(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

เรื่อง : ทดลองอ่าน ภรรยาหนุ่มวาสนาดี เล่ม 1

Saturday

บทที่ 12 ลูกสะใภ้ผู้รู้ความ

โจวซานเฟิงมองอาหารเย็นที่เห็นชัดว่าไม่พอแบ่ง ถามขึ้นมาด้วยความฉงน “ตักน้อยไปหรือเปล่านี่”

หลินจิ่นสีหน้าฉายโทสะกำลังจะอ้าปากตอบ แต่พอคิดแล้วก็บรรเทาลง เปลี่ยนมาบอกว่า “เย็นนี้มีธุระต้องทำ ข้ากินที่โถงใหญ่มาก่อนแล้ว พวกท่านกินกันเถอะ ข้าจะไปเก็บกวาดห้องครัว”

เขาตั้งใจว่าตอนค่ำจะปรึกษากับโจวซานเฟิงก่อนสักหน่อยแล้วค่อยบอกกับพวกเด็กๆ จะได้ไม่กระทบอารมณ์ในการเรียนของลูกชายเขา

โจวจี้เหนียนคัดลอกหนังสืออยู่ในห้อง แต่เซี่ยหนิงอยู่ที่ลานเล็กตลอดจึงเห็นความไม่เป็นธรรมชาติของเตี่ยทันที เด็กหนุ่มสงสัยว่าเหตุใดเตี่ยต้องโกหก เห็นชัดว่าเตี่ยปากแห้ง ไม่ได้มันวาวเลยสักนิด ท่าทางไม่เหมือนกินข้าวตอนร้อนๆ มาเลย

ตอนกินข้าวโจวจี้เหนียนเห็นเซี่ยหนิงขมวดคิ้ว “ทำไมไม่กินข้าวดีๆ”

โจวจี้เหนียนเองก็ไม่ใช่เทพบนสวรรค์ ตั้งแต่ที่เขาแต่งเซี่ยหนิงเข้าบ้านวิถีชีวิตก็มุ่งพัฒนาไปอีกทางหนึ่งโดยตรง อย่างชาติก่อนลุงใหญ่ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ หมูป่าก็จับได้จริง เพราะชาติก่อนหมูป่าโผล่มาเพียงตัวเดียว

เขาจึงไม่รู้เลยว่าวันนี้เตี่ยของเขาโกหก เห็นเซี่ยหนิงไม่กินข้าวดีๆ หมั่นโถวก็ไม่กิน กับข้าวก็ไม่คีบ เอาแต่กอดชามข้าวธัญพืชกินเปล่าๆ เขาชักจะโมโหขึ้นมาที่เด็กน้อยไม่กินข้าวดีๆ

“อึก..." เซี่ยหนิงไม่นึกว่าโจวจี้เหนียนจะมองตนกินข้าว เด็กหนุ่มอึกๆ อักๆ พูดสาเหตุออกมาไม่ได้

“แล้วเจ้าอยากกินอะไร” โจวจี้เหนียนถามอีก รอบนี้น้ำเสียงเริ่มฟังดูอ่อนใจทั้งยังแฝงการประคบประหงม เขานึกว่าเซี่ยหนิงเลือกกิน กินจนเบื่อแล้ว

พอเขาถามแบบนี้เซี่ยหนิงก็มีวิธีพูดแล้ว “มะเขือแห้งนึ่ง! เมื่อวานตากอีกหนึ่งวันกินได้แล้ว ข้าจะเอาไปนึ่งที่ห้องครัวแล้วเอามาให้ท่านชิมนะ!”

เซี่ยหนิงรีบพุ้ยข้าวธัญพืชที่เหลือในชามใส่ปาก เดินแก้มตุ่ยออกไปอุ้มปุ้งกี๋สองใบวิ่งไปที่ห้องครัว

โจวจี้เหนียนเม้มปากถอนใจที่ภรรยาเลี้ยงยาก ช่างจุกจิกกับการกินนัก

หลินจิ่นนั่งอยู่ในห้องครัวกำลังคิดว่าจะพูดเรื่องแยกบ้านอย่างไรดีก็เห็นเซี่ยหนิงอุ้มปุ้งกี๋มา เขากำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ในใจ พลางช่วยลูกสะใภ้ก่อไฟอย่างไม่ถือสา

นึ่งมะเขือเผ็ดน้ำจิ้มข้าวเหนียวพริกใช้เวลาเพียงครู่เดียว พอร้อนทั่วก็กินได้ไม่ได้นานนัก เซี่ยหนิงใช้ตะเกียบคีบชิ้นหนึ่งป้อนเตี่ย “เตี่ยลองชิมดู กินได้ไหมขอรับ”

มะเขือม่วงแห้งร้อนนุ่มเหนียว ทั้งเผ็ดทั้งหอม เหนียวหนึบเคี้ยวเพลินมาก หลินจิ่นรู้สึกว่าเคี้ยวแล้วเหมือนเนื้อแห้ง “อร่อย มะเขือม่วงนี้ทำไมถึงทำออกมาได้รสชาติเหมือนกับเนื้อแห้งเลยล่ะ”

เซี่ยหนิงอมยิ้ม “พอเย็นแล้วจะยิ่งอร่อย เคี้ยวหนุบหนับกว่าเนื้อแห้งอีกขอรับ ข้าจะคีบให้จี้เหนียนกินสักหน่อย”

หลินจิ่นมองมะเขือแห้งนึ่งเต็มถาด นึกถึงความใจร้ายของแม่สามีเมื่อเย็นนี้แล้วก็โพล่งออกไป “เอากลับลานเล็กให้หมด!”

หลินจิ่นหัวใจเต้นรัว ตอนนี้ทุกคนรวมตัวกินข้าวเย็นอยู่ที่โถงหลัก ไม่มีทางที่ใครจะรู้ได้ แต่เป็นครั้งแรกที่เขาเก็บของกินไว้ส่วนตัว ต้องโทษที่ท่านแม่ลำเอียงเกินไป พี่สะใภ้ใหญ่กับบ้านน้องสะใภ้หกเอาอาหารไปให้คนเรียนหนังสือ แต่จี้เหนียนลูกชายเขาก็เป็นคนเรียนหนังสือเหมือนกัน แล้วทำไมสองบ้านนั้นถึงไม่ต้องทำงานอะไรเลย

เขากับซานเฟิงทำงานหลังขดหลังแข็ง ตอนนี้ข้าวก็ยังไม่ให้กินอิ่มท้องอีก

“เจ้าบอกว่าเย็นแล้วจะยิ่งอร่อยมิใช่หรือ รอให้เย็นแล้วค่อยเอาออกมาแบ่ง” หลินจิ่นเริ่มตักมะเขือม่วงนึ่งทั้งหมดอย่างว่องไว เอาใส่ปุ้งกี๋ก่อนในตอนแรก จากนั้นทั้งสองก็หอบปุ้งกี๋สองใบกลับลานบ้านเล็ก

หลังกลับถึงลานบ้านเล็กแล้วทั้งครอบครัวก็แบ่งกันกินมะเขือแห้งนึ่ง ความเผ็ดหอมกระตุ้นปุ่มรับรส มะเขือม่วงที่กินแล้วเหมือนกินเนื้อทำให้อีกสามคนชมเปาะ แม้จะนึ่งไว้เยอะแต่ทั้งสี่คนกินไปทีละชิ้นๆ จนหมดไปแล้วครึ่งปุ้งกี๋

เซี่ยหนิงกินมะเขือแห้งอีกสองสามชิ้น ก่อนจะลูบท้องเอ่ยขึ้น “ข้าอิ่มแล้ว ข้าจะลุกไปเดินหน่อย”

บนโต๊ะยังมีหมั่นโถวนึ่งอีกหนึ่งลูก หลินจิ่นทำเป็นว่ากลัวเสียของเปล่าๆ จึงหยิบมากินกับมะเขือแห้งนึ่ง ถึงอย่างไรเขาก็ทำงานในนามาทั้งวัน หิวไส้กิ่วมานานแล้ว

เซี่ยหนิงไปเดินเล่นย่อยอาหารอยู่ที่ลานบ้านเล็กจริง แม้จะเดินสิบก้าวก็ถึงกำแพงแล้วก็ตาม เขาเดินวนอยู่กับที่หลายก้าว รอโจวจี้เหนียนกลับห้องเขาถึงรีบเดินเข้าไป

โจวจี้เหนียนหิ้วถังเตรียมจะไปตักน้ำที่บ่อใหญ่ เซี่ยหนิงตามหลังเขาแจ โจวจี้เหนียนเพียงหันไปมองแต่ไม่ได้ห้าม พาเงาตามตัวออกไปจากลานบ้านด้วยกัน

พอออกมาจากลานบ้านแล้วเซี่ยหนิงก็เอื้อมมือดึงแขนเสื้อโจวจี้เหนียนพลางเอ่ยขึ้น “จี้เหนียน วันนี้เตี่ยโกหก”

โจวจี้เหนียนฉงน พาอีกฝ่ายไปหลังต้นไม้แล้วถามอย่างละเอียด “อย่างไรหรือ”

“เตี่ยไม่ได้กินมื้อเย็นชัดๆ แต่หลอกพวกเราว่ากินกับทุกคนที่โถงหลักมาก่อนแล้ว แต่ว่าเพราะอะไรกันล่ะ” เซี่ยหนิงขมวดคิ้วครุ่นคิด

โจวจี้เหนียนคิดทบทวน เตี่ยเขากินมะเขือแห้งนึ่งไปไม่น้อย และหมั่นโถวนึ่งที่เหลือก็ลูกใหญ่เท่าฝ่ามือ...

เขาเข้าใจทันทีและเดาในใจไว้อย่างใกล้เคียง ชะรอยเรื่องแยกบ้านคงรอหลังสอบเยวี่ยนซื่อปีหน้าไม่ได้แล้ว

“ในเมื่อเตี่ยปิดบัง ตอนนี้เราก็ทำเป็นไม่รู้ไปก่อน” โจวจี้เหนียนคิดครู่หนึ่ง เซี่ยหนิงละเอียดรอบคอบกว่าเขา อีกอย่างทั้งสองแต่งงานกันแล้วจึงไม่ได้คิดจะปิดบังเซี่ยหนิง

“สิ้นเดือนข้าจะไปรวมเงินคัดลอกหนังสือในเมือง และซื้ออาหารมาเตรียมไว้ที่บ้าน เจ้าเป็นคนละเอียด ช่วยข้าดูแลท่านพ่อกับเตี่ยหน่อยนะ รอให้ข้าเก็บเงินได้มากพอพวกเราจะแยกบ้าน ย้ายเข้าไปในเมือง”

“หือ?” เซี่ยหนิงเบิกตากว้าง แต่ก็รับปากทันที “เอาตามที่ท่านว่า”

ช่างน่ารักและว่าง่ายเสียจริง โจวจี้เหนียนคิดแล้วหมุนตัวไปตักน้ำในบ่อ

เซี่ยหนิงที่ตามหลังโจวจี้เหนียนในหัวก็เริ่มคิดว่าถ้าเข้าไปในเมืองแล้วเขาจะทำอะไรเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระการกินอยู่ในครอบครัวได้บ้าง

“จี้เหนียน!” เสียงนี้เต็มไปด้วยความดีใจระคนแปลกใจ

“ข้าทำมะเขือนึ่งเยอะหน่อย ท่านพาข้าเข้าไปขายในเมืองดีหรือไม่ เราสองคนช่วยกันเก็บเงิน”

โจวจี้เหนียนหมุนตัวกลับมา นับตั้งแต่ต้าชิ่งก่อตั้งราชวงศ์ก็ถ่ายทอดความคิดแก่ลูกหลานรุ่นเยาว์ว่าสามีผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องทำงานข้างนอกหาเลี้ยงชีพ ทว่าตอนนี้ภรรยาของเขาพูดว่า ‘เราสองคนช่วยกันเก็บเงิน’ จึงทำให้เขาคาดไม่ถึง เป็นความคาดไม่ถึงที่น่าตื้นตันใจ

“ไม่ได้ ต้องรีบเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ถนนร้อนอบอ้าว เมื่อเข้าไปถึงตัวเมืองแล้วไม่มีสระน้ำให้เจ้าได้พัก” โจวจี้เหนียนพูดสิ่งที่กังวลออกมา แต่เซี่ยหนิงปรารถนาดี เขาจึงพูดต่ออีก “เจ้าทำสิ ข้าจะเอาไปขาย”

เซี่ยหนิงรู้สึกหดหู่และโมโหที่ตัวเองถูกพิษนี้ โจวจี้เหนียนเป็นบัณฑิต จะดีได้อย่างไรเล่าถ้าให้เขาไปค้าขาย

ในราชสำนักต้าชิ่งมีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘บัณฑิตไม่ข้องเกี่ยวกับการค้าขาย’

อีกด้านหนึ่ง เขารู้สึกหวานชื่นอยู่ภายในใจ แม้โจวจี้เหนียนจะไม่ค่อยพูดไม่ค่อยยิ้ม แต่ก็ดีต่อเขามากมาย ไม่รังเกียจที่เขาออกไปเจอใครไม่ได้และไม่ทำงานบ้าน ในแววตาไม่เคยมีความรังเกียจใบหน้า ‘อัปลักษณ์’ ของเขา ตอนนี้ยังกระทั่งวางความตั้งใจของบัณฑิตลงได้ด้วย

การถูกพิษปลานี้ทำให้จับพลัดจับผลูมาแต่งงานกัน ดังนั้นพิษปลานี้เขายอมรับมันแล้ว

โจวจี้เหนียนตักน้ำกลับไปอาบ เขาไม่ได้ทำตัวสูงส่งเย่อหยิ่งอะไร มีชีวิตอยู่ในฐานะสูงส่งมาหลายสิบปีเขาโจวจี้เหนียนจำเป็นต้องใส่ใจสายตาใครด้วยหรือ

เซี่ยหนิงซ่อนมือไว้ในอกเสื้อนั่งลงบนม้านั่งเตี้ยแล้วเอาคางเกยเข่า กำลังคิดว่าทำอย่างไรจึงจะเข้าเมืองทั้งวันโดยไม่ต้องการน้ำได้กันนะ

คิดมาสองวันแล้ว มะเขือแห้งนึ่งก็กินหมดแล้ว เขายังหาวิธีไม่ได้ เตี่ยหลินจิ่นก็กลับล้มป่วย

หลินจิ่นตากแดดแรง ก้มตัวทำงานในนา ทำงานใช้แรงอย่างหนักสองวัน ในที่สุดเช้าวันที่สามก็ปวดเอวจนลุกไม่ขึ้น

ในใจโจวซานเฟิงคิดขึ้นมาว่าเหตุใดอาหารถึงสำคัญ เพราะภรรยาของเขาและลูกชายสองคนต้องกินข้าว ตอนนี้ภรรยาเขาแม้แต่จะนั่งยังลุกขึ้นมานั่งไม่ได้ อีกทั้งที่บ้านมีอาหารส่วนเกินเหลืออยู่ ไร่นาก็ไม่ได้สำคัญที่สุดขนาดนั้นแล้ว

เดือนนี้หมอหูมาเยือนบ้านสกุลโจวแค่บ้านเดียว แม้ว่าจะได้เงินก็จริงแต่ถึงอย่างไรก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน สกุลโจวมีคนล้มหมอนนอนเสื่อบ่อย หมอผู้มีจิตใจดีจึงคิดว่าเงินนี้เขาได้มาแล้วก็รู้สึกปวดใจ

“โรคเก่ากำเริบ ถ้าทำงานอีกชาตินี้ก็ไม่ต้องคิดแล้วว่าจะลุกขึ้นมานั่งได้” หมอหูค้นตะกร้ายา หยิบแผ่นแปะสมุนไพรช่วยรักษาอาการปวดเอวสองสามแผ่นออกมา

“จิ่นหลางยังไม่ถึงสี่สิบ ท่านหมอหูท่านช่วยรักษาเขาด้วย!” โจวซานเฟิงขมวดคิ้วอย่างปวดใจ หน้าตาเป็นทุกข์

“ตอนนี้รู้แล้วหรือว่าไม่ถึงสี่สิบ? แล้วทำไมไม่รู้จักให้ร่างกายพักตั้งแต่แรกเล่า” หมอหูเป็นคนตรงไปตรงมาแต่จิตใจดี

“รักษาไม่ยาก ครั้งนี้พักฟื้นให้เต็มที่ ต่อไปก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เอาเถามะเดื่อไปต้มสองเหลี่ยง* (เหลี่ยง : หน่วยตวงในสมัยโบราณ เท่ากับ 50 กรัมในสมัยปัจจุบัน) ผสมน้ำตาลทรายแดงกิน วันละหนึ่งชุด” หมอหูเสริมอย่างจริงจัง “กระดูกหักเอ็นขาดต้องรักษาเป็นร้อยวันถึงจะกลับมาเป็นปกติได้ ซ้ำกระดูกเอวเจ้าเป็นโรคเก่า รักษายังไม่ถึงครึ่งปีจะให้หายขาดไม่ได้หรอก ห้ามทำงานมากเกินไปเป็นอันขาด! จำได้แล้วหรือยัง” 

“จำได้แล้วขอรับ ขอบคุณท่านหมอมาก นี่ค่ารักษา ข้าจะตามท่านไปเอายา” โจวจี้เหนียนเอาเงินย่อยส่งให้หมอหู

“แผ่นแปะยาสิบแผ่นไม่ได้แพงอะไร สมุนไพรพวกเจ้าขึ้นเขาไปเก็บเองก็ได้ เก็บมาเยอะๆ หน่อยเอามาให้ข้าแล้วหักค่าแผ่นแปะยานี้ พวกเจ้าใครจะตามข้าไปที่บ้านก็ได้ ข้าจะให้เจ้ารู้จักสมุนไพรเอาไว้” หมอหูไม่รับเงิน แบกตะกร้ายาขึ้นหลังแล้วผลักประตูออกไป

เซี่ยหนิงตามไป “ข้าไปเอง ตอนเด็กๆ ข้าไปเก็บสมุนไพรเป็นประจำ ข้าคุ้นเคย”

เซี่ยหนิงเองก็มีไหวพริบ ไปแย่งตะกร้ายาของหมอหูมาช่วยแบกแล้วตามอีกฝ่ายไปดูสมุนไพร

การแยกแยะสมุนไพรต้องดมกลิ่นและวิเคราะห์ลักษณะของมัน เซี่ยหนิงจดจำได้แล้วก็วิ่งไปที่หลังเขาทันที เถามะเดื่อจำง่าย ลักษณะเป็นไม้พุ่มเลื้อยปรับตัวอยู่ในป่าบนเขาลึกเก่ง เด็กหนุ่มตามหาอยู่ในเขาอย่างนั้นทั้งที่ตัวเองกำลังหิว

ย่าโจวที่อยู่ในบ้านได้ยินว่าลูกสะใภ้เรือนสามปวดเอวนอนติดเตียงก็มาเยี่ยมครู่หนึ่ง เห็นหลินจิ่นหน้าซีดเผือดดูเจ็บปวดแล้วนางก็เบะปาก ไม่ได้พูดอะไร แน่นอนว่าไม่ได้หยิบเงินให้ไปใช้รักษา ทว่าหมุนตัวออกไปเลย

โจวซานเฟิงแม้จะผิดหวังกับท่าทีของมารดาแต่ก็เป็นห่วงภรรยา ผิดหวังเพียงครู่เดียวเท่านั้น ยังคงสนใจหลินจิ่นมากกว่า

โจวจี้เหนียนเอาอาหารไปแลกน้ำตาลทรายแดงจากชาวบ้าน ลึกๆ ในใจเขาสงสัยว่าเหตุใดทุกอย่างในชาตินี้ถึงได้เดินหน้าไปต่างจากชาติก่อนที่เขาเคยประสบ

หากเป็นเช่นนี้ เขาก็ทำได้แค่เพียงมีความทรงจำของชาติก่อน ใช้ชีวิตใหม่เอี่ยมในชาตินี้ เผชิญหน้าใหม่หมด หรือจะบอกว่าสวรรค์มีตาจริง? ไม่ยอมให้ขี้โกงได้

หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็ทำได้แค่ใช้ชีวิตในเวลานี้ไปก่อน เพราะเหตุไม่คาดฝันมักจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเขาจึงต้องแข็งแกร่งมากพอ ถึงจะสามารถต้านทานความเจ็บปวดที่เหตุไม่คาดฝันพวกนี้นำมาสู่คนในครอบครัวได้

เซี่ยหนิงตัดเถามะเดื่อหนึ่งตะกร้าเดินไปบ้านหมอหูก่อนโดยไม่หยุดพัก

“เก็บมาถูกแล้ว เอาแค่เถา ประมาณนี้...” หมอหูหยิบเถาวัลย์มาเทียบความยาว “ต้มหนึ่งชาม พอน้ำข้นแล้วผสมน้ำตาลทรายแดงกิน แล้วเตรียมเกลือทะเล อุ่นให้ร้อน นำมาห่อด้วยผ้าห่มบางๆ เอามาประคบเอว มีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกหรือไม่”

เซี่ยหนิงพยักหน้าทั้งที่ยังหอบหายใจ “เข้าใจแล้วขอรับ”

“กลับไปต้มยา เอาเถาวัลย์กลับไปด้วย วันไหนว่างค่อยไปเก็บใหม่ เอามาให้ข้าพร้อมตะกร้าของข้า” หมอหูโบกมือไล่เด็กหนุ่มกลับ

เซี่ยหนิงขอบคุณอีกฝ่ายแล้วรีบกลับบ้าน เขาขึ้นเขาตอนที่ฟ้าเพิ่งแจ้ง เวลานี้เลยเที่ยงวันมาแล้ว เขาทั้งเหนื่อยทั้งหิว ที่สำคัญคือตัวเขาเริ่มร้อนและคัน พิษกำเริบอีกแล้ว

พอกลับถึงลานบ้านสกุลโจว เขาก็วิ่งเข้าครัวเริ่มต้มยาโดยไม่ได้หยุดพัก โจวจี้เหนียนตามเข้ามา “ข้าทำเอง เจ้าลงน้ำไปพักสักหน่อยเถอะ”

เซี่ยหนิงเข้าบ้านมาอยู่สบายๆ นานเกินไปแล้ว คราวนี้เป็นความเจ็บปวดแค่ครึ่งเดียวของแต่ก่อน เขาทนได้

เซี่ยหนิงร้อนใจจึงสั่งอีกฝ่ายทันที “ท่านก่อไฟ ข้าต้มยา”

เขากลัวว่าตนจะพูดไม่ชัดเจน ตัวเองต้มยาเองจะดีกว่า

โจวจี้เหนียนมองดวงหน้าแดงซ่านของเซี่ยหนิง รู้สึกทั้งรักเอ็นดูทั้งตื้นตันใจขึ้นมา

 

หนังสือแนะนำ All

Special Deal