดๆ ! แค่สัมผัสก็ตายได้ทันทีมากกว่า!
จู่ฉีเป็นคนที่รู้จักตัวเองดี เขารู้ถึงสถานะของตนในใจเซวียเจวี๋ย ยิ่งไม่อยากท้าทายอำนาจของนางเอกในฐานะที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ
ตอนนี้หากอยากหนีจากวังวนของพล็อตเรื่อง มีหนทางเดียวที่จะเดินไปได้...ก็คือเลิกกับเซวียเจวี๋ย
ดูเหมือนจะหลับไปนาน ตอนที่จู่ฉีงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมา ก็พบว่ารถจอดอยู่ริมถนนแล้ว เขาขยับมือ ผ้าห่มบางๆ ที่คลุมท้องเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้หล่นลงไปทันที
พ่อบ้านจางที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบเก็บผ้าห่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วคลุมท้องจู่ฉีไว้อย่างระมัดระวัง แววตาเต็มไปด้วยความรักถนอมเวทนาเจ้าตัวน้อยในครรภ์
จู่ฉี “...” เลือกปฏิบัติชัดๆ!
พ่อบ้านจางเห็นจู่ฉีตื่นก็ฝืนยิ้ม “เรามาถึงแล้ว เมื่อครู่ผมโทรมาแจ้งให้พวกเขาเตรียมอาหารกลางวันไว้แล้วขอรับ ให้เสียวหย่าและคนอื่นๆ เอาสัมภาระไปไว้ในห้อง เราตรงไปที่ห้องอาหารเลยดีไหมขอรับ?”
จู่ฉีพยักหน้า “ก็ได้”
พ่อบ้านจางค่อยๆ ประคองจู่ฉีลงจากรถ
จู่ฉีสวมชุดหลวมๆ แต่ยังปิดท้องกลมๆ นั่นไม่มิด มือเขาประคองท้องไว้ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก
โชคดีว่าตอนนี้เขามีผ้าคลุมไหล่ ทำให้ท้องที่โตอยู่ไม่เด่นชัดนัก
ได้ยินว่ารีสอร์ตนี้ติดภูเขาติดน้ำ ทิวทัศน์สวยงาม อาหารรสดียอดเยี่ยม เป็นสถานที่ที่คนรวยชอบมาพักผ่อนหาความสำราญ แต่ราคาแพงลิ่ว ซ้ำต้องจองล่วงหน้า
โชคดีที่รีสอร์ตนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจภายใต้เครือตระกูลเซวีย พ่อบ้านจางแจ้งผู้ดูแลรับผิดชอบก่อน ฝ่ายตรงข้ามก็จัดห้องพักที่ดีที่สุดให้ทันที