(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน ยางลบสื่อรัก (ฉบับนิยาย)

Friday

บทที่ 2

“เอ่อ...”

อาโอกิตื่นจากภวังค์ แล้วหันไปมองที่มาของเสียงใสที่ดังมาจากด้านหลังในช่วงพักกลางวัน

ฮาชิโมโตะ มิโอะ...เด็กสาวผู้ไม่ต่างจากเทพธิดามาจุติ คนที่อาโอกิตกหลุมรักกำลังเดินเข้ามาใกล้

อาโอกิรีบขยับแขนเสื้อยับยู่ยี่ให้กลับสู่สภาพปกติ ก่อนปั้นหน้าหล่อรอต้อนรับการมาของฮาชิโมโตะซัง แต่สาวในฝันกลับเดินผ่านไปราวกับอาโอกิไม่มีตัวตน

“อิดะคุง ประชุมคณะกรรมการหลังเลิกเรียนวันนี้...”

แก้มของฮาชิโมโตะซังมีเลือดฝาดขณะพูดกับเจ้าของร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างหน้าอาโอกิ

“อ๋อ เรื่องเปลี่ยนที่นัดใช่ไหม”

“ใช่ๆ ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน...”

ฮาชิโมโตะซังพูดกับอิดะด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน รอยยิ้มที่เคยขโมยหัวใจไปครอบครองกลับกลายเป็นยาพิษสำหรับคนอกหักอย่างอาโอกิ

อาโอกิสัมผัสได้ว่าอิดะกำลังมองมาขณะพยายามเบือนหน้าหนี

หืม? อะไรของนาย คุยกับฮาชิโมโตะซังสบายใจเลยนะ

เมื่อถูกจ้องกลับด้วยสายตาหาเรื่อง อิดะก็แสดงสีหน้าลำบากใจก่อนค่อยๆ ถอยห่างจากฮาชิโมโตะซัง

ไอ้หมอนี่...อย่าบอกนะว่ากำลังเข้าใจผิดคิดว่าเราหึง!?

อาโอกิยกมือกุมศีรษะด้วยความช็อกแบบทวีคูณ

‘อิดะคุง♡’ ตัวอักษรสีเขียวบนยางลบที่ขอยืมจากฮาชิโมโตะซัง นอกจากจะฉีกทึ้งความรักของอาโอกิจนแหลกสลาย ยังพาความเข้าใจผิดแบบคาดไม่ถึงมาให้เป็นของแถมด้วย

อิดะคิดว่ายางลบก้อนนี้เป็นของอาโอกิ พูดง่ายๆ คือเข้าใจผิดว่าอาโอกิหลงรักนั่นเอง

เท่านั้นยังไม่พอ...

‘...เริ่มจากเป็นเพื่อนกันก่อนได้ไหม’

นิสัยจริงจังกับทุกเรื่องคงเป็นเครื่องผลักดันให้อิดะพูดประโยคนี้ออกมา

สมมติว่าเริ่มจากการเป็นเพื่อน แล้วสิ่งที่รออยู่คืออะไร? หมอนี่ต้องการอะไรกันแน่?

โธ่เว้ย เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะใคร? ใครรู้ตัวยกมือขึ้นเดี๋ยวนี้...ครับ ผมเอง เพราะผมทำยางลบตกครับ...หวา!

ความเสียใจต่อสิ่งที่ทำลงไป กดดันให้อาโอกิทำได้แค่ใช้หัวโขกโต๊ะเรียน

“อาโอกิ ทำอะไรของนาย ไปโรงอาหารกันเถอะ”

เสียงคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับมือที่วางลงบนหัวไหล่

“...อัคคุง”

อาโอกิเงยใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความกลัดกลุ้มขึ้นจากโต๊ะ อยากขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรัก อยากเล่าเรื่องโกลาหลที่เกิดขึ้นให้ใครสักคนฟังเหลือเกิน

“อะ อะไรของนาย?”

อาโอกิเม้มปากแน่นเมื่อไอดะทำหน้าฉงน...ไม่ได้ พูดไม่ได้จริงๆ นี่เป็นความลับระหว่างเรากับฮาชิโมโตะซัง

“เอ่อ ไม่มีอะไร วันนี้ไม่ไปโรงอาหารดีกว่า ขอโทษทีนะ”

อาโอกิเดินออกจากห้องเรียน แวะซื้อแซนด์วิชที่ร้านขายของแล้วขึ้นไปยังดาดฟ้าเพียงลำพัง

โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ เสียงท้องร้องดังขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกับที่หย่อนตัวลงบนพื้นคอนกรีต

“ถึงจะอกหักแต่ท้องยังร้อง...”

อาโอกิเตรียมส่งอาหารกลางวันเข้าปาก แต่กลับมีวัตถุสีเทาเคลื่อนผ่านแก้ม และแย่งแซนด์วิชไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

“หา!?”

เมื่อเงยหน้ามองตามเสียงกระพือปีก จึงเห็นว่าแซนด์วิชที่เพิ่งซื้อมาตกอยู่ในอุ้งเท้าของนกพิราบสีเทาตัวหนึ่ง

อู้ก...อูก...!

“...นกพิราบยังแย่งของเรา?”

นอกจากอกหักจนสูญเสียความสงบใจ แล้วยังโดนแย่งข้าวกลางวันแบบนี้ พระเจ้าไม่มีอยู่จริงใช่ไหม!

“อู้ก...อูก...อู้ก!”

นกพิราบส่งเสียงร้องราวกับกำลังเยาะเย้ยอย่างสะใจ ก่อนบินจากไปพร้อมแซนด์วิชในอุ้งเท้า

“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้!”

อาโอกิปีนรั้วดาดฟ้าเอื้อมมือตามนกพิราบที่ค่อยๆ บินห่างออกไป แต่กลับถูกกระชากตัวจากรั้วดาดฟ้าลงไปกระแทกพื้นคอนกรีตอย่างจัง

“จะบ้ารึไง!”

อิดะตะโกนด้วยสีหน้าจริงจังขณะกดร่างอาโอกิลงกับพื้น

“อกหักแค่นี้ทำไมต้องคิดสั้น!!”

อาโอกิยกฝ่ามือทั้งสองปิดหน้า...ไม่ใช่อย่างนั้น เฮ้อ...น่ารำคาญชะมัด

“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”

อาโอกิผลักอิดะออกห่างก่อนพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วยื่นถุงที่เคยใส่แซนด์วิชเอาไว้ให้ดู

“แค่อยากแย่งแซนด์วิชคืนจากนกพิราบ...ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”

“ยะ...อย่างนั้นเองเหรอ...”

“เฮ้อ...”

...แย่ชะมัด สถานการณ์แบบนี้คืออะไร อาโอกิถอนใจทำลายความเงียบชวนอึดอัดก่อนวางมือบนพื้นคอนกรีต

“นายมาทำอะไรที่นี่?”

“เห็นอาโอกิดูเศร้าๆ...เลยเป็นห่วงว่าจะร้องไห้อีกรึเปล่า...”

“ไม่ได้ร้องสักหน่อย!”

“แต่เมื่อวานร้องไม่ใช่เหรอ”

อาโอกิพูดอะไรไม่ออก ยอมรับว่าเมื่อวานร้องไห้จริงๆ แต่สาบานได้ว่าไม่ได้ร้องเพราะโดนอิดะปฏิเสธ

“นี่...”

อาโอกินั่งขัดสมาธิแล้วพูดขึ้นขณะกางแขนทั้งสองข้างออก

“ถึงจะถูกนายปฏิเสธแต่ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ขอร้องละ เลิกยุ่งกับฉันสักที”

ไม่มีอะไรน่าสลดใจกว่าการถูกศัตรูหัวใจเป็นห่วงแบบนี้ แต่อิดะกลับเหลือบมองอาโอกิก่อนพูดออกมาเบาๆ

“ฉันเลิกยุ่งกับนายไม่ได้”

“หา?”

อาโอกิขมวดคิ้ว

“พูดอะไรของนาย?”

“นั่นสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน”

อิดะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้อาโอกิสับสนจนไม่รู้จะตอบยังไง

คิดอะไรอยู่ถึงได้พูดแบบนั้นออกมา? ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้น แถมยังเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ลูกแมวเปียกฝน หรือลูกหมาที่ถูกทิ้งไว้ในลังสักหน่อย ปล่อยผ่านๆ ไปจะมีใครว่า

“...นี่ ความรู้สึกชอบคืออะไร?”

“หา?”

อาโอกิอึ้งกับคำถามที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

“จะอธิบายยังไงดี...เอ๊ะ อย่าบอกนะว่านายไม่เคยชอบใครเลย?”

“ไม่เคย”

อิดะพูดต่อไปหลังตอบคำถามแบบตรงไปตรงมา โดยไม่มีทั้งความอาย หรือความภาคภูมิใจ

“บอกตามตรงว่าฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องชอบหรือเกลียด”

“...พูดเป็นเล่น!”

ทั้งๆ ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่แทบไม่มีประสบการณ์ด้านความรักนี่เอง อาโอกิขยับเข้าไปใกล้ เมื่อรู้สึกว่าอิดะเข้าถึงง่ายกว่าที่คิด

“แต่อย่างน้อยน่าจะมีสเป็กที่ชอบใช่ไหม ชอบผมดำหรือผมน้ำตาล?”

“...คิดว่า ผมดำ”

อิดะคิดอยู่พักหนึ่งก่อนตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

“ผมดำจริงๆ ด้วย”

อาโอกิตบบ่าอิดะเมื่อนึกภาพฮาชิโมโตะซัง เด็กสาวผมดำขลับ

“แล้วนิสัยล่ะ ชอบคนร่าเริง หรือ เรียบร้อย?”

“นะ นิ่งๆ หน่อยน่าจะดีกว่า...”

“เหมือนกัน เหมือนกัน”

อาโอกิพูดพร้อมใช้ปลายนิ้วชี้ใบหน้าของตนด้วยรอยยิ้ม เริ่มสนุกกับบทสนทนาเรื่องความรักกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน

ถึงจะสนิทกับไอดะมากแค่ไหน แต่ความอายทำให้ไม่ค่อยคุยกันเรื่องแบบนี้

...ถ้าคุยกับอัคคุงต้องโดนแซวแน่นอน

“ส่วนฉันหลงรักรอยยิ้มธรรมชาติ ความอ่อนโยนแบบไม่เสแสร้ง นานๆ ได้คุยกันทีก็ดีใจมากๆ เอาแต่คิดเรื่องนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไร อาจจะธรรมดาไปหน่อยถ้าบอกว่ารู้ตัวอีกทีก็หลงรักไปแล้ว แต่สำหรับฉันมันเป็นแบบนั้นจริงๆ”

ขณะพูดแบบไม่หยุดปาก ก็มีบางอย่างผุดขึ้นในความคิดของอาโอกิ

...แย่แล้ว ถ้ามองจากมุมของอิดะ สิ่งที่พูดออกไปไม่ต่างจากคำสารภาพรักสุดอลังการ มีแต่จะทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

“อะ เอาเป็นว่าถ้ามีคนที่ชอบเมื่อไรจะเข้าใจเอง”

อิดะจ้องอาโอกิที่พยายามเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างไม่วางตา

“...พูดอะไรบ้างสิ ฉันอายนะ”

“ไม่มีอะไร...”

อิดะนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนพูดต่อด้วยสีหน้าอ่อนโยน

“ฉันชอบนิสัยตรงไปตรงมาของนาย”

“...ขะ ขอบใจ”

เขินจังเวลาถูกชมซึ่งหน้าแบบนี้ อิดะวางมือลงบนไหล่ทั้งสองข้างขณะอาโอกิก้มศีรษะขอบคุณอย่างเคอะเขิน

“รอก่อนนะ ฉันสัญญาว่าจะคิดอย่างรอบคอบ”

“เอ๊ะ?”

“อยากรู้จักนายให้ดีกว่านี้ก่อนให้คำตอบ”

อาโอกิกะพริบตาถี่ ครั้นถูกมองด้วยสายตาจริงจังในระยะประชิด

อิดะยืนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงออดเตือนก่อนหมดเวลาพัก

“กลับห้องเรียนก่อนนะ”

อาโอกิเรียกสติกลับมาอีกครั้งหลังร่างสูงของอิดะลับสายตาไปจากดาดฟ้า

...คิด...? เดี๋ยวสิ คิดเพื่อ?

 

โอเค ตั้งสติสะสางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดีกว่า

คาบ 5 วิชาวรรณคดีโบราณ อาโอกิจรดปลายปากกาลงในสมุด ปล่อยให้เสียงอาจารย์อ่าน ‘เก็นจิโมโนงาตาริ’ ในลำคอผ่านเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแบบไม่ใส่ใจ

ฮาชิโมโตะซัง อาโอกิ อิดะ ชื่อทั้งสามถูกเขียนลงบนกระดาษ ก่อนลากลูกศรจากชื่ออาโอกิไปหาฮาชิโมโตะซัง แล้วต่อไปยังอิดะ มาถึงตรงนี้ไม่มีปัญหา แต่ควรลากลูกศรจากชื่ออิดะต่อไปที่ไหนต่างหาก

‘เริ่มจากเป็นเพื่อนกันก่อนได้ไหม’

‘รอก่อนนะ ฉันสัญญาว่าจะคิดอย่างรอบคอบ’

อาโอกิลองลากลูกศรจากชื่ออิดะกลับมายังชื่อของตน

...ไม่นะ ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขนี้

หลังกดปลายปากกาทำเครื่องหมายกากบาทลงบนลูกศรชี้ที่ออกจากชื่ออิดะ อาโอกิก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างตรงหน้า

อาจมีตรรกะแปลกๆ อยู่บ้าง แต่อิดะเป็นคนดีแบบไม่ต้องสงสัย นอกจากใส่ใจคนอย่างเรา ยังพยายามตอบรับความรู้สึกที่ต่อให้ตัดทิ้งไปก็ไม่มีใครสน...

ฮาชิโมโตะซังตาถึงจริงๆ ความประทับใจก่อตัวขึ้นพร้อมความรู้สึกผิดที่ทำให้อิดะต้องปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องโดยไม่จำเป็น

อาโอกิเหลือบมองสมุดโน้ตอีกครั้ง สามเหลี่ยมบิดเบี้ยวที่เกิดจากความรักและความเข้าใจผิด...

ต้องเปลี่ยนสามเหลี่ยมนี้ให้กลับไปมีรูปร่างปกติ

“โอเค มาลองแปลตรงนี้ให้เป็นภาษาพูดกันดีกว่า...โอ๊ะ อาโอกิ แปลกมากที่วันนี้ไม่หลับ ไหนลองแปลดูสิ”

อาโอกิยังคงจ้องมองสมุดโน้ตด้วยสีหน้าจริงจัง โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนอาจารย์เรียกให้ตอบ

“เป็นอะไร ยากไปเหรอ?”

อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาใกล้ ก่อนแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง เมื่อรู้ว่าสิ่งที่อาโอกิจ้องมองด้วยสีหน้าจริงจังเป็นเพียงข้อความไร้สาระ

“...เจ้าเด็กบ้า!”

สันพจนานุกรมคำศัพท์โบราณที่เคยใช้ในการลงโทษผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยในชั้นเรียน หลับใน หรือทุจริตการสอบ ถูกฟาดลงบนศีรษะอาโอกิอย่างจัง

 

“เจ็บๆๆๆ...”

หลังเลิกเรียน อาโอกิหยุดกวาดพื้นหน้าประตูทางเข้าอาคารเรียน ยกมือลูบท้ายทอยบรรเทาอาการปวดแสบ ปวดร้อนบริเวณรอยปูดบนศีรษะ

แค่โดนดุก็แย่พอแล้ว ทำไมต้องโดนทำโทษให้อยู่ทำความสะอาดหลังเลิกเรียนด้วย...

สมควรแล้วที่โดนแบบนี้ นอกจากไม่ตั้งใจฟังยังวาดรูปเล่นในชั่วโมงเรียน แทนที่จะคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ฮิคารุ เก็นจิกับคิริซึโบะ กลับนั่งกลุ้มใจเรื่องความรักของตัวเอง

...จะว่าไปแล้ว...ไม่มีเรื่องอะไรต้องเรียนรู้จากผู้ชายเจ้าชู้ทำตัวฉูดฉาดบาดตาอย่างฮิคารุ เก็นจิ

“โอ้ว ไม่คิดว่าจะตั้งใจขนาดนี้”

ก่อนกลับบ้าน ไอดะเดินผ่านมาทักทายอาโอกิที่กำลังก้มหน้าก้มตากวาดพื้นคอนกรีตอย่างสิ้นหวัง

“อัคคุงมาได้จังหวะพอดี ช่วยหน่อยสิ”

อาโอกิขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความหวัง

“โทษที พอดีวันนี้ยุ่ง”

“รีบไปไหน?”

“รีบกลับไปพุ่งตัวลงบนเตียงแล้วหลับตา”

“แบบนั้นเขาเรียกนอนกลางวัน!”

ไอดะรีบคว้าที่โกยผงขึ้นมาใช้แทนโล่กำบัง เมื่อเห็นอาโอกิยกไม้กวาดตั้งท่าพร้อมโจมตี

“โอ้ว เอาจริงใช่ไหม เตือนไว้ก่อนว่าฉันเป็นจอมยุทธ์ที่โกยผงไร้เทียมทาน”

เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนคุ้นตาเวลานักเรียนชายรับหน้าที่ทำความสะอาด

“เหนื่อยหน่อยนะ อาโอกิคุง”

เสียงใสดังขึ้นทำลายบรรยากาศพร้อมยกทัพออกรบ

“ฮาชิโมโตะซัง...อิดะ...”

ทั้งสองคนเดินเคียงคู่กันเข้ามาใกล้ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะมีประชุมกรรมการนักเรียนช่วงหลังเลิกเรียน

“เอ๋ กลับพร้อมกันเหรอเนี่ย? เห...เพิ่งรู้ว่านายสองคนสนิทกัน”

ไอดะยิ้มอย่างมีเลศนัยทำให้ฮาชิโมโตะซังหน้าแดงถึงใบหู

“มะ ไม่ใช่อย่างนั้น! วันนี้มีประชุมกรรมการนักเรียน เลยบังเอิญกลับพร้อมกันเฉยๆ! จริงไหม อิดะคุง”

“หืม? อื้ม”

ขณะที่ฮาชิโมโตะซังแสดงท่าทีลนลาน อิดะกลับตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย

“ยิ่งปฏิเสธ ยิ่งน่าสงสัย!”

ไอ้คนไร้มารยาท อาโอกิใช้ด้ามไม้กวาดกระทุ้งข้อพับเข่าเพื่อนรัก แทนการลงโทษที่เสียมารยาทก้าวก่ายความรักของคนอื่นโดยพลการ

“โอ๊ย!”

ไอดะเข่าทรุดก่อนหันไปใช้ที่โกยผงรับมืออาโอกิที่อยู่ในท่าเตรียมเผด็จศึก อิดะเดินผ่านหน้าเพื่อนจอมโวยวายทั้งคู่ไปหยิบถุงขยะที่อาโอกิเก็บค้างไว้ขึ้นมามัดปากถุงแบบเงียบๆ

“อิดะ ทำอะไรของนาย”

อาโอกิหยุดการกระทำทั้งหมดแล้วตั้งคำถาม

“เดี๋ยวฉันช่วยเอาขยะไปทิ้ง หนักไม่ใช่เหรอ”

“ไม่เป็นไร ฉันทำเอง”

“แต่ว่า...”

“เอามานี่ บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร!”

ยอมให้เหตุการณ์เกินเลยไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!

มือทั้งสองข้างสัมผัสกันโดยบังเอิญขณะที่อาโอกิพยายามแย่งถุงขยะจากอิดะ บางสิ่งบางอย่างเริ่มต้นขึ้นผ่านความร้อนบริเวณปลายนิ้วที่...เดี๋ยวก่อน ใครจะยอมให้เป็นอย่างนั้น!

“บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง!”

อาโอกิแย่งถุงขยะจากอิดะก่อนวิ่งรวดเดียวไปยังที่ทิ้งขยะหลังโรงเรียน

หมอนั่นเป็นอะไรมากไหม ทำตัวดูดีต่อหน้าเราเพื่ออะไร...

อาโอกิหอบฮักหลังยัดถุงใบใหญ่ในมือลงถังขยะ

“อาโอกิคุง”

เสียงฮาชิโมโตะซังที่วิ่งตามมาห่างๆ ดังขึ้นในเวลาเดียวกับที่อาโอกิทรุดตัวลงนั่งใต้ชายคา

“อ้าว เกิดอะไรขึ้น?”

“ฉันอยากคุยกับอาโอกิคุง...”

“เอ๊ะ”

คำตอบที่ดังขึ้นพร้อมเสียงหอบหายใจทำให้อาโอกิตาเบิกโพลง ดีใจจัง แต่...

“ปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปแบบนี้จะดีเหรอ?”

ทำไมไม่กลับพร้อมอิดะ ทั้งๆ ที่เป็นโอกาสทำให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น...

“ไม่ไหวๆ ตื่นเต้นจนหัวใจจะหยุดเต้นอยู่แล้ว!”

ฮาชิโมโตะซังทรุดตัวลงข้างๆ อาโอกิก่อนใช้มือทั้งสองตบลงบนใบหน้าแดงซ่าน ถ้าจำไม่ผิดฮาชิโมโตะซังตื่นเต้นมากตอนไอดะแซว

“เมื่อกี้หน้าแดงมากเลยนี่นา”

“ว่าแล้วเชียว...”

ทั้งๆ ที่พยายามพูดแบบไม่จริงจัง แต่กลับทำให้ฮาชิโมโตะซังกดฝ่ามือลงบนใบหน้าแรงกว่าเดิม

“ฉันทำตัวแปลกมากใช่ไหม? อยู่ใกล้ทีไรทำตัวไม่เคยถูก...ดูออกเลยล่ะสิ?”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร หมอนั่นความรู้สึกช้าจะตาย ไม่รู้ตัวหรอก”

ดูเหมือนคำพูดปลอบใจจะช่วยให้ฮาชิโมโตะซังคลายความกังวลลงได้บ้าง

“คุยกับอาโอกิคุงแล้วสบายใจมากเลย ทำไมคุยกับเขาให้เป็นธรรมชาติแบบนี้ไม่ได้นะ...”

อาโอกิกอดเข่าแน่นกัดฟันข่มความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แล่นตรงเข้าสู่หัวใจ...เธอทำแบบนี้ได้เพราะไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา...

“...ถ้าไม่รังเกียจเล่าให้ฉันฟังได้ตลอดเลยนะ”

อาโอกิพูดอะไรไม่ออก แม้จะอยากบอกออกมาว่า มาคบกับฉันดีกว่าไหม

“ขอบใจนะ ฟังแล้วกำลังใจมาเป็นกองเลย”

รอยยิ้มตรงหน้าทำให้ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากลับมารบกวนจิตใจอาโอกิอีกครั้ง

ฮาชิโมโตะซังน่ารักมาก

น่าเสียดายที่อิดะเข้าไม่ถึงความน่ารักนี้

“ถ้าอาโอกิคุงกลุ้มใจเรื่องคนที่ชอบเมื่อไร บอกฉันได้เลยไม่ต้องเกรงใจ สู้ไปด้วยกันนะ”

“อึ้ม”

อาโอกิพยักหน้าตอบรับฮาชิโมโตะซังที่กำลังชูกำปั้นในท่าสู้ๆ

รู้อยู่แก่ใจว่ามีแค่วิธีเดียวที่สามารถหยุดความวุ่นวายที่ตัวเองก่อขึ้น...

“สู้ไปด้วยกันนะ”

อาโอกิตัดสินใจแน่วแน่ก่อนชูกำปั้นขึ้นเหนือศีรษะ

 

◆◆◆

 

“บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง”

“หมอนั่นเป็นอะไรมากไหม?”

ไอดะเอียงคอด้วยความงุนงง เวลาเดียวกับที่อิดะมองตามอาโอกิวิ่งกอดถุงขยะหายลับไปอย่างรวดเร็ว

“อะ เอ่อ ขอตัวก่อนนะ...พอดีฉันมีเรื่องต้องคุยกับอาโอกิคุง”

“บ๊ายบาย”

“นี่”

อิดะพูดขึ้น ขณะไอดะกำลังโบกมือร่ำลาฮาชิโมโตะซังที่วิ่งตามอาโอกิไปติดๆ

“ไอดะสนิทกับอาโอกิใช่ไหม...ฉันอยากรู้เรื่องอาโอกิ...”

“เรื่องอาโอกิ? อยากรู้ไปทำไม?”

อิดะนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์บนดาดฟ้าเมื่อวานนี้ ทันทีที่ถูกมองด้วยความสงสัย

ตอนเห็นอาโอกิใช้มือปาดน้ำตาแบบเด็กๆ ทำไมรู้สึกสงสารจนใจเต้นแบบแปลกๆ

ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่การพูดหรือแสดงท่าทีให้ความหวังยิ่งโหดร้าย ก็เลยตั้งใจปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยตามคำขอของอาโอกิ

...ขอโทษนะที่ตอบรับความรู้สึกของนายไม่ได้

คือสิ่งที่ตั้งใจจะพูด เพราะคิดว่าคงช่วยกำจัดความสับสนในใจได้ แต่สิ่งที่หลุดออกไปกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง

‘เป็นเพื่อนกันก่อนได้ไหม’

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป สิ่งเดียวที่อยู่ในใจคือไม่อยากตอบรับความจริงจังของอาโอกิแบบขอไปที

‘ส่วนฉันหลงรักรอยยิ้มธรรมชาติ ความอ่อนโยนแบบไม่เสแสร้ง นานๆ ได้คุยกันทีก็ดีใจมากๆ เอาแต่คิดเรื่องนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไร อาจจะธรรมดาไปหน่อยถ้าบอกว่ารู้ตัวอีกทีก็หลงรักไปแล้ว แต่สำหรับฉันมันเป็นแบบนั้นจริงๆ’

อิดะเห็นอาโอกิเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นมาโดยตลอด แต่อาโอกิกลับให้คุณค่าต่อคำพูดและการกระทำที่อิดะไม่เคยใส่ใจ ความอายและรู้สึกผิดเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน คงเสียมารยาทมากถ้าให้คำตอบออกไป ทั้งๆ ที่ไม่เคยสัมผัสได้ถึงความจริงจังของอาโอกิ

“อาโอกิไม่ใช่คนลึกลับขนาดนั้น บ้าๆ บอๆ ไปวันๆ ตามที่เห็น ชอบกินของหวาน แล้วก็วาดรูปโคตรแย่...”

“...แล้วคนที่ชอบล่ะ?”

“อ๋อ พอดีพวกฉันไม่ค่อยคุยกันเรื่องแบบนั้น มันเขินๆ ยังไงบอกไม่ถูก”

ไอดะตอบขณะเก็บไม้กวาดและที่โกยผงที่อาโอกิทิ้งไว้เข้าล็อกเกอร์

ดูเหมือนไอดะจะไม่รู้ว่าอาโอกิชอบอิดะ อาโอกิคงไม่ได้บอกความรู้สึกให้เพื่อนสนิทรับรู้

“ได้ยินมาว่าชอบคนผมดำแล้วก็เรียบร้อย...”

“คงอย่างนั้น ทั้งไอดอล ทั้งนักแสดงที่หมอนั่นบอกว่าน่ารัก ก็แนวๆ นั้นหมดเลย”

“ยะ...อย่างนั้นเหรอ...”

อิดะยกมือลูบเส้นผมดำสนิท พลางนึกย้อนไปว่าบุคลิกของตนตรงสเป็กอาโอกิ ถ้าถามว่าเป็นคนแบบไหนคงต้องบอกว่าค่อนข้างเรียบร้อย

“อย่าบอกนะว่าอยากรู้จุดอ่อนของอาโอกิ? พวกนายทะเลาะกันเหรอ?”

“ไม่ได้ทะเลาะหรอก แค่...”

แค่อยากรู้เรื่องของอาโอกิ

“แค่อยากรู้เอาไว้”

“เหรอ”

ไอดะพูดเบาๆ เมื่ออิดะกลบเกลื่อน ดูแล้วคงไม่เชื่อเท่าไร แต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องสืบหาความจริง

“ฉันกลับก่อนนะ ไปละ”

ไอดะโบกมือก่อนเดินจากไป

“อืม เจอกันพรุ่งนี้”

อิดะโบกมือตอบ ก่อนถอนใจยาวพอเห็นว่าไอดะลับตาไปจากประตูทางออก

สรุปว่ายังไม่รู้เรื่องของอาโอกิเหมือนเดิม ที่จริงเราควรสังเกตผู้ชายชื่ออาโอกิด้วยตาตัวเองมากกว่าถามคนอื่น

หนังสือแนะนำ All

Special Deal