Wednesday
ก่อนหน้านี้พ่อบ้านจางรับผิดชอบดูแลความเป็นอยู่ของเซวียเจวี๋ย แน่นอนว่ารู้จักไป่กวงเจี้ยนซึ่งมาหาเซวียเจวี๋ยหลายครั้ง
แต่เขาไม่รู้จักชายวัยกลางคนกลุ่มที่อยู่ด้านหลังไป่กวงเจี้ยน ทว่าจากการแต่งกายของพวกเขาก็ไม่น่าจะเป็นคนธรรมดา
“สวัสดีครับอาจาง” ไป่กวงเจี้ยนยิ้มแย้มแจ่มใสจับมือกับพ่อบ้านจาง จากนั้นก็แนะนำคนแปดคนที่เขาพามา ก่อนจะพูดว่า “วันนี้มารบกวนอีก ขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจครับ” พ่อบ้านจางพูดอย่างสุภาพ ใจคิดว่าไป่กวงเจี้ยนน่าจะมาคุยธุระกับเซวียเจวี๋ย แต่เขานึกประหลาดใจว่าไป่กวงเจี้ยนมาหลายหนแล้ว ทำไมยังมาผิดที่
โชคดีที่พวกเขาไม่ทันได้เคาะประตู ไม่อย่างนั้นบรรพบุรุษน้อยในห้องจะป่วนอย่างไรก็ไม่รู้
พ่อบ้านจางรู้สึกโล่งอก จากนั้นก็รีบทำท่าเชื้อเชิญ “ตามผมมาทางนี้ครับ”
ไป่กวงเจี้ยนส่งเสียงร้องดังเอ๊ะ “พวกคุณรู้ว่าพวกเราจะมาเหรอครับ?”
สองวันก่อนหน้านี้เซวียเจวี๋ยเคยพูดกับพ่อบ้านจางว่าเดี๋ยวช่วงนี้จะมีนัดคุยรายละเอียดของสัญญากับไป่กวงเจี้ยน พ่อบ้านจางจึงพยักหน้ารับ “ใช่ครับ บ่ายวันนี้คุณท่านมีเวลาพอดี”
ไป่กวงเจี้ยนมัวแต่ดีอกดีใจที่จะได้พบจู่ฉี ได้ยินคำพูดนั้นก็ไม่คิดอะไร พาเพื่อนๆ เดินตามพ่อบ้านจางไปเป็นขบวน
เวลานี้เซวียเจวี๋ยซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเพิ่งประชุมออนไลน์เสร็จ กำลังคิดจะลุกไปดูจู่ฉีเสียหน่อย ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญเข้ามาได้” เซวียเจวี๋ยได้แต่นั่งลง นวดหัวคิ้วอย่างอ่อนล้า
พ่อบ้านจางผลักประตูให้เปิดออก พูดเบาๆ ว่า “คุณท่าน คุณไป่กับเพื่อนๆ มาแล้วขอรับ”
พูดจบก็พาไป่กวงเจี้ยนและเพื่อนๆ เข้ามา จัดให้ทุกคนนั่งประจำที่ ช่วยกันกับเสี่ยวเจ้าซึ่งเป็นผู้ช่วยชงชาและเตรียมขนมให้พร้อม
ไม่นาน พ่อบ้านจางกับเสี่ยวเจ้าก็ถอยออกไป เหลือแต่เซวียเจวี๋ยกับคนทั้งเก้ามองหน้ากัน
เซวียเจวี๋ยกวาดตามองใบหน้าที่ไม่คุ้นทั้งแปดที่มองเขาตาเดียว เขาคิดว่าไป่กวงเจี้ยนจะแนะนำว่าเพื่อนๆ เหล่านี้เป็นใครบ้าง แต่รออยู่นานก็ไม่เห็นฝ่ายตรงข้ามมีปฏิกิริยาใด
ขณะเดียวกัน คนเหล่านี้ก็มองเขาด้วยสายตาคาดหวังจนเขางุนงง
นิ่งไปนาน เซวียเจวี๋ยก็เอ่ยปากถามเรียบๆ “ประธานไป่ วันนี้เรามาคุยเรื่องสัญญาใช่ไหมครับ?”
ไป่กวงเจี้ยนได้ยินก็ลนลาน รีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันเหมือนที่ปัดน้ำฝนที่ขยับอย่างรวดเร็ว กิริยาทั้งไม่รู้จะทำอย่างไรทั้งเป็นเชิงปฏิเสธ “ไม่ๆๆๆ ครับ ประธานเซวีย เรื่องงานวันหลังค่อยคุยกัน วันนี้พวกเรามาหาคุณจู่ฉีครับ”
“...”
ไป่กวงเจี้ยนยืดคอมองไปทางห้องด้านในอย่างระมัดระวัง ถามแบบทดสอบปฏิกิริยาของเซวียเจวี๋ย “ไม่ทราบว่าคุณจู่อยู่ที่นี่ไหม? พวกเรามีธุระสำคัญมาหาเขาครับ”
“...” เซวียเจวี๋ยตกอยู่ในความเงียบแปลกประหลาด
เวลานี้ ต่อให้ไป่กวงเจี้ยนจะบื้อแค่ไหนก็รู้ตัวแล้วว่าพ่อบ้านจางน่าจะเข้าใจผิดว่าพวกเขามาหาเซวียเจวี๋ย จึงพาพวกเขามาที่นี่โดยไม่ถามไถ่
น่ากระดากเหลือเกิน...
ขณะที่ไป่กวงเจี้ยนไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเซวียเจวี๋ยดังขึ้น “นี่เป็นที่ทำงานผม เขาพักผ่อนอยู่อีกจุด”
ไป่กวงเจี้ยนยิ้มอย่างขัดเขิน รีบลุกขึ้นทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไม่รบกวนแล้วครับ”
พูดจบก็รีบพาเพื่อนๆ ที่อยู่ในภาวะงุนงงจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเซวียเจวี๋ยที่มึนงงหน้าเครียดไว้ที่เดิม
อีกด้าน จู่ฉีตื่นมาวุ่นวายแต่เช้า แต่เขาท้องโตอยู่ วุ่นที่ว่าก็คือดูเสียวหย่าและคนอื่นๆ เอาดอกเบญจมาศที่อบแห้งแล้วไปบดเป็นผงใส่ไว้ในถุงพลาสติกใสเท่านั้นเอง
เมื่อคืนเขาทดลองผงเบญจมาศแล้วก็ประหลาดใจเมื่อพบว่าผลลัพธ์ดีกว่าใช้ดอกเบญจมาศที่เก็บจากมิติมาโดยตรงเสียอีก กลิ่นหอมก็เข้มข้นกว่าเดิม
แต่พอใช้แล้ว ผงเบญจมาศจะเปลี่ยนเป็นสีอ่อนลง หากไม่สังเกตก็ไม่พบความแตกต่าง
จู่ฉีนอนบนเก้าอี้อาบแดด เพิ่งหยิบขนมที่สาวใช้ยกมา ตั้งท่าจะกิน ก็เห็นเสียวหย่ายกชายกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งมาอย่างรีบร้อน “คุณนาย คุณไป่นั่นมาอีกแล้วเจ้าค่ะ!”
จู่ฉีคิดไว้ก่อนแล้วว่าไป่กวงเจี้ยนต้องมาอีกแน่ เขาวางจานขนมลงอย่างไม่รีบร้อน “เชิญเขาเข้ามา”
เสียวหย่าวิ่งกลับไปทางเดิม
ตอนที่เสียวหย่าเห็นคนกลุ่มใหญ่ที่ตามไป่กวงเจี้ยนมา ใจก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
หล่อนคิดว่าหลายวันนี้จู่ฉีทำอะไรเหลวไหลเหลือเกิน ไม่คิดว่าไป่กวงเจี้ยนซึ่งเป็นประธานบริษัทที่ประสบความสำเร็จกลับถูกหลอกง่ายขนาดนี้ ซ้ำยังพาเพื่อนมาให้หลอกเพิ่มอีก...
พอเผชิญหน้ากับคำทักทายกระตือรือร้นของไป่กวงเจี้ยน เสียวหย่าก็พยักหน้ามึนงง หันกายพาพวกเขาเข้าข้างใน
ไม่รู้ว่าเสียวหย่าเกิดภาพหลอนหรือเปล่า หล่อนรู้สึกว่าผมของไป่กวงเจี้ยนเหมือนจะงอกขึ้นมาใหม่หน่อยหนึ่ง หลายวันก่อนเห็นชัดว่าใกล้จะหัวล้านแล้ว ผมไม่ได้มากเท่านี้นี่นา...
ไป่กวงเจี้ยนรู้ตัวว่าเสียวหย่าแอบมองเขาเป็นระยะ เขานึกกระดากจึงอดลูบศีรษะไม่ได้ พอหันมาเห็นจู่ฉีที่นั่งรออยู่ ตาเขาก็สว่างวาบเหมือนหลอดไฟขึ้นมาทันที
“คุณจู่!” ไป่กวงเจี้ยนเดินเข้าไปจับมือกับจู่ฉี จากนั้นก็แนะนำเพื่อนที่เขาพามา
คนอื่นๆ นั่งลงตามการดูแลของเสียวหย่า พวกเขาไม่คิดว่าจู่ฉีจะเป็นบุรุษมีครรภ์ ขณะนั้นยังไม่ทันมีปฏิกิริยา ต่างมองจู่ฉีอย่างงุนงง
จู่ฉีไม่สนใจสายตาของคนอื่น ดึงผ้าห่มข้างๆ มาคลุมท้องไว้ จากนั้นก็มองไปที่ไป่กวงเจี้ยนซึ่งยิ้มเหมือนได้เจอพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดใหม่ก็ไม่ปาน
“หลายวันนี้คุณไป่หลับดีไหมครับ?”
“ไม่ใช่แค่หลับดี ต้องเรียกว่าดีมากเลยครับ ผมกินอาหารอร่อยนอนหลับสบายมาทั้งสัปดาห์” ไป่กวงเจี้ยนตบขาตัวเองอย่างตื่นเต้น “หากไม่ใช่ว่าพบคุณ ตอนนี้ผมก็ยังทรมานเพราะนอนไม่หลับและผมร่วง”
จู่ฉีสังเกตพบอย่างรวดเร็วว่าไป่กวงเจี้ยนผมขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย เขานิ่งไปชั่วครู่ เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ
คิดไม่ถึงว่ามิติของเขาอัศจรรย์กว่าที่คิดไว้
ทั้งสองคุยกันอยู่พักหนึ่ง จู่ฉีก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาสู่หัวข้อหลัก เขาให้เสียวหย่าเอาผงเบญจมาศที่ใส่ถุงเรียบร้อยออกมา ถุงพลาสติกขนาดเท่าฝ่ามือสองร้อยกว่าห่อวางเต็มโต๊ะเล็กๆ
จู่ฉีคำนวณปริมาณแล้ว ทุกครั้งใช้ปริมาณเท่าเล็บก็พอ หากใช้ทุกคืน ถุงหนึ่งใช้ได้ประมาณสองเดือน
ต้นทุนของหนึ่งถุงคือดอกเบญจมาศห้าดอกเท่านั้น
“นี่เป็นยาผงสงบจิตบำรุงใจ ใช้ประมาณเล็บวางไว้ที่หัวเตียงก็พอ ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน ผลขึ้นอยู่กับบุคคล”
จู่ฉีนิ่งไปครู่หนึ่ง รอจนทุกคนหยิบผงเบญจมาศมาดูอย่างสงสัย เขาจึงพูดต่อว่า “ราคาตอนนี้คือถุงละหนึ่งหมื่นหยวน วันหน้ามีแต่ปรับขึ้นไม่มีปรับลง หากทุกคนต้องการก็ลองคิดดูครับ”
พอพูดออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ชะงักค้างไปทันที
นอกจากไป่กวงเจี้ยนแล้ว แต่ละคนก็วางผงเบญจมาศกลับไปที่เดิมอย่างเงียบๆ มีแต่ไป่กวงเจี้ยนที่เคยได้ประโยชน์มาก่อนที่ไม่ยอมวางลง
“คุณจู่ คราวก่อนผมซื้อดอกละห้าร้อยหยวน ตอนนี้ราคาขึ้นไปเป็นถุงละหมื่นหยวน ขึ้นเร็วไปหน่อยไหมครับ...” ไป่กวงเจี้ยนพูดอย่างลำบากใจ
แม้ว่าพวกเขาไม่ได้หยิบเงินหลักหมื่นออกมายากลำบาก แต่การรักษาโรคนอนไม่หลับเป็นการศึกระยะยาว ถุงเล็กแค่นี้หมื่นหยวน อนาคตยังจะขึ้นราคาอีก...
เรียกได้ว่าราคาแพงเกินไปแล้ว
จู่ฉีหัวเราะพลางว่า “สินค้าผมมีราคาเท่าไร ผมก็ขายเท่านั้น ตรงนี้สมดุลกัน แล้วอันที่จริงยาผงสงบจิตบำรุงใจนี่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน สัปดาห์หนึ่งใช้สองหนก็มีประสิทธิภาพดีมากแล้ว”
ไป่กวงเจี้ยนหันมามองเพื่อนๆ ที่นั่งนิ่งไม่พูดจา ลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “ลดราคาหน่อยได้ไหมครับ? เรามาซื้อหลายคนพร้อมกัน...”
จู่ฉีวยิ้มอ่อนโยน แต่พูดจามั่นคง “ขอโทษครับ ต่อให้พวกคุณไม่ซื้อสักคน ผมก็จะขายราคานี้”
ไป่กวงเจี้ยนเงียบไป ลังเลอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจซื้อไปครั้งเดียวยี่สิบถุง กะว่าจะเตรียมสต็อกให้ได้เป็นปี
แต่เพื่อนๆ ที่เขาพามาไม่ได้คิดอย่างนี้ ข้อแรกพวกเขาไม่เคยใช้มาก่อน ข้อสองคือพวกเขารู้สึกว่าถุงเล็กเท่านี้หมื่นหยวนแพงเกินไปจริงๆ พวกเขาเหลียวซ้ายแลขวาอย่างเก้อเขิน ไม่มีใครพูดอะไร
จู่ฉีมองออกว่าคนเหล่านี้ลังเล เขามอบหน้าที่ที่เหลือให้เสียวหย่า จากนั้นก็เดินท้องโตเข้าห้องด้านในไป
เขาอยู่ในโลกนี้มาครึ่งเดือน เคยชินกับสภาพแวดล้อมและเจ้าตัวน้อยในท้องแล้ว
โชคดีว่าตอนที่ทะลุมิติมาก็พ้นช่วงแพ้ท้องหนักไปแล้ว นอกจากจะท้องโตเคลื่อนไหวไม่สะดวก ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบาย
หากจะว่ามี ก็คือเจ้าตัวน้อยช่างคึกคักชอบขยับไปมาเหลือเกิน ก่อนหน้านี้จะขยับตอนเช้ากับตอนกลางคืน แต่ตอนนี้เตะเขาทั้งวัน
จู่ฉีเพิ่งล้มตัวลงบนเตียงก็รู้สึกว่าถูกเตะอีกแล้ว
“เชียนวั่น นิ่งๆ!” จู่ฉีจิ้มพุงเบาๆ
สาวใช้ที่พยุงเขาเข้ามาเดินไปรูดม่านปิด พอได้ยินก็หัวเราะ “คุณนายตั้งชื่อให้คุณหนูแล้วหรือเจ้าคะ?”
“ชื่อเชียนวั่นละกัน” จู่ฉีพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
สาวใช้ถามอย่างงุนงง “ชื่อเชียนวั่นมีความหมายพิเศษอะไรไหมเจ้าคะ?”
แน่นอนว่าพิเศษ ก็เพราะมีเจ้าตัวน้อยนี่ เซวียเจวี๋ยถึงให้เงินเขามาเชียนวั่น* (เชียนวั่น : ‘เชียน’ คือพัน ‘วัน’ คือหมื่น เชียนวั่นเท่ากับสิบล้าน) จู่ฉีบ่นอยู่ในใจ แต่ปากพูดว่า “เรียกเชียนวั่นคล่องปากดี”
สาวใช้ “...” ไม่ได้ตั้งชื่อให้หมาแมวสักหน่อย
จู่ฉีพักอยู่สองชั่วโมงก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ม่านในห้องปิดสนิท แสงสลัวตา เขาลงจากเตียงสวมรองเท้าแล้วเดินไปสวนดอกไม้น้อย
ยามสายัณห์ตะวันรอน สีแดงเพลิงย้อมเมฆไปครึ่งฟ้า กลิ่นหญ้าเขียวสดลอยมาในอากาศจางๆ
เสียวหย่ากับสาวใช้ทั้งหลายกำลังบดเบญจมาศอบแห้งเป็นผง เครื่องบดก็ให้พ่อบ้านจางซื้อมาวางรวมกับเครื่องอบแห้งสามเครื่องไว้ที่สวนดอกไม้ ดูแล้วแปลกตา
“คุณนายตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?” เสียวหย่าวิ่งมาดังตึกๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบ่ายวันนี้ให้จู่ฉีฟัง
ไป่กวงเจี้ยนซื้อไปยี่สิบถุง เพื่อนๆ ของเขาคิดแล้วคิดอีกก็ซื้อไปสี่ถุง แบ่งกันคนละครึ่งถุง
จู่ฉีเดาออกแต่แรกว่าต้องเป็นแบบนี้ เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจนัก “ไปเตรียมอาหารเย็นเถอะ ผมอยากกินห่านย่างแบบเมื่อวานซืน คุณบอกให้พวกเขาใส่พริกกับผงยี่หร่าเยอะๆ หน่อย”
“ได้เลยเจ้าค่ะ” เสียวหย่าวิ่งตึกๆ จากไป
จู่ฉีเปิดดูมือถือ พบว่าไป่กวงเจี้ยนโอนเงินมาให้เขาสองแสนสี่หมื่นหยวนเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ไม่ขาดไม่เกิน
มีเงินเข้าบัญชีอีกแล้ว จู่ฉีอารมณ์เบิกบาน เขานอนบนเก้าอี้อาบแดด มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ตายิบหยีเหมือนจิ้งจอกน้อยที่แอบขโมยของกินสำเร็จ
เขานั่งนับตัวเลขแปดหลักในแมสเสจแสดงยอดเงินรวมในบัญชีอย่างมีความสุข กระทั่งเซวียเจวี๋ยเข้ามาใกล้เขาก็ไม่รู้ตัว