(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน ภรรยาหนุ่มวาสนาดี เล่ม 1

Saturday

บทที่ 7 สระน้ำมหัศจรรย์

“สะพายห่อเสื้อไว้” โจวจี้เหนียนแบกภรรยาเดินไปสำรวจไป ก้าวย่างอย่างสุขุมมั่นใจ

เซี่ยหนิงแอบยิ้มอยู่ในความมืด ไม่นึกว่าสามีตัวสูงใหญ่แบบโจวจี้เหนียนจะกลัวงู

มือข้างหนึ่งโอบคอโจวจี้เหนียนอย่างเชื่อฟัง มืออีกข้างถือเสื้อผ้าพาดไว้ข้างหลัง หมอบซบบนแผ่นหลังโจวจี้เหนียนอย่างผ่อนคลาย 

คู่สามีภรรยาเดินไปข้างหน้าในความมืด เซี่ยหนิงพูดอยู่ในใจว่า ที่แท้การแต่งงานก็คือการใช้ชีวิตอยู่กับคนอีกคนที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างนั้นหรือ

ถึงแม้ว่าโจวจี้เหนียนจะไม่ชอบพูดเหมือนพี่ใหญ่ พูดไม่เก่งแต่ทางการกระทำกลับคิดคำนึงถึงตน การแต่งงานก็เหมือนจะดีมากทีเดียว

พอออกจากถ้ำมาแล้วข้างหน้าก็สว่างจ้า สีเขียวของป่าทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ เซี่ยหนิงเตะขาบอกว่า “ข้าจะเดินเอง”

โจวจี้เหนียนจึงปล่อยอีกฝ่ายลง เขาขึ้นเขาลงเขาโดยไม่หยุดพักจึงรู้สึกเมื่อยขาอยู่บ้างจริงๆ ถึงอย่างไรก็เป็นร่างกายของเด็กหนุ่มที่ยังฝึกฝนมาไม่มากพอ

แต่เส้นทางในป่าเขาเดินไม่สะดวก เขาจูงมือหนิงหลางอย่างเป็นธรรมชาติ พาอีกฝ่ายเดินไปตรงตะกร้าไม้ไผ่


 

ทั้งสองนั่งพิงต้นไม้เก่าแก่กินหมั่นโถวแห้งแข็ง รอจนโจวจี้เหนียนพักเอาแรงจนกลับมาเป็นปกติแล้วถึงได้พากันลงเขากลับบ้าน

เมื่อถึงตีนเขา โจวจี้เหนียนก็ถอดเสื้อนอกให้เซี่ยหนิงใส่ ทั้งสองแต่งตัวแบบนี้เพื่อที่จะได้ไม่ถูกชาวบ้านแอบมอง

พอเข้าเรือนสกุลโจวก็มีคนเข้ามาหาทันที เป็นลุงใหญ่ของโจวจี้เหนียน โจวต้าเฟิงทัก “จี้เหนียน? เก็บสมุนไพรอะไรมา”

พอเห็นโจวต้าเฟิงที่เกือบจะกลายเป็น ‘พ่อสามี’ ของตนเอง เซี่ยหนิงก็เม้มปากจับมือโจวจี้เหนียนไว้

โจวต้าเฟิงค้นตะกร้าของคนอื่น หยิบระเบิดเดือนแปดได้ลูกหนึ่งแล้วเตรียมตัวจะเดินจากไป แต่ก็เห็นเสื้อผ้าเป็นก้อนที่เซี่ยหนิงภรรยาของหลานถือไว้เสียก่อน และในเสื้อผ้าเหมือนจะมีของหนักๆ ถ่วงอยู่ด้วย 

“ห่ออะไรไว้ในเสื้อผ้าหรือ” โจวต้าเฟิงอยากจะเปิดดู

ถึงแม้จะใส่หมวกอยู่ แต่เซี่ยหนิงก็ยังกลัวว่าใบหน้าของตนจะทำให้ผู้อื่นตกใจ โจวต้าเฟิงเข้ามาใกล้ทำให้เขาตกใจจนปล่อยมือ เสื้อแผ่ออก เห็นหางงูโผล่ออกมา

“โอ๊ะ!” โจวต้าเฟิงตกใจจนกระโดดโหยง “งูหรือ”

“หนิงหลางจับมาน่ะขอรับ พรุ่งนี้จะเอาไปขายแลกเงินในเมือง” โจวจี้เหนียนตอบพร้อมขวางโจวต้าเฟิงไว้ “อย่ากวนท่านลุงเลย หนิงหลาง เก็บกลับไป”

เซี่ยหนิงได้สติแล้วรีบหยิบเสื้อขึ้น จากนั้นก็ถูกโจวจี้เหนียนจูงมือเข้าเรือนสาม

สามีภรรยาคู่นี้ต่างนึกไม่ถึงว่า โจวต้าเฟิงจะเอาแต่นึกถึงเรื่องนี้อยู่ตลอด

โจวจี้เหนียนไปหยิบเสื่อมาปูบนพื้น เริ่มตากผลห้ารส ทางเซี่ยหนิงก็เอาถังไม้ไปตักน้ำมาล้างซากงู

เวลาพลบค่ำ คนทำงานในไร่นาเริ่มกลับบ้าน หลินจิ่นเองก็จับจูงสามีของตนเข้าบ้าน พอเข้ามาถึงเรือนด้านหลังแล้วก็ตกใจที่เห็นว่ามีงูดำวางพาดอยู่บนเสาไม้ไผ่หนึ่งตัว

งูดำนั่นถูกแขวนนิ่งอยู่ เขารู้แล้วว่าเป็นงูที่ตายแล้ว

“ไปจับงูมาจากไหนกัน” หลินจิ่นหันไปถามทางห้องลูกชาย

เซี่ยหนิงรีบออกมาตอบว่า “งูบนเขาขอรับ เตี่ย พรุ่งนี้จะให้จี้เหนียนเอาไปขายแลกเงินที่ร้านยา”

โจวซานเฟิงเดินเข้าไปดูงูใกล้ๆ แล้วหันไปถามเซี่ยหนิง “ไม่โดนกัดใช่ไหม”

เซี่ยหนิงส่ายหน้า “ไม่โดนกัดขอรับ วันนี้อากาศร้อนมันจะเน่าหรือไม่ ต้องโรยเกลือไหมขอรับ”

หลินจิ่นก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งสามมองหน้ากันโดยที่ไม่มีใครเสนอความคิดอะไร

“เหล่าซาน? แม่เอง แม่มาแล้ว” นางผลักประตูจากเรือนด้านในเข้ามาในเรือนพวกเขา “เหล่าซานอยู่ไหน”

“ท่านแม่” โจวซานเฟิงตอบ

ไม่นานย่าโจวก็เดินเข้ามาใกล้เรือนเล็กของพวกเขา มองปราดเดียวก็เห็นงูดำที่แขวนอยู่บนเสา

ย่าโจว “โอ๊ะ งูตัวใหญ่ขนาดนี้เชียว?”

เห็นย่าโจวไม่ประหลาดใจเลยสักนิด เหมือนรู้แล้วว่าบ้านเขามีงูอย่างไรอย่างนั้น อยู่ๆ หลินจิ่นก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในใจ

แล้วก็จริงดังคาดเมื่อย่าโจวเอ่ยว่า “เจ้าสาม พี่ใหญ่เจ้าช่วงนี้ได้สุราดีมาไหหนึ่ง งูตัวนี้ให้พี่ใหญ่เจ้าไปดองเหล้าเถิด ถือเสียว่าขอบคุณที่พี่ใหญ่เจ้าช่วยออกค่าสินสอดให้จี้เหนียน”

เซี่ยหนิงขมวดคิ้วมองเตี่ย หลินจิ่นก็นิ่วหน้าเหมือนกัน เซี่ยหนิงกัดฟันแล้วหมุนตัวกลับเข้าห้อง ก็เห็นว่าโจวจี้เหนียนเพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังใส่เสื้อผ้า

“จี้เหนียน งูของข้า...” เซี่ยหนิงฟ้องด้วยเสียงแผ่วเบาฟังดูน่าสงสาร

โจวจี้เหนียนหันกลับมาถาม

“ท่านย่าให้เอางูไปให้ท่านลุงของท่าน!” เซี่ยหนิงเดินเข้าไปด้วยความร้อนใจ หยิบเสื้อผ้าบนชั้นส่งให้โจวจี้เหนียน เร่งโจวจี้เหนียนใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปช่วยเขาแย่งงู

เขาเพิ่งแต่งเข้ามา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เหมาะที่จะออกหน้าปะทะกับผู้อาวุโสบ้านสามี

ในเรือนฝั่งนี้ โจวซานเฟิงพยายามปฏิเสธ “ท่านแม่ งูตัวนี้พวกเด็กๆ ขึ้นเขาไปจับมา ตั้งใจว่าจะเอาไปขาย เด็กๆ จะได้ซื้อกระดาษได้สักหน่อย”

ย่าโจวบอก “ขาดกระดาษก็ไปเอาที่เวินชูสักหน่อยก็ได้ รอหิ้วไปขายในเมืองก็เหม็นหึ่งหมดแล้ว ร้านยาคงไม่เอาหรอก เสียของเปล่าๆ”

“ไม่ได้ขอรับท่านย่า” โจวจี้เหนียนผลักประตูออกมา “งูตัวนี้หนิงหลางตั้งใจจับให้ท่านพ่อเอาไว้รักษาโรคขา”

โจวซานเฟิงกับหลินจิ่นมองเซี่ยหนิงที่อยู่หลังลูกชายด้วยความประหลาดใจ เด็กหนุ่มร่างเปราะบางจะจับงูตัวใหญ่แบบนี้ได้อย่างไรกัน

“ตอนเช้าหนิงหลางยกน้ำชาให้ท่านพ่อ เห็นว่าโรคที่ขาของท่านพ่อกำเริบ ข้ออักเสบยามอากาศชื้น อีกทั้งได้ยินข้าพูดว่าดีงูรักษาโรคได้ ด้วยใจกตัญญูจึงตามข้าขึ้นเขาไปหาสมุนไพรทั้งวัน ถึงขั้นตกลงไปที่ตีนเขา”

หลินจิ่นรีบดึงเซี่ยหนิงมาสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “ตรงไหนหักหรือไม่ ร้ายแรงหรือไม่!”

เซี่ยหนิงส่ายหน้าสื่อว่าไม่เป็นไร

โจวจี้เหนียนพูดอีก “หลานลงเขามาเอาเชือกป่านกลางคันก็เพื่อดึงหนิงหลางขึ้นมา หนิงหลางเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเพราะแสดงความกตัญญู เกรงว่าหากมอบให้ท่านลุงใหญ่แล้วลือกันออกไป จะต้องมีคนด่าว่าท่านลุงใหญ่ ทรยศต่อความกตัญญูของหนิงหลางเป็นแน่”

หลินจิ่นอบรมลูกชาย “ที่แท้ยามอู่* (ยามอู่ : คือช่วงเวลา 11.00 น. ถึง 13.00 น. ) เจ้าลงเขามาเอาเชือกก็เพื่อช่วยหนิงหลางนี่เอง เด็กคนนี้นี่ เหตุใดจึงกล้าปิดบังเตี่ย หากเกิดอะไรขึ้นมาแล้วจะทำเช่นไร?!”

ย่าโจวกลอกตาคิด นางเห็นกับตาว่าโจวจี้เหนียนกลับมาเอาเชือกจริง ตอนนั้นนางยังเร่งหลินจิ่นให้ส่งข้าวไปที่นาอยู่เลย

“สำคัญที่สุดคือเกรงว่าพี่เวินชูจะโดนหางเลขไปด้วย ปีนี้จะสอบเยวี่ยนซื่อแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบัณฑิตก็คือชื่อเสียง” โจวจี้เหนียนพูดจบแล้วเงยหน้ามองย่าโจวตรงๆ

ด้วยกลัวว่าจะพัวพันมาถึงแก้วตาดวงใจของนาง ย่าโจวจึงได้แต่ยอมแพ้

ย่าโจวตบมือเบาๆ “ในเมื่อเป็นความกตัญญูของหลานสะใภ้ เช่นนั้นก็ช่างเถิด”

ย่าโจวพูดจบแล้วก้าวเท้าออกไปจากเรือนเล็ก

เซี่ยหนิงที่อยู่ข้างหลังโจวจี้เหนียนบีบฝ่ามือเขาด้วยความเลื่อมใส ฉีกยิ้มจนเห็นฟันให้สามีร่างสูงใหญ่ที่หันกลับมามองตน

ในตาเซี่ยหนิงฉายประกายเลื่อมใสจนโจวจี้เหนียนเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะพูดเสียงเบาจัดการเรื่องนี้ “ไม่ขายแล้ว ไปเอาเหล้ามาดองดีงูก็แล้วกัน”

“อื้ม!" เซี่ยหนิงรีบพยักหน้า “ข้าจะเอาดีงูออกมาเอง”

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจะขายงูแลกเงิน แต่เขาไม่รู้เรื่องโรคขาของท่านพ่อ ในเมื่อมีประโยชน์กับท่านพ่อ เงินก็เป็นเพียงเรื่องเล็ก

หลินจิ่นไปเอาเหล้ามาจากห้องใต้ดิน ส่วนโจวซานเฟิงนั้นซาบซึ้งใจกับความกตัญญูของลูกสะใภ้นักจึงเข้าไปช่วยเซี่ยหนิง ตัวเขาเองก็เป็นกังวลอยู่หลายรอบกลัวว่าเซี่ยหนิงจะเป็นอะไรไปเพราะตกเขาลงมา

โจวจี้เหนียนมองภรรยาใจกล้าในลานบ้าน เห็นอีกฝ่ายถือมีดถืองูเตรียมจะผ่าท้องแล้วเขาก็ถอนใจกลับเข้าห้อง

สกุลโจวมากคนมากความ โจวจี้เหนียนเองก็พูดจาดีรับหน้าเป็น สิ่งที่มีค่าที่สุดของงูก็คือดีงู ดีงูเก็บไว้ได้ งูดำไม่มีพิษ เนื้องูนั่นจึงเอาไปทำอาหารเย็นเป็นกับข้าวให้ทั้งครอบครัวใหญ่

ปกติอาหารเย็นเป็นงานของเรือนสามหลินจิ่นและเรือนสี่หลินกุ้ยฮวา หลินกุ้ยฮวาทำกับข้าว หลินจิ่นถึงอย่างไรก็เป็นบุรุษ ใจกล้ากว่า จึงกำลังดองเนื้องูอยู่

หลินกุ้ยฮวาว่า “ตายจริง หนิงหลางเก่งจริงๆ เสี่ยวเกอเอ๋อร์คนนี้ไฉนใจกล้าได้ถึงเพียงนี้”

หลังจากน้องสะใภ้เอ่ยปาก หลินจิ่นเองก็ชะงัก นึกถึงผลห้ารสที่ตากแห้งอยู่เต็มลานเล็ก “เด็กคนนี้อยากจะแสดงความกตัญญูเหลือเกิน น้องสะใภ้อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ข้าคิดว่าหนิงหลางไม่ใช่แค่ส่งเสริมสามีให้เจริญรุ่งเรืองนะ แต่ยังส่งเสริมครอบครัวให้เจริญรุ่งเรืองด้วย”

ตอนเย็นครอบครัวใหญ่กินข้าวด้วยกัน ย่าโจวไม่ให้เซี่ยหนิงร่วมโต๊ะด้วย นางว่าให้เด็กหนุ่มหายป่วยก่อนค่อยออกมา โจวจี้เหนียนจึงต้องยกกับข้าวสองชุดกลับไปที่เรือนเล็กของตนแล้วเรียกหนิงหลางออกมา นั่งมองหน้ากันกินข้าวอย่างสำราญใจ

เซี่ยหนิงถือชามข้าวธัญพืชกินอย่างเอร็ดอร่อย ถึงอย่างไรนอกจากบ้านของโจวจี้เหนียนแล้ว สกุลโจวทุกคนล้วนแปลกหน้าสำหรับเขา การที่ไม่ให้เขากินข้าวด้วยกลายเป็นว่าเขากลับรู้สึกสบายใจ

โจวจี้เหนียนเห็นว่าเซี่ยหนิงชอบกินเนื้อจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่บ่อยนัก “กินเยอะๆ หน่อย บ้านเราไม่ร่ำรวย ไม่ค่อยมีเนื้อ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมือง เจ้าอยากกินอะไรข้าจะซื้อกลับมา”

ตอนที่มารดาของเซี่ยหนิงยังอยู่จะพูดกับเขาแบบนี้ทุกครั้งที่เข้าเมือง และทุกครั้งนั้นเขาจะย่ำเท้าอย่างร้อนใจร้องจะเอาลูกกวาดตลอด

“ขนมหนวดมังกร” เซี่ยหนิงโพล่งออกไป

โจวจี้เหนียนเลิกคิ้ว “ทำไมถึงไม่เอาเนื้อเล่า เงินมีพอ”

“เนื้อมีเมื่อไรก็ค่อยกิน ถ้าไม่มีข้าใช้มะเขือม่วงทำได้ ข้าจะเอาขนมหนวดมังกร ตอนที่ท่านแม่ข้ายังอยู่ ทุกครั้งที่เข้าเมืองจะซื้อมาให้ข้า” วันนี้ได้เดินทางขึ้นเขา เซี่ยหนิงเห็นโจวจี้เหนียนเป็นพี่ชายคนสนิทไปแล้ว

โจวจี้เหนียนเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ามีท่าทางหดหู่อย่างที่มองออกได้อย่างชัดเจน ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดถึงมารดา จึงเปลี่ยนเรื่องคุยไปเสีย “มะเขือม่วงจะทำเป็นเนื้อได้อย่างไรกัน”

“ท่านก็ไม่เคยกินมาก่อนหรือ แม่ข้าเป็นคนค้นพบ พรุ่งนี้ท่านเข้าเมืองซื้อขนมหนวดมังกรมาให้ข้า ข้าจะทำมะเขือแห้งนึ่งให้ท่านอยู่ที่บ้าน”

“ตกลง”

มะเขือม่วงที่ไร่เพิ่งสุกเดือนนี้ พวกเขาเก็บมากองไว้ในห้องใต้ดินทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ใช่ของหายาก ครอบครัวชาวนามีกันมากมาย

ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยแล้วเซี่ยหนิงก็เก็บชามกับตะเกียบไปล้างอย่างเบิกบานใจ เมื่อคลำทางมืดๆ จนเข้าไปในห้องครัวก็พอดีกับที่หลินจิ่นเก็บชามกับตะเกียบในมือ “พอดีเลย ข้าจะล้างได้ด้วยกัน เจ้าไปเก็บเสื้อผ้าให้เตี่ยที”

“ขอรับ” เสียงใสตอบรับ เซี่ยหนิงรับงานแล้วเดินออกไปอย่างร่าเริง

หลินจิ่นส่ายหน้ายิ้มๆ สุดท้ายก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี อุปนิสัยร่าเริงเบิกบาน ช่างดีเหลือเกิน

เย็นนี้โจวจี้เหนียนไปตักน้ำใส่เต็มถังอาบน้ำอีกโดยไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก กระทั่งเซี่ยหนิงลงถังน้ำอย่างสง่าผ่าเผย

บิดาและพี่ใหญ่ของเขาไม่เคยพูดกับเขาเรื่องการแต่งงานและการเข้าหอ ถึงอย่างไรเซี่ยซุนซื่อก็ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเซี่ยหนิงอีกทั้งไม่สนิทสนมกัน ก็ยิ่งไม่อาจบอกถึงเรื่องบนเตียงพวกนั้นกับเขาได้

เซี่ยหนิงจึงนอนในถังน้ำไปอีกคืนอย่างเป็นสุข

โจวจี้เหนียนนอนหลับตาอยู่ บางครั้งก็ได้ยินเสียงน้ำกระฉอกจากในถัง เขานึกถึงการผจญภัยกับหนิงหลางในวันนี้ ในหัวมีแต่ใบหน้าแย้มยิ้มของเซี่ยหนิง ภรรยาที่แววตาเป็นประกาย

ดูเหมือนว่าหนิงหลางแช่น้ำทั้งคืนคงจะเพียงพอให้ทำกิจกรรมอย่างราบรื่นได้ครึ่งวัน เขากำลังคิดว่าหากเป็นในฤดูหนาวจะดูแลหนิงหลางอย่างไรดี

 

หนังสือแนะนำ All

Special Deal