(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

new

“มหากาพย์ภูผามหานที” ความงามซึ้งท่ามกลางวิกฤตชาติบ้านเมือง

“คุณธรรมน้ำมิตร” เป็นสิ่งที่ง่ายในการเอ่ยอ้าง แต่ยากในการแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม  เฟิ่งเกอ คือ ดาวรุ่งจรัสแสงในแวดวงนิยายกำลังภายใน ที่สามารถเสกสรรค์เส้นทางใหม่ในการแสดงออกซึ่งคุณธรรมน้ำมิตรที่โดดเด่นเกรียงไกรไม่ด้อยกว่าปรมาจารย์กิมย้ง โกวเล้ง และหวงอี้                 “เหลียงเหวินจิ้ง” ชายหนุ่มซุกซนที่กำลังเดินทางอย่างรื่นรมย์ท่ามกลางธรรมชาติขุนเขาอันงามสง่า กลับต้องเผชิญชะตาผันแปร เพียงเพราะมีใบหน้าละม้ายคล้ายเหมือน “ไหวอันอ๋อง” เจ้าชายแห่งราชวงศ์ซ่งใต้ ที่กำลังเผชิญวิกฤตล่มสลายของชาติบ้านเมืองจากภัยคุกคามของชาวมองโกล                 ไม่ต้องเดาก็คงทราบว่า ไหวอันอ๋อง จะต้องประสบเคราะห์กรรมและ เหลียงเหวินจิ้ง จะถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องสวมรอยแทน เพื่อหลอมรวมใจไพร่พลชาวซ่ง เป็นหนึ่งเดียวในการต่อต้านชาวมองโกล อย่างถึงที่สุด    ความท้าทายของ เฟิ่งเกอ จึงไม่ได้อยู่ที่พล็อตเรื่อง หากทว่าคือ การพัฒนาตัวละครให้มีสีสันแตกต่างจากร่มเงาของ กิมย้ง โกวเล้ง และหวงอี้  เหลียงเหวินจิ้ง กลับไม่มีกลิ่นอายวีรบุรุษที่คร่ำเคร่งแบบ “ก้วยเจ๋ง” ของ กิมย้ง แต่กระนั้นก็ยังคงรักษาความเป็นสุภาพบุรุษที่ดีงาม ซึ่งแตกต่างจากวีรบุรุษสไตล์นักกลยุทธ์แบบ “โคว่จง” ของหวงอี้                 พระเอกของ เฟิ่งเกอ จึงมีเสน่ห์ความงามในอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือ ความบริสุทธิ์ดีงามของสุภาพบุรุษที่อ่อนต่อโลก แต่ขณะเดียวกันก็สามารถยืดหยุ่นและเข้าใจโลกมากขึ้นตามวันเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป   ก้วยเจ๋งไม่ยอมอภัยให้ อึ้งย้ง จนกว่าจะได้รับหลักฐานที่แน่ชัดว่าบิดาของอึ้งย้งไม่ได้เป็นผู้เข่นฆ่าทำลาย 7 ประหลาดกังหนำ” อาจารย์ที่เคารพรักของ ก้วยเจ๋ง ในขณะที่ เหลียงเหวินจิ้ง ยังแอบรู้สึกดีต่อ เซียวอี้หลิง ในบางครั้งคราทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าศิษย์พี่ของเธอเป็นคนสังหารบิดาบังเกิดกล้าของตนเอง และเมื่อได้ผ่านประสบการณ์ในสนามรบอันโหดร้าย เขาก็เติบโตขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นและยินยอมปลดเปลืองบุญคุณความแค้นทั้งมวลเพื่อความรัก                   เสน่ห์อีกประการในฝีมือของ เฟิ่งเกอ ก็คือ ศิลปะการเล่าเรื่องให้ซาบซึ้งโดยไม่ต้องพร่ำพรรณา (show and don't tell)      นวนิยายของ กิมย้ง พร่ำบ่นก่นประณามความเลวร้ายของสงคราม แต่กลับไม่มีฉากสงครามที่มีชีวิตชีวาเพียงพอที่จะทำให้เราได้ร่วมรู้สึกในความโหดร้ายที่เลือดต้องล้างด้วยเลือด ในขณะที่ เฟิ่งเกอได้บรรยายฉากสงครามที่ห่ำหั่นบีบคั้นไม่แพ้ หวงอี้ ขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มฉากสะเทือนใจที่ทำให้บิดาบังเกิดเกล้าของ เหลียงเหวินจิ้ง ต้องสังเวยชีวิตไปต่อหน้าต่อตาบุตรชายที่รักยิ่ง    “บิดาท่านพลีชีพเพื่อชาติ หลั่งเลือดทาแผ่นดิน วีรกรรมคงอยู่คู่ดินฟ้า แต่ว่ามันสู้ศึกเพื่ออะไร ? ยังมิใช่เพื่อเมืองเหอโจว เพื่อราชวงศ์ซ้องหรอกหรือ ? ยามนี้ไฟสงครามยังไม่สิ้น ท่านก็หลบหนีจากไป บิดาท่านในปรภพไยมิใช่ผิดหวังยิ่ง?” (มหากาพย์ภูผามหานที ตอน ปฐมบทผู้กล้า หน้า 243)    นี่อาจเป็นถ้อยคำที่หนักแน่นด้วยเหตุผลเฉียบคมด้วยวาจาและน่าจะตรงกับจิตปณิธานของบิดาผู้ล่วงลับ แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจให้ เหลียงเหวินจิ้ง นึกละอายฟ้าดินและหวนกลับมาต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง   แต่หลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารอันโหดร้ายที่จวนแม่ทัพ ได้กลับแปรเปลี่ยนชายหนุ่มที่อ่อนแอและอ่อนต่อโลกคนหนึ่ง ให้กลับกลายเป็นชายชาติทหารที่พร้อมจะพลีชีพเพื่อประชาราษฏร์และชาติบ้านเมือง   เฟิ่งเกอแนบเนียนเพียงพอที่จะปล่อยให้ผู้อ่านขบคิดคาดเดาว่า “เหตุใด เหลียงเหวินจิ้งจึงเปลี่ยนใจเข้าร่วมรบ” ทั้งที่ผู้คนซึ่งล้มตายนั้นก็มีไม่มากนัก แถมยังไม่ใช่ญาติพี่น้องของตนเองอีกด้วย ในขณะที่ก่อนหน้านี้ บิดาของตนเองต้องพลีชีพไปเพื่อปกป้องบ้านเมือง ก็ยังไม่เคยบรรเจิดความคิดที่จะต่อสู้เช่นนี้เลย บางทีอาจไม่มีคำตอบ เพราะนี่คือการเจริญเติบโตและเรียนรู้ของมนุษย์ ที่ไม่ใช่เพียงได้รับการอบรมสั่งสอนหรือเผชิญเหตุการณ์เพียงครั้งเดียวแล้วจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในจิตใจ แต่ต้องเกิดจากการสั่งสมเคี่ยวกรำของชีวิตทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งผลิบานเป็นความหยั่งรู้ของชีวิต  “แม่ทัพนายกองทุกท่าน พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย การศึกในวันนี้ไม่ใช่เพื่อปกป้องบ้านเมือง หากแต่เพื่อรักษาบ้านช่อง เพื่อบิดามารดาที่เคารพ เพื่อภรรยาอ่อนช้อยบุตรธิดาอ่อนเยาว์ เพื่อผู้อาวุโสทั่วทั้งเมือง”   (มหากาพย์ภูผามหานที ตอน ปฐมบทผู้กล้า : 286)                   หากเป็นสุนทรพจน์ที่เอื้อนเอ่ยจากตัวละครของ หวงอี้ เราก็อาจรู้สึกฮึกเหิมแต่จะไม่กินใจเพราะรู้ว่าเป็น กลยุทธ์เพื่อปลุกเร้าทหาร แต่หากเป็นถ้อยคำจากตัวละครของ กิมย้ง เราก็จะรู้สึกซาบซึ้งด้วยคุณธรรมและความจริงใจ แต่ก็จะไม่รู้สึกยกย่องถึงกลยุทธ์ที่แอบแฝงอยู่ในการปลุกเร้าทหารให้สู้ถวายชีวิต  แต่สำหรับ เหลียงเหวินจิ้งในยามที่ตัดสินใจเข้าร่วมรบแล้ว คำพูดนี้ก็เป็นทั้งคำมั่นสัญญาที่จริงใจและกลยุทธ์เพื่อปลุกเร้าทหารเพื่อจะได้กลับมาพบหน้าคนที่ตนรักอีกครั้ง  บทประพันธ์ของ เฟิ่งเกอ หากลิ้มรสขบอ่านเพียงผิวเผิน ก็อาจรู้สึกไม่ซาบซึ้งใจเท่าที่ควร เนื่องจากมีการบรรยายที่กระชับเรียบง่ายและซ่อนนัยความหมาย ไม่ได้จาระไนอย่างเลอเลิศทุกตารางนิ้วเฉกเช่นปรมาจารย์ กิมย้ง ที่แผ่ซ่านไปทุกความรู้สึก ทุกอารมณ์ ทุกเหตุผล ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เต็มไปด้วยโครงสร้างกลยุทธ์ที่ซับซ้อนสอดรับกันอย่างดียิ่งเหมือนท่านเทพอักษราหวงอี้ หากทว่าเมื่อละเลียดอย่างลึกซึ้งแล้ว “ความงาม” จะค่อยๆผุดขึ้นมาในดวงใจ เป็นความงามสะทกสะท้อนที่เบ่งบานจากห้วงภายในอันแสนเงียบงัน   ….............................................     ขอขอบคุณ คุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ที่ทำให้ผมได้รู้จักเทคนิค Show and Don't tell ในเรื่อง "จิ้งจอกอหังการ์" จึงทำให้ผมนำมาประยุกต์ใช้ในการอ่าน "มหากาพย์ภูผามหานที" ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขอบคุณพี่ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนและทำให้ผมได้เห็นความเรียบลึกในเรื่อง "มหากาพย์ภูผามหานที" ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอิทธิพลต่างๆจาก กิมย้ง และหวงอี้                 ส่วนความบกพร่องทั้งมวล เป็นของผู้เขียนเพียงผู้เดียว บทความจาก อาจารย์ เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์ อาจารย์ประจำศูนย์ประชาคมอาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยสยาม สนใจสั่งซื้อ มหากาพย์ภูผามหานที ภาค 2 ตอน ปฐมบทผู้กล้า > คลิก สนใจสั่งซื้อ มหากาพย์ภูผามหานที 1 ตอน วีรกรรมผู้กล้า > คลิก สนใจสั่งซื้อ มหากาพย์ภูผามหานที ภาค 2 ตอน ปฏิหารย์แห่งผู้กล้า > คลิก

Top Hit


Special Deal