(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน อยู่โลกนี้วันหนึ่ง เพื่อรักคุณมากขึ้นอีกหนึ่งวัน เล่ม 01

Wednesday

บทที่ 8

จู่ฉีมองเซวียเจวี๋ยโยนของในมือลง จากนั้นก็หันกายลงจากรถโดยไม่ลังเล เด็ดขาดสมเป็นผู้ชายกากๆ แล้งน้ำใจ

ตามบุคลิกตัวละครที่วางไว้ สำหรับเจ้าของร่างเดิมและลูกแล้ว เซวียเจวี๋ยก็กากจริงๆ

จู่ฉีส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา ยื่นมือข้างหนึ่งมาทำท่าโอเวอร์แอ็กติ้ง “กาก...ไม่ใช่ พี่ชาย โกรธเหรอ? ผมแค่ล้อเล่นน่ะ ผมไม่ได้รังเกียจว่าคุณแต่งหน้าไม่ดี ผมแค่รู้สึกว่าคุณยังพัฒนาฝีมือได้อีกขั้น”

เซวียเจวี๋ยทำเป็นไม่ได้ยินที่จู่ฉีพูด สาวเท้ายาวๆ เดินไปอยู่หน้าร้านอย่างรวดเร็ว พนักงานสี่คนที่ยืนรออยู่ด้านหน้ารีบมาต้อนรับ

จู่ฉีรู้ว่าเซวียเจวี๋ยคนขี้ใจน้อยงอนอีกแล้ว เขาหรี่ตาลงยิ้มสะใจ ลงรถพลางพูดพึมพำกับตัวเอง “ผมชอบท่าทางคุณตอนโกรธ”

พอลบหน้าตาที่แต่งเหมือนตัวตลกขี้เหร่นั่นออกไป จู่ฉีก็ได้ความเชื่อมั่นกลับคืนมาอีกครั้ง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูกับกางเกงออกกำลังกายเดินช้าๆ ไปหาเซวียเจวี๋ย

พออยู่ต่อหน้าพนักงานทั้งสี่ที่มองเขาเหมือนตัวประหลาด จู่ฉีก็ยิ้มทักทายพวกหล่อน “สวัสดีครับ ผมเป็นคนในครอบครัวของเซวียเจวี๋ย”

“...” พนักงานทั้งสี่นิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็หันไปมองเซวียเจวี๋ยเป็นเชิงขอคำยืนยัน 

เซวียเจวี๋ยไม่นึกว่าจู่ฉีจะกล้าใส่ชุดประหลาดแบบนี้เดินส่ายอาดๆ ออกมา สีหน้าเขาแข็งค้างเหมือนฟอลซิล แผ่กลิ่นอายบางอย่างที่ไม่อาจมองตรงๆ

ครู่ต่อมาเขาก็กัดฟันพูดว่า “ใช่ เขาเป็นคนในครอบครัวผม พวกคุณรีบพาเขาไปเปลี่ยนชุดหน่อย”

สีหน้าของพนักงานทั้งสี่แข็งค้างไปชั่วขณะ แต่พวกหล่อนมีปฏิกิริยารวดเร็ว รีบยิ้มอย่างอบอุ่นเหมือนแขวนป้ายยินดีต้อนรับไว้ตรงหน้า ห้อมล้อมประคองจู่ฉีเข้าไปในร้านอย่างระมัดระวัง

ร้านนี้เป็นร้านเสื้อผ้าตัดพิเศษชั้นสูงระดับต้นๆ ของเมืองนี้ ใช้ระบบสมาชิกเช่นเดียวกับเครือรีสอร์ตของตระกูลเซวีย แขกที่เข้ามาใช้บริการที่นี่ได้ต้องมีสถานะทางสังคมระดับหนึ่ง

ฉะนั้นปกติจึงมีคนมาใช้บริการไม่มาก ทุกเดือนคนระดับเซวียเจวี๋ยจะมีผู้ช่วยมารับเสื้อผ้าที่สั่งตัดไว้ ไม่มีทางมาที่ร้านเพื่อเลือกเสื้อผ้าตัดสำเร็จ 

แต่ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ประเด็นสำคัญคือเซวียเจวี๋ยมาเองหนแรก พร้อมกับพา ‘คุณนายเซวีย’ ที่ลือกันว่าอยู่แต่ในบ้านมาด้วย ซ้ำ ‘คุณนายเซวีย’ ยังเป็นบุรุษมีครรภ์ด้วย?!

หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปก็จะเป็นข่าวพาดหัวเลยทีเดียว!

พนักงานหันมาสบตากัน จากนั้นก็เห็นความเสียดายในสายตาของแต่ละคน

แม้ว่าคุณเซวียและ ‘คุณนายเซวีย’ ไม่ได้ปกปิดในการออกจากบ้าน แต่พวกหล่อนก็ไม่สามารถแพร่งพรายความลับของลูกค้าออกไปเพราะเป็นเรื่องของจรรยาบรรณในอาชีพ

เสียดายที่ข่าวพาดหัวอยู่ในคอ จะคายก็คายไม่ได้ จะกลืนก็กลืนไม่ไหว พวกหล่อนได้แต่พยายามย่อยข่าวนี้อยู่ในหัวตัวเอง


 

จู่ฉีไม่เคยมาร้านเสื้อผ้าชั้นสูงขนาดนี้ เขาอดมองซ้ายมองขวาไม่ได้

ก่อนทะลุมิติมา เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ทำงานไอที ได้เงินเดือนธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมดาสองจุดหนึ่งเส้นทางคือบ้านกับบริษัท ถ้าจะซื้อเสื้อขนเป็ดราคาหลักพันเขาก็ต้องลังเลแล้วลังเลอีก

มีแต่คนที่รวยไม่รู้เรื่องเท่านั้นถึงจะมาเยือนสถานที่แบบนี้ เกรงว่าก่อนทะลุมิติจู่ฉีเดินผ่านร้านแบบนี้ก็ไม่กล้ามอง กลัวจะถูกการตกแต่งสีทองอร่ามนี่สะท้อนจนตาบอด

ทว่าตอนนี้ เขาถูกพนักงานห้อมล้อมพาเข้าร้านไปเหมือนเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ปาน ไม่รู้นี่นับไหมว่าเป็นสวัสดิการอย่างเดียวในการทะลุมิติ...กลายเป็นคนรวย

พอคิดถึงเงินสิบล้านในบัตรธนาคาร จู่ฉีก็ยืดอกทันที ต่อให้ใส่ชุดประหลาดแบบนี้ก็รู้สึกว่ามีความมั่นใจขึ้นมาก

ต้องยอมรับว่าร้านเสื้อผ้าชั้นสูงบริการดีจริงๆ พวกหล่อนเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกองโตให้จู่ฉีอย่างกระตือรือร้น ขณะรอปรับขนาดชุดให้เหมาะสม พวกหล่อนก็เอาน้ำเปล่า ผลไม้ และของกินเล่นมาให้ ทั้งยังคุยเป็นเพื่อนจู่ฉี

จู่ฉีจิบน้ำและเริ่มโม้ด้วยท่าทีจริงจัง “ผมกับเซวียเจวี๋ยรู้จักกันในงานเลี้ยง ตอนที่เขาเห็นผมครั้งแรกก็ตกตะลึง จากนั้นก็ตกหลุมรักทันที แล้วก็เริ่มกระหน่ำจีบผมแบบยังไงนะ อ้อ หนึ่งร้องไห้ สองอาละวาด สามผูกคอตาย ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา พอตกดึกเขาก็หอบกีตาร์มาใต้ตึกผมแล้วร้องเพลงรัก เสียงเพลงของเขาเหมือนเสียงมารบาดหู...”

จู่ฉีกำลังพูดจาออกรสออกชาติ ก็เห็นสาวๆ ที่เดิมนั่งฟังอย่างสนุกสนานหน้าเปลี่ยนสี ลุกขึ้นแล้วหาเหตุแตกฮือ คนหนึ่งก่อนไปยังกระแอมใส่จู่ฉีหลายครั้ง

จู่ฉีเอ่ยอย่างเป็นห่วง “เจ็บคอก็กินน้ำอุ่นเยอะๆ นะครับ”

แม่สาวนางนั้นถอยฉากอย่างสิ้นหวัง

จู่ฉียกน้ำขึ้นดื่มอย่างแปลกใจ ขณะคิดจะลุกขึ้นเดินเสียหน่อย ก็ได้ยินเสียงโหดๆ ของเซวียเจวี๋ยดังขึ้น “นายเล่าหน่อยซิว่า ฉันวิ่งไปร้องเพลงใต้ตึกนายตั้งแต่เมื่อไร?”

“...” จู่ฉีตบศีรษะเป็นเชิงเข้าใจที่มาที่ไปแล้ว เขาตอบอย่างฉลาดแบบประนีประนอมว่า “ไม่ใช่คุณหรอกเหรอ? ขอโทษที ผมจำสลับแน่เลย คงเป็นเรื่องของคนก่อนน่ะครับ”

พอได้ยิน สีหน้าของเซวียเจวี๋ยก็คร่ำเครียดขึ้นอีก จ้องจู่ฉีอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนฝืนพูดว่า “ดูไม่ออกเลยว่านายมีเรื่องเก่าให้เล่าไม่น้อย”

ผู้ชายน่ะหรือ ต่างก็มีความรักหน้าเล็กๆ อยู่ทุกคนน่ะแหละ

พอฟังเซวียเจวี๋ยพูดแบบนี้ จู่ฉีก็รู้สึกลอยล่องขึ้นมาทันที เขาส่งเสียงเย้ยแบบไม่ไว้ไมตรี “คุณคิดว่าใครๆ ก็เป็นตาแก่โสดสนิทเหมือนคุณหมดหรือไง?” 

หลังจากนิ่งเงียบไปนาน ใบหน้าเซวียเจวี๋ยก็ดำประหนึ่งก้นหม้อ

หากสายตาฆ่าคนได้ เวลานี้จู่ฉีคงถูกแล่ด้วยมีดนับพันนับหมื่นหนแล้ว

แน่นอนว่าจู่ฉีไม่รู้ประวัติความรักของเซวียเจวี๋ย เขาแค่เดาจากบทบาทยางสำรองพันปีของอีกฝ่ายเท่านั้นเอง ใครจะรู้ว่าแค่เดาก็ถูกเผง?

“ไม่หรอกมั้ง....” จู่ฉีเบิกตากว้าง หน้าตาบ่งบอกว่าคาดไม่ถึง กวาดตามองเซวียเจวี๋ยขึ้นๆ ลงๆ “คุณไม่เคยมีความรักเลยเหรอ?”

เสียของชะมัด !

ถ้าเขามีทุกอย่างพร้อมเหมือนเซวียเจวี๋ย อดีตแฟนสาวของเขาคงมีเยอะขนาดต้องใช้รถบรรทุกมาขนเลยละ

เซวียเจวี๋ยทำหน้าเคียดแค้นแบบเห็นชัดว่าถูกจู่ฉีพูดแทงใจดำ กลิ่นอายความโหดในสายตาเกือบจะล้นทะลักออกมามีรูปร่างแท้จริง กระทั่งแสงสว่างรอบตัวก็ไม่สามารถทำให้แรงกดทับที่เขาส่งมาจางหายไปได้

“จู่...ฉี” เซวียเจวี๋ยเปล่งเสียงลอดลำคออย่างยากเย็น ดวงตาดำสนิทจ้องจู่ฉีซึ่งสีหน้าค่อยๆ ฉายแววขุ่นเคือง “นายเชื่อไหมว่าฉันมีร้อยวิธีที่จะทำให้นายไม่อยากเปิดปากพูดอีกเลย”

จู่ฉีได้ยินก็โกรธจนควันแทบจะพุ่งออกจากหัว แค่เยาะเย้ยนิดหน่อยเอง เขาผิดตรงไหน?

เซวียเจวี๋ยอยู่มาถึงอายุสามสิบเอ็ด ไม่ว่าอยู่ในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้รับการเอาใจตามใจตลอด ใครๆ ก็คอยสังเกตสีหน้าแววตาเขาไม่ใช่เหรอ? มีแต่จู่ฉีที่กล้าดีหยอกเขาเล่นเหมือนเป็นลิง

น่าโมโหเหลือเกิน!

หากไม่คิดว่าจู่ฉีท้องหกเดือนกว่าแล้ว เซวียเจวี๋ยคงควบคุมตัวเองไม่ได้ ต้องจับจู่ฉียัดเข้าไปในสวนสัตว์เป็นลิงให้คนดูแน่

จู่ฉีเป็นคนรู้จักสังเกตสีหน้าแววตาคน พอเห็นเซวียเจวี๋ยโกรธจนแทบระเบิด เขาก็รีบคว้าเสื้อผ้าที่พนักงานถือไว้ หายแวบเข้าไปในห้องลองเสื้อ

อย่าเห็นว่าปกติจู่ฉีท้องโตเคลื่อนไหวไม่สะดวก ถึงเวลาคับขันหนีตาย ขาเรียวยาวคู่นั้นไวเสียยิ่งกว่ากระต่าย

เสื้อหลายตัวที่พนักงานเอามาได้รับการปรับแก้เรียบร้อย ขยายเอวอีกหลายนิ้ว พอให้จู่ฉีซึ่งท้องโตใส่ได้ ส่วนกางเกงไม่ต้องแก้ ใส่ไปพอดีตัว

ปกติแล้วจู่ฉีใส่เสื้อผ้าเอง โชคดีที่เสื้อผ้าฤดูร้อนค่อนข้างบาง เขาสวมชุดใหม่เสร็จอย่างช้าแต่ก็ใช้เวลาไม่นานเกินไปนัก

เวลานี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

จู่ฉีนึกว่าพนักงานมาถามว่าเขาลองถึงไหนแล้ว เขาไม่ได้คิดอะไรก็เดินมาเปิดประตู คาดไม่ถึงว่าเพิ่งเปิดแง้มออกมา ก็ถูกคนข้างนอกผลักเปิดโดยแรง

“คุณเป็นใคร?” จู่ฉีตกตะลึง ถอยหลังไปสองก้าวตามสัญชาตญาณ ยกมือขึ้นจะปิดประตู

แต่แรงเขาไม่เท่าคนข้างนอกซึ่งเตรียมพร้อมแต่แรก คนคนนั้นเบียดตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จับสองมือเขาล็อกไว้กับผนัง ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะใช้เท้ายันปิดประตูด้านหลังไว้

จู่ฉีมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแต่สีหน้าบิดเบี้ยวตรงหน้าด้วยความงุนงง เวลานั้นเขาไม่รู้ว่าตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่

ชายหนุ่มคนนั้นถลึงตามองเขาอย่างดุร้าย สายตาเต็มไปด้วยความดูแคลนและความโกรธแค้น ยังมีความละโมบที่เห็นได้ชัดเจนแฝงอยู่ด้วย

“มิน่าถึงติดต่อนายไม่ได้นานขนาดนี้ ที่แท้เกาะกิ่งไม้สูงอย่างเซวียเจวี๋ยกลายเป็นคุณนายเศรษฐีไปแล้ว นายนี่ไม่มีมโนธรรมเอาซะเลย บินขึ้นสูงกลายเป็นหงส์แล้ว ก็ลืมคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขเสียหมด”

ชายคนนั้นใช้สองนิ้วหนีบคางจู่ฉีไว้ หรี่ตามองเขาอย่างเกลียดชัง

จู่ฉีมองชายคนนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก วินาทีต่อมาก็ปรากฏชื่อหนึ่งขึ้นมาในห้วงสมอง

“สือเฮ่า?”

“ฉันนึกว่านายลืมกระทั่งชื่อฉันแล้วซะอีก” สือเฮ่ายิ้มเย้ยที่มุมปาก จากนั้นก็หลุบตาลง สายตามองมาที่ท้องนูนของจู่ฉีอย่างไม่รู้ว่าคิดอะไรกันแน่ “ที่แท้นายท้องได้จริงๆ แค่ไม่ถึงปีก็ท้องลูกของเซวียเจวี๋ยแล้ว เปลือกนอกบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เป็นพิษเป็นภัยเหมือนกระต่ายน้อย แต่ที่จริงฝีมือยั่วผู้ชายเก่งกว่าใครทั้งนั้น”

จู่ฉีนิ่งฟังสือเฮ่าพูดจบ หากเป็นเจ้าของร่างเดิมคงโกรธจนควันออกเจ็ดทวาร แต่จู่ฉีไม่เพียงไม่รู้สึกอะไรในใจ ยังกลับนึกอยากหัวเราะด้วย

ประการแรกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับสือเฮ่า ประการที่สองเขาหน้าหนา ไม่ปล่อยให้ตัวเองโกรธจนดูโง่เพราะคำพูดเผ็ดร้อนไม่กี่ประโยคของฝ่ายตรงข้าม

สือเฮ่ามีบทในนิยายไม่น้อย เกิดในตระกูลผู้กำกับใหญ่ หลังจบมหาวิทยาลัยก็อาศัยการสนับสนุนจากทางบ้าน กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงและทำรายได้ดีหลายเรื่อง เป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ที่เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง อนาคตสดใส

สองปีก่อนสือเฮ่าเลือกนักแสดงมารับบทพระรองในภาพยนตร์เรื่องใหม่ ถูกใจเจ้าของร่างเดิมซึ่งตอนนั้นยังเรียนอยู่มัธยมปลายปีที่ห้า จึงพาเขาเข้าวงการบันเทิง ในแง่หนึ่งก็ถือว่าเป็นแมวมองผู้ค้นพบเจ้าของร่างเดิม

แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง สือเฮ่าก็เป็นรักแรกของเจ้าของร่างเดิม และยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ้าของร่างเดิมกลายมาเป็นเกย์ด้วย

 

หนังสือแนะนำ All

Special Deal