Wednesday
โชคดีว่าเวลาที่เหลือต่อจากนั้น จู่ฉีแปลงร่างเป็นเต่าน้อยหดหัวอยู่ในกระดองเงียบๆ ไม่ได้หน้าหนามาก่อกวนเซวียเจวี๋ยอีก
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน เซวียเจวี๋ยที่หลับไปครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้น หันมาเห็นจู่ฉีนั่งพิงเบาะเอียงๆ อย่างเริงรื่น ในมือถือโทรศัพท์ไว้ ตั้งอกตั้งใจดูอะไรบางอย่าง
เซวียเจวี๋ยสายตาดี เขามองเห็นหน้าจอเวย์ปั๋ว* (เวย์ปั๋ว (Weibo) : เป็นเว็บไซต์ไมโครบล็อกของจีน มีลักษณะคล้ายคลึงกับทวิตเตอร์กับเฟซบุ๊ก) ที่จู่ฉีกำลังอ่านในทันที
เดิมคิดว่าจู่ฉีว่างเลยเปิดเวย์ปั๋วเล่น แต่เพิ่งคิดแบบนี้ เขาก็เห็นจู่ฉีแตะเปิดรูปหนึ่ง เป็นรูปหน้าสือเฮ่าที่ยิ้มสดใสราวกับพระอาทิตย์
เซวียเจวี๋ย “...”
จู่ฉีซึ่งหมกมุ่นอยู่ในโลกเล็กๆ ของตนเองไม่ได้สังเกตพบแววตาคร่ำเครียดของเซวียเจวี๋ย ไม่เพียงเปิดดูรูปสือเฮ่าบนเวย์ปั๋ว ยังขยายใหญ่ดูให้ชัดๆ ด้วย
ราวกับจะนับขี้แมลงวันบนหน้าสือเฮ่าอย่างไรอย่างนั้น
เซวียเจวี๋ยกระแอมไอสองที จู่ฉียังคงไม่มีปฏิกิริยา
ผ่านไปครู่ใหญ่ เซวียเจวี๋ยก็ทนไม่ไหวกัดฟันกรอด “เขาคือคนก่อนที่เล่นกีตาร์ใต้ตึกนาย?”
“หือ?” จู่ฉีได้สติขึ้นมาทันที ไม่คิดว่าอยู่ๆ เซวียเจวี๋ยจะถามคำถามนี้
หลังจากงุนงงไปชั่ววูบ จู่ฉีก็ทำใจกล้า “ใช่แล้วคนนี้แหละ เขาโรแมนติกกว่าคุณเยอะ ดูสิเราหมั้นกันตั้งครึ่งปีแล้วคุณทำอะไรให้ผมมั่ง? แถมงานฉลองหมั้นก็มีแค่เราสองคนกินข้าวที่บ้าน กระทั่งสักขีพยานยังไม่มีสักคน”
เซวียเจวี๋ยเจอคำพูดตัดพ้อก็พูดไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่งก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ก็มีพ่อบ้านจางกับเสี่ยวเจ้าอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ?”
จู่ฉี “...” คนที่ถูกกำหนดให้โสดสนิทสามสิบกว่าปีช่างน่าโมโหเหลือเกิน
จู่ฉีซึ่งล้มเหลวกับการสื่อสารตัดสินใจไม่สนเซวียเจวี๋ยอีก สไลด์มือถือหาข่าวสารบนเวย์ปั๋วของสือเฮ่าต่อ
ตอนที่รถวิ่งมาถึงรีสอร์ต จู่ฉีก็ดูเวย์ปั๋วของสือเฮ่าพอประมาณ ใจเขาพอกำหนดอะไรบางอย่างได้ เก็บมือถือลงจากรถมาพร้อมเซวียเจวี๋ย
เซวียเจวี๋ยซึ่งเดิมโกรธอยู่ไม่รู้ทำไมโกรธยิ่งกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้เซวียเจวี๋ยยังพอสนใจการก่อกวนของจู่ฉี แต่ตอนนี้ต่อให้จู่ฉีพูดๆๆ ข้างหูเขาเหมือนแผ่นเสียงตกร่องว่าจะขอไปพักที่ห้องเขาก่อน เซวียเจวี๋ยก็ยังทำเป็นไม่ได้ยิน
กระทั่งเดินผ่านพ่อบ้านจาง เซวียเจวี๋ยก็สั่งทันทีว่า “พาเขากลับไป” ก่อนจะเดินจากไปไม่ยอมหันกลับ
จู่ฉีงุนงง ไม่รู้ว่าคนใจแคบเซวียเจวี๋ยงอนอะไร เขาแค่อยากหาที่หลบไป่กวงเจี้ยนที่อาจมารอเขาอยู่เป็นการชั่วคราวก่อนเท่านั้นเอง
เห็นหน้าเซวียเจวี๋ยก็รู้สึกเหมือนเห็นสัตว์ร้ายที่โผล่มาตอนน้ำท่วมใหญ่ อย่างกับเขาคิดจะทำอะไรเซวียเจวี๋ยอย่างนั้นแหละ
จู่ฉีหมดคำพูด เห็นเซวียเจวี๋ยตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอยู่ห่างเขา ก็ได้แต่ตามพ่อบ้านจางกลับที่พัก
ยังเดินไปไม่ถึงที่พักก็เห็นเสียวหย่าเฝ้าหน้าห้องด้วยท่าทีกลัดกลุ้ม ชั่วเวลาไม่กี่วินาทีถึงกับถอนใจไปหลายหน
พอได้ยินเสียงพวกเขาเดินมาใกล้ เสียวหย่าก็เงยหน้าขึ้นทันที พริบตานั้นสีหน้าสิ้นหวังก็จางหาย หล่อนวิ่งมาอย่างดีอกดีใจ “ในที่สุดคุณนายก็กลับมาแล้ว! หากยังไม่มา ดิฉันต้องรำคาญตายแน่เจ้าค่ะ”
จู่ฉีเลิกคิ้ว “ประธานไป่อยู่ข้างใน?”
“คุณไป่มารอคุณนายตั้งแต่บ่ายแล้ว กระทั่งอาหารเย็นยังสั่งจากฟรอนท์มาเลย เขากลัวว่าถ้าจากไปจะคลาดกับคุณนาย แถมยังถามอะไรดิฉันประหลาดๆ มากมาย” เสียวหย่าพูดอย่างน่าสงสาร
จู่ฉีพยักหน้า เดินตามเสียวหย่าไปข้างใน เดิมเขาคิดจะให้ไป่กวงเจี้ยนมาเก้อเพื่อเพิ่มความลึกลับให้ตนเอง แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ก็ได้แต่ล้มเลิกความคิด
พอเดินเข้ามาในห้อง ก็เห็นเงาร่างหนึ่งบนโซฟานั่งกระสับกระส่ายเหลียวซ้ายแลขวาไม่เป็นสุข
“คุณจางกลับมาแล้วเหรอ?” ไป่กวงเจี้ยนมีสีหน้ากังวล เขาถูมือไปมา “ไม่รู้ว่าคืนนี้คุณจู่จะกลับมาไหม...”
พูดยังไม่ทันจบก็เห็นจู่ฉีที่เดินตามหลังเสียวหย่ามา สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนเป็นยินดี รีบลุกขึ้นเดินเข้ามาจับมือกับจู่ฉี
“คุณจู่กลับมาแล้วดีเหลือเกิน ขออภัยที่ผมมารบกวนแบบนี้ ผมแค่อยากถามว่าดอกเบญจมาศที่ให้ผมมาเมื่อเช้าวานยังมีขายอีกไหมครับ?” ไป่กวงเจี้ยนพูดด้วยสีหน้าแดงมีเลือดฝาด พร้อมกันนั้นก็ชื่นชมสรรพคุณของดอกเบญจมาศอีกมากมาย ไม่นานสองตาก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง
หากรู้ว่าเบญจมาศได้ผลขนาดนี้ ต่อให้ดอกละห้าพัน เขาก็ต้องซื้อจากจู่ฉีให้หมด
จู่ฉีรอจนไป่กวงเจี้ยนสงบลงแล้วจึงเชิญเขานั่งลงบนโซฟาแล้วคุยรายละเอียด
เสียวหย่าที่อยู่ข้างๆ เห็นเข้าก็ประหลาดใจจนตาแทบถลน คิดว่าคุณไป่เหลวไหลก็พอแล้ว กระทั่งคุณนายยังเป็นไปด้วย
พวกเขามีดอกไม้ขายที่ไหนกัน? ยังเป็นดอกไม้ที่ช่วยให้นอนหลับได้ดีอีก หากมีดอกไม้แบบนั้นก็ไม่ต้องผลิตยานอนหลับมาขายแล้ว
“เสียวหย่า” จู่ฉีสั่ง “ไปเอากองเบญจมาศที่ระเบียงมาให้ผมหน่อย”
เสียวหย่าถอนใจเดินไปถึงระเบียง เห็นเบญจมาศซึ่งเดิมคิดว่าน่าจะเหี่ยวหมดแล้วกลับแบ่งบานเหมือนเดิม กลิ่นหอมประหลาดลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
เสียวหย่าซึ่งเมื่อครู่ง่วงนิดๆ พลันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ตายังเป็นประกาย หล่อนก้มลงดมดอกเบญจมาศ ใจคิดว่าดอกไม้กองนี้มีประสิทธิภาพขนาดนี้เชียวหรือ?
เสียวหย่าซึ่งนึกสงสัยเอาดอกเบญจมาศมาที่ห้องรับแขก ไป่กวงเจี้ยนยื่นคอชะเง้อมาเห็นของในมือหล่อน ตาก็เป็นประกายเหมือนไฟส่องถนน
“อันนี้แหละ!” ไป่กวงเจี้ยนลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นเหมือนเห็นบิดามารดาบุญธรรม “ไม่คิดว่าคุณจู่มีเก็บไว้มากขนาดนี้ ผมขอซื้อหมดเลยได้ไหมครับ? ราคาแล้วแต่คุณจะออกปาก!”
“ไม่รีบครับ” จู่ฉีทำท่าบอกให้ใจเย็น ให้ไป่กวงเจี้ยนนั่งลงเจรจา
ตอนนี้ไป่กวงเจี้ยนหรือจะนั่งสงบได้ ตาเขาเป็นประกายจ้องมองเบญจมาศที่เสียวหย่าส่งให้จู่ฉี เห็นจู่ฉีก้มลงดมๆ จากนั้นก็เงยหน้าถามเสียวหย่าว่า “รู้สึกง่วงไหม?”
“ไม่เจ้าค่ะ” เสียวหย่ายิ้มพลางส่ายหน้า “แต่คึกคักขึ้นไม่น้อย คุณไป่บอกว่าเบญจมาศพวกนี้ช่วยให้นอนหลับ แต่ดิฉันกลับรู้สึกว่าช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่า”
จู่ฉีมองเบญจมาศที่แบ่งบานอยู่ในมือเขา รู้สึกว่าพอเข้าใจบทบาทของมันขึ้นมา...มันคงไม่ได้ช่วยแค่รักษาอาการนอนไม่หลับเท่านั้น แต่น่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงสภาพคนในสถานการณ์ต่างกัน
เขาเอาเบญจมาศกองนี้ไว้ในห้องนานขนาดนี้ มีแต่กลางคืนที่จะสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพของมัน และดูเหมือนมันไม่มีส่วนช่วยเสียวหย่าที่ปกตินอนหลับง่ายอยู่แล้ว
พอคิดตรงนี้ได้ เขาก็ให้เสียวหย่าเอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อเบญจมาศส่งให้ไป่กวงเจี้ยน “คุณไป่ ตอนนี้ผมยังขายราคาเดิมคือห้าร้อยหยวน ตอนนี้มีหกสิบดอก ลูกค้าเก่าลดสิบเปอร์เซ็นต์เหลือสองหมื่นเจ็ดพันหยวน”
ไป่กวงเจี้ยนที่เดิมกระตือรือร้นได้ยินก็นิ่งไป ตะลึงมองจู่ฉีไม่พูดจา
จู่ฉีรีบเสริมว่า “หากคุณไป่รู้สึกว่าทั้งกองนี้มากไปก็ซื้อพอที่ต้องใช้ แต่ผมลดราคาให้ไม่ได้แล้ว”
“ไม่ๆๆ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” ไป่กวงเจี้ยนรีบโบกมือปฏิเสธ เอ่ยอย่างระมัดระวังแต่เต็มไปด้วยความหวัง “ผมแค่อยากถามว่า คุณเหลือแค่กองนี้เท่านั้นเหรอ?”
จู่ฉียิ้ม “ไม่ใช่หรอกครับ แต่ของที่ผมขายไม่รับเปลี่ยนไม่รับคืน และไม่รับประกันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะช่วยได้ตลอด ผมจึงเสนอให้คุณไป่ซื้อเท่าที่ใช้ก่อน”
คำพูดนี้เหมือนน้ำเย็นราดใส่หัว ทำให้ไป่กวงเจี้ยนที่เกือบลอยไปบนฟ้าตกลงมาบนพื้นทันที เขาคิดอยู่ชั่ววูบก็พบว่าเมื่อครู่ตนหลงดีใจจนสมองไม่คิดอะไร
ใช้ได้ผลครั้งหนึ่งไม่ได้แปลว่าต้องได้ผลตลอดไป บางทีผลจากดอกเบญจมาศที่ว่าวิเศษอาจเป็นแค่การเข้าใจผิดก็ได้
หลังผ่านความลังเลแล้วลังเลอีก เขาก็ตัดสินใจซื้อกองนี้กลับไปทดลองก่อน ถึงอย่างไรจู่ฉีก็รับประกันแล้วว่ามีสต็อกพอ เขาไม่ต้องกังวลว่าวันหน้าจะไม่มีแหล่งซื้อ
หลังโอนเงินผ่านมือถือให้จู่ฉี ไป่กวงเจี้ยนก็จากไปอย่างร่าเริง พอกลับไปถึงที่พัก ก็เห็นผู้หญิงแต่งตัวสวยสดคนหนึ่งรออยู่หน้าประตู
ผู้หญิงคนนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันมามองเขา ใบหน้าที่แต่งแต้มสีสันฉูดฉาดปรากฏความไม่พอใจอย่างมาก พูดอย่างใจร้ายว่า “ไม่อยากกลับบ้านก็รีบหย่าซะ จะได้ไม่เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย”
ผู้หญิงคนนี้คือเฉินเหม่ยซินภรรยาเขา ทั้งสองฝ่ายแยกกันอยู่เป็นพักๆ นับรวมๆ แล้วก็เกือบครึ่งปี
สองปีมานี้ อาการนอนไม่หลับและผมร่วงของไป่กวงเจี้ยนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาไปโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงทั้งในและนอกประเทศ แต่เสียเงินไปมากมายก็ไม่ได้ผลอะไร
สองปีที่ผ่านมาเขาสุขภาพแย่ลงอย่างมาก ชีวิตแต่งงานก็เลวร้ายขึ้นทุกที คราวนี้หลังทะเลาะกับภรรยาใหญ่โต เขาย้ายออกมาก็รู้สึกสงบลงไม่น้อย
ไป่กวงเจี้ยนพาเฉินเหม่ยซินไปในห้อง คิดจะพูดคุยกันฉันสามีภรรยาดีๆ แต่เฉินเหม่ยซินไม่มีความคิดแบบนั้น หล่อนหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าถือแล้วโยนลงบนโต๊ะน้ำชา
“ฉันให้ทนายความโจวร่างสัญญาหย่าแล้ว คุณเซ็นก็แล้วกัน”
ไป่กวงเจี้ยนตะลึงงัน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรไปชั่วขณะ เขามองสีหน้าเย็นชาของภรรยา นิ่งไปอึดใจก่อนจะหยิบสัญญามาอ่าน
ไม่นาน สีหน้าของไป่กวงเจี้ยนก็เปลี่ยนเป็นแย่ลงจากนั้นเป็นโกรธแค้น เขาโยนสัญญาลงไป ถลึงตามองเฉินเหม่ยซิน “ตอนแต่งงานกัน เธอไม่มีสินสอดมาสักแดง ตอนนี้จะแบ่งทรัพย์สินตระกูลไป่ไปมากกว่าครึ่ง โลภใช้ได้เลยนี่!”
เฉินเหม่ยซินนั่งด้วยกิริยางดงาม ยิ้มเย็นชาพูดว่า “หรือที่ฉันเสียเวลาวัยสาวไปกับคุณสิบกว่าปีไม่คุ้มเงินแค่นี้? คุณไม่ส่องกระจกดูตัวเองสักหน่อยเหรอ ผมเหลือไม่กี่เส้น ถุงตากับตาคล้ำๆ นั่นแทบจะบังทั้งหน้าแล้ว ฉันทนอยู่กับคุณมาถึงวันนี้ก็เรียกว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ”
คำพูดแทงใจทำให้ไป่กวงเจี้ยนโกรธจนหอบ กุมหน้าอกก็รู้สึกว่าเจ็บร้าวไปหมด เขาถีบโต๊ะน้ำชา พูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “อยากจะหย่า? ไม่มีทาง! กลับบ้านไปดีๆ ซะเดี๋ยวนี้!”
เฉินเหม่ยซินตกใจจนรีบลุกขึ้น ตาคู่งามเบิกกว้าง “คุณบ้าไปแล้วเหรอ?!”
“ไสหัวไป!” สายตาไป่กวงเจี้ยนเต็มไปด้วยความทุกข์และสิ้นหวัง
เฉินเหม่ยซินเห็นไป่กวงเจี้ยนอาละวาดขนาดนี้เป็นครั้งแรก ไม่กล้าอยู่นาน หยิบสัญญาหย่าแล้วจากไปอย่างขุ่นเคือง
ไป่กวงเจี้ยนเดินเซมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาเงียบๆ เกือบครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็เดินไปหน้ากระจกแล้วนิ่งมองตัวเอง...ผมที่เหลือน้อยนิด ถุงตาหนักจนน่ากลัว สีหน้าขาวซีดเหมือนไม่เคยแดงมาก่อน...
กระทั่งตัวเขายังคิดว่าตนเองน่ากลัวเลย
ก่อนหน้านี้ถึงเขาจะไม่รูปหล่ออะไร แต่ก็ถือว่าบุคลิกดูดีมีเสน่ห์ ไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นสภาพนี้
ดวงตาของไป่กวงเจี้ยนค่อยๆ แดงชื้น เขาสูดลมหายใจแรงๆ หางตาเหลือบไปเห็นดอกเบญจมาศที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา
นี่เป็นความหวังสุดท้ายของเขาแล้ว