(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน อยู่โลกนี้วันหนึ่ง เพื่อรักคุณมากขึ้นอีกหนึ่งวัน เล่ม 01

Wednesday

บทที่ 11

ถึงอย่างไรก็ซื้อมาด้วยเงินเกือบสามหมื่นหยวน ไป่กวงเจี้ยนไม่กล้าละเลย

เขาหาแจกันที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในห้องมาล้างให้สะอาดเช็ดให้แห้ง เทน้ำลงไป แกะกระดาษหนังสือพิมพ์ออกและค่อยๆ ปักดอกเบญจมาศลงไป

คืนนี้ไป่กวงเจี้ยนเข้านอนเร็วเพื่อทดสอบว่าดอกเบญจมาศจะได้ผลหรือไม่ เขาดูโทรทัศน์อยู่ครู่หนึ่งก็อาบน้ำล้มตัวนอนบนเตียง แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะวางเบญจมาศดอกหนึ่งไว้บนตู้หัวเตียง

แต่เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ ไป่กวงเจี้ยนยังคงกระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย

ในอากาศมีกลิ่นหอมของเบญจมาศจางๆ ใจที่เต็มไปด้วยการรอคอยของไป่กวงเจี้ยนตกอยู่ในเหวลึกโดยไม่รู้ตัว เขาสงสัยว่าตัวเองตัดสินใจง่ายๆ เช่นนี้ถูกต้องหรือไม่

ถ้าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดล่ะ?

ถึงอย่างไรเมื่อคืนวานตอนวิ่งกลับมาเขาก็เหนื่อยล้าทั้งตัว ยังกินยานอนหลับไปสองอัน ตามหลักก็ควรนอนหลับได้ แม้ว่าเมื่อก่อนต่อให้เป็นแบบนี้เขาก็ไม่หลับจริงๆ ก็ตาม

ไป่กวงเจี้ยนคิดเรื่อยเปื่อยวุ่นวาย ยิ่งคิดก็ยิ่งหมดหวัง นึกเสียใจที่หน้ามืดซื้อดอกเบญจมาศมาจากจู่ฉีด้วยเงินสองหมื่นกว่าหยวน

ท้องฟ้าด้านนอกมืดลงตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขานอนไม่หลับจริงๆ จึงนั่งอยู่บนเตียง หยิบมือถือมาอ่านอีเมลที่ผู้ช่วยส่งมา

เนื้อหามีแต่ตารางรายงานผลงานไตรมาสนี้ของแผนกต่างๆ อ่านเข้าใจง่ายแต่ก็วุ่นวายซับซ้อน ไป่กวงเจี้ยนชินเสียแล้ว ปกติไม่รู้สึกลำบากยากเย็น

แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนี้เขาอ่านไม่ได้แม้แต่เลขสักตัว ตารางธรรมดาๆ กลายเป็นสิ่งน่าเบื่อในทันที

ไป่กวงเจี้ยนยังคับตนเองให้อ่านจบสองหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกงุนงง เขานวดขมับเบาๆ กะว่าจะพักสักหน่อยค่อยอ่านต่อ

แต่แค่หลับตาลงไม่นาน เขาก็คอตกจากหมอนที่พิงอยู่และหลับไปเรียบร้อย


 

เช้าวันรุ่งขึ้น

ไป่กวงเจี้ยนตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเจ็บปวด พอเงยหน้าก็เห็นพระอาทิตย์ลอยสูง แสงสีทองอร่ามส่องเข้ามาทำให้ห้องสว่าง

เมื่อคืนเขาหลับไปเหรอ?

หลังจากตะลึงไปชั่วครู่ สีหน้างุนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยินดี เขารีบหันไปตามหาเบญจมาศดอกนั้น แต่วินาทีต่อมา คอซึ่งตกหมอนเมื่อวานก็เจ็บขึ้นมาทันที

เขากุมคออย่างเจ็บปวด แต่เรื่องเล็กเท่านี้ไม่ได้ส่งผลต่ออารมณ์ตื่นเต้นดีใจของไป่กวงเจี้ยน เขายื่นหน้าไปตรงตู้หัวเตียง

เป็นดังคาด ดอกเบญจมาศกลายเป็นผง

ไป่กวงเจี้ยนรู้สึกดีใจเหมือนเด็กเล็กๆ เขาอดไม่ได้ที่จะแชร์ข่าวนี้ไปให้เหล่ามิตรสหายในการศึกที่ร่วมต่อสู้กับอาการนอนไม่หลับและผมร่วงมาสองปี เขาพิมพ์ข้อความในมือถือส่งไปในกลุ่มในวีแชท 

“สหายทั้งหลาย! ผมรู้วิธีแก้โรคนอนไม่หลับแล้ว! สองวันนี้หลับสนิทเสียที!”

พอส่งไป กลุ่มซึ่งเงียบมาเกือบเดือนก็คึกคักขึ้นทันที

“???”

“ใช้ได้นี่เหลาไป่* (เหลาไป่ : ‘เหล่า’ ใช้วางหน้าแซ่ แสดงการเรียกอย่างสนิทสนม ในที่นี้ผันวรรณยุกต์ตามแซ่ไป่ ออกเสียงเป็นเหลา) เร็วกว่าพวกเรามากเลย บอกมาซิว่าคุณไปหาหมอที่โรงพยาบาลไหน ช่วยพวกเราด้วย ผมทรมานกับการนอนไม่หลับจนเกิดภาวะประสาทเปลี้ยแล้ว” 

“ผมก็ทรมานเหลือเกิน ดึกดื่นเที่ยงคืนก็ไม่หลับ ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ตาแก่เหล่าจางยังเรียกผมลับหลังว่าลาหัวล้าน! มีผมแล้วเก่งตรงไหน!”

“ถ้าให้ผมพูด มีผมก็เก่งน่ะแหละ ไม่งั้นเราก็ไม่รวมตัวเป็นกลุ่มนี้หรอก...”

“โอ๊ย! พวกคุณอย่าเพิ่งแทรกสิ เราฟังก่อนว่าเหลาไป่ว่าไง”

ไม่นานกลุ่มก็เงียบลง ทุกคนรอไป่กวงเจี้ยนเล่าต่อ

ไป่กวงเจี้ยนดีใจจนหน้าแดง เขาปรับมือถือเป็นโหมดถ่ายรูป ถ่ายรูปเบญจมาศในแจกันข้างหน้าต่างหลายภาพแล้วตั้งใจเลือกภาพที่แสงดีที่สุดส่งไปสองภาพ

“อันนี้นี่แหละ ดอกละห้าร้อยหยวน ผมซื้อมารวมหกสิบดอก แต่ละดอกใช้ได้ครั้งเดียว สองวันนี้ผมวางไว้หัวเตียงก่อนนอน ตอนกลางคืนไม่ฝันเลยด้วยซ้ำ”

คราวนี้พอส่งข้อความไป ก็เหมือนหินจมลงทะเล ไม่มีฟองน้ำผุดมาสักนิด

ไป่กวงเจี้ยนเข้าใจว่าตัวเองเน็ตหลุด เขาเชื่อมต่อใหม่แล้วเข้ากลุ่มวีแชทอีกรอบ แต่ก็ยังคงมีแต่ถ้อยคำที่เขาพิมพ์อยู่ด้านล่างสุด

ผ่านไปห้านาทีจึงมีคนตอบ 

“เหลาไป่ไม่เป็นไรใช่ไหม? หมอบอกว่าอาการนอนไม่หลับและผมร่วงเกิดจากโรคในใจ ต้องค่อยๆ บำรุงร่างกายถึงจะดีขึ้น คุณหลอกตัวเองหลอกคนอื่นแบบนี้ไม่ได้อะไรหรอก” 

คนคนนี้เหมือนเป็นจุดเริ่ม จากนั้นก็มีคนอื่นตอบกันต่อๆ ในจำนวนนั้นก็มีคนอารมณ์รุนแรงพูดจาไม่เกรงใจ

“คุณโง่หรือเห็นพวกเราเป็นคนโง่? ดอกเบญจมาศรักษาอาการนอนไม่หลับ?! ถ้าอย่างนั้นหมอเฉพาะทางคงต้องม้วนเสื่อกลับบ้านหมดแล้ว”

“เหลาไป่ ปกติผมก็เห็นคุณดูเหมือนคนปกติ ทำไมพูดจาเหลวไหลแบบนี้? คุณก็รู้ว่าการนอนไม่หลับทรมานแค่ไหน คุณล้อเล่นแบบนี้ก็เหมือนเอามีดมากรีดแผลเราซ้ำ!”

“ผมว่าเหลาไป่เป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้คิดว่าดอกไม้เป็นยาดีช่วยชีวิตได้”

ไป่กวงเจี้ยน “...”

ตอนนี้เขาเพิ่งรู้สึกว่า การบอกทุกคนเรื่องประหลาดเช่นนี้ด้วยปากเปล่าก็ทำให้คนเชื่อได้ยากจริงๆ แต่การพูดคุยผ่านอินเตอร์เน็ตไม่สามารถจะพิสูจน์อะไรให้ทุกคนเห็นได้เลย

อย่าว่าแต่เขาจิตใจดีจึงแชร์เรื่องนี้ให้ทุกคนรู้ ส่วนทุกคนจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเขา ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว

พอคิดได้ ไฟโทสะจากการถูกสงสัยเมื่อครู่ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาทำใจให้นิ่งเขียนข้อความสุดท้ายในกลุ่ม

“แต่ไหนแต่ไรผมก็ไม่ใช่คนชอบพูดล้อเล่น ที่พูดเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงทุกอย่าง คนที่เชื่อใจผมก็จะเข้าใจความหวังดีของผม ส่วนคนที่ไม่เชื่อใจผมก็ถือว่าผมพูดเหลวไหลละกัน ถึงขั้นนี้แล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อไปทุกคนรักษาสุขภาพนะครับ”

พิมพ์ส่งแล้วเขาก็กดออกจากกลุ่มทันที

กลุ่มนั้นเขาเข้าไปด้วยความบังเอิญ ในกลุ่มมีคนอยู่สามสิบสี่คน ทุกคนเป็นทุกข์เพราะนอนไม่หลับและผมร่วง พวกเขาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มีมีทติ้งกันหลายครั้ง ความสัมพันธ์ดีไม่น้อย

มาเป็นแบบนี้ ไป่กวงเจี้ยนก็รู้สึกเสียดายเหลือเกิน และเสียใจที่คิดว่าไม่มีคนเชื่อเขา คิดไม่ถึงว่าผ่านไปวันหนึ่ง ก็มีคนแปดคนติดต่อมาหาเขาเป็นการส่วนตัว

ไป่กวงเจี้ยนสร้างกลุ่มเล็กๆ ขึ้นใหม่ เล่าเรื่องที่เขาเจอมาในสองสามวันนี้ให้ทุกคนทราบตามความจริง

คนเหล่านั้นรู้สึกอัศจรรย์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น อันที่จริงพวกเขาไม่ได้มีความหวังอะไรมากมาย แค่เป็นเหมือนรักษาม้าตายเหมือนรักษาม้าเป็น* (รักษาม้าตายเหมือนรักษาม้าเป็น : เป็นสำนวน หมายถึงเรื่องราวมาถึงขั้นที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่พยายามเป็นครั้งสุดท้าย) อย่างมากก็แค่เสียเงินนิดหน่อย 

ฉะนั้นพวกเขาก็นัดเวลามาเจอกันที่รีสอร์ต

นับตั้งแต่ขายดอกเบญจมาศกองนั้นให้ไป่กวงเจี้ยน จู่ฉีก็เด็ดเบญจมาศมาจากในมิติมาอีก ให้เสียวหย่ากับสาวใช้ทั้งหลายจัดวางไว้บนโต๊ะน้ำชา

ถ้าในช่วงแรกเขาจะหาเงินด้วยการขายเบญจมาศ เขาจะไม่ขายเป็นดอกเหมือนที่ขายให้ไป่กวงเจี้ยน

เพราะเบญจมาศแต่ละดอกพอใช้แล้วก็จะกลายเป็นผง ไป่กวงเจี้ยนไม่คิดมากกับเรื่องนี้แต่ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะไม่คิด ถ้าคนเหล่านั้นถามหาเหตุผล เขาก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

พอขบคิดแล้ว เขาก็มองว่าไม่สู้ตากเบญจมาศให้แห้งแล้วบดเป็นผง จากนั้นใส่ไว้ในกระปุกแก้วหรือโถแก้ว ทำแบบนี้จะดูน่าเชื่อถือมากกว่า และไม่ต้องยุ่งยากกับการที่ดอกเบญจมาศกลายเป็นผงไปเอง

แต่การสั่งผลิตบรรจุภัณฑ์ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น การติดต่อโรงงานและตกลงราคาเป็นเรื่องเล็ก แต่การดีไซน์กระปุกต้องให้คนออกแบบช่วย

ที่สำคัญที่สุดคือของที่เขาจะทำออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สามไม่มี* (ผลิตภัณฑ์สามไม่มี : คือสินค้าที่ไม่มีวันผลิต ไม่มีการรับรองคุณภาพ และไม่มีโรงงานผู้ผลิต) จะให้ถูกต้องก็ต้องจดทะเบียนบริษัทกับเครื่องหมายการค้า จากนั้นก็ไปผ่านการทดสอบคุณภาพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ไม่ต้องพูดถึงว่าเบญจมาศที่เป็นวัตถุดิบมีที่มาไม่ชัดเจน เอาแค่เรื่องพวกนี้ หากจะเตรียมให้เรียบร้อยก็ไม่ใช่เสร็จง่ายภายในสองสามเดือน

เรื่องที่น่ายินดีเรื่องเดียวคือ เขายังมีเงินสิบล้านที่เซวียเจวี๋ยให้มา และยังมีตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่อย่างเซวียเจวี๋ยเป็นแบ็กหลัง ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลยแม้แต่น้อย

พอคิดถึงตรงนี้ จู่ฉีก็ยิ้มอย่างมีความสุข

อา...

ความรู้สึกของการมีเงินนี่ดีจริงๆ...

มีความสุขจัง...

แม้ปัจจัยหลายอย่างในชีวิตจริงจะจำกัดความเคลื่อนไหวของจู่ฉี แต่หลายวันนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ว่างเลย ซ้ำมีเรื่องให้ทำตลอด โปรแกรมในแต่ละวันแน่นไปหมด

แผนสั่งทำกระปุกบรรจุภัณฑ์พักไว้ชั่วคราว แต่เลื่อนการตากดอกเบญจมาศให้แห้งขึ้นมาก่อน

จู่ฉีมอบหน้าที่ตากดอกไม้ให้สาวใช้และบอดี้การ์ด เสียวหย่าเป็นคนสั่งการให้เอาเบญจมาศมาตากที่สวนดอกไม้ขนาดเล็ก ส่วนเขาก็ทำหน้าที่ขนดอกเบญจมาศใหม่มาจากมิติอย่างรวดเร็ว

ดอกเบญจมาศในมิติเก็บง่ายมาก ดึงก้านเบาๆ ก็สามารถถอนมาได้ทั้งต้น ซ้ำไม่ติดดินด้วย

เดิมเขากังวลว่าเก็บมามากเกินจะส่งผลต่อมิติ แต่เขาพบว่าตำแหน่งที่ถูกถอน ก็จะมีเบญจมาศดอกใหม่งอกออกมาอีกในวันรุ่งขึ้น เขาจึงวางใจลง 

เขาตากดอกเบญจมาศท่ามกลางแสงแดดถึงสามวัน แม้จะพอได้ผล แต่ก็ห่างจากที่เขาพูดว่าตากแห้งอีกไกล

จู่ฉีเบื่อหน่าย แต่ละวันอุ้มท้องโตรับลมบนเก้าอี้อาบแดดข้างสระว่ายน้ำ สายตาคอยมองไปที่ดอกเบญจมาศที่ตากอยู่บนพรมเป็นระยะๆ

เสียวหย่าซึ่งเป็นคนละเอียดสังเกตพบ หารือกับสาวใช้คนอื่นแล้วก็ตัดสินใจว่าจะไปยืมเครื่องอบแห้งมาทดลองอบดอกเบญจมาศตามเทคโนโลยีสมัยใหม่

แต่เครื่องอบแห้งขอยืมไม่ง่าย เสียวหย่าจึงบอกพ่อบ้านจางว่าจะขอซื้อเครื่องอบแห้ง

พ่อบ้านจางไม่กล้าตัดสินใจเอง จึงเอาคำพูดของเสียวหย่าไปเสนอเซวียเจวี๋ยที่อยู่อีกห้องและยุ่งจนไม่มีเวลากินข้าว

แต่ไหนแต่ไรเซวียเจวี๋ยก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากจู่ฉีมาก ขอเพียงจู่ฉีอยู่อย่างสงบในที่ของตัวเองและไม่ก่อเรื่อง เขาก็ยินดีทำตามความต้องการโดยไม่มีเงื่อนไข

เซวียเจวี๋ยซึ่งยุ่งมากโบกมือ “ซื้อๆๆ เขาอยากซื้ออะไรก็ซื้อให้เขา เรื่องเล็กแบบนี้วันหลังไม่ต้องมาถามผม”

“ขอรับ” พ่อบ้านจางถอยออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ

สองวันให้หลัง เซวียเจวี๋ยซึ่งยุ่งกับงานจัดการเสร็จเรียบร้อยก็พอได้พักหายใจ เวลานี้เขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าจู่ฉีจะขอซื้อเครื่องอบแห้ง

เขาจะซื้อเครื่องอบแห้งไปทำไม?

เซวียเจวี๋ยคิดถึงนิสัยของจู่ฉีซึ่งขนาดท้องโตก็ยังชอบก่อเรื่องเหลวไหล จึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

เขาคิดอยากจะไปดูเสียหน่อย แต่จู่ๆ ก็มีประชุมด่วน เลยให้พ่อบ้านจางไปดูว่าจู่ฉีทำอะไรอยู่กันแน่

เวลานี้พ่อบ้านจางวุ่นวายกับการดูแลความเป็นอยู่ของเซวียเจวี๋ย ไม่ค่อยได้ไปดูทางจู่ฉี แต่จู่ฉีมีสาวใช้กับบอดี้การ์ดคอยดูแลอยู่มาก ไม่มีเรื่องอะไรแน่นอน

พ่อบ้านเดินตามทางสายน้อยไปไม่นานก็มาถึงที่พักของจู่ฉี ก่อนหน้านี้มีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่สี่ห้าคน แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมเกิดมีคนมารุมล้อมอยู่จำนวนมาก

“คุณไป่?” พ่อบ้านจางจำผู้ชายที่ชะเง้อคอไปมาได้ในทันที

หนังสือแนะนำ All

Special Deal