(* กดเพื่อเปลี่ยนสีพื้นหลัง)

ประวัติศาสตร์

วิชาไม้เท้าตีสุนัข ยอดวิชาแห่งพรรคกระยาจก ตอน 1

ในครั้งที่แล้วเราได้พูดถึงวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรกันไปแล้ว หากเราไม่ได้พูดถึงยอดวิชาชุดนี้ด้วยก็คงจะเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง

ไม้เท้าตีสุนัขถือได้ว่าเป็นของสำคัญมากอย่างหนึ่งในพรรคกระยาจก ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของหัวหน้าพรรคกระยาจก(นอกจากไม้เท้าแล้วยังมีน้ำเต้าอีกด้วย) ซึ่งไม้เท้าตีสุนัขนี้มีความเหนียว ยืดหยุ่น แต่ก็แข็งแรงซ้ำยังเป็นสีเขียวทำมาจากไม้ไผ่ประกายคล้ายกับมรกต(หลายๆท่านก็สันนิษฐานว่าคำว่า “หยก” จากมังกรหยกอาจมาจากความเป็นสีเขียวดั่งหยกของไม้เท้าตีสุนัขก็เป็นได้) ซึ่งไม้เท้านี้ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะนอกจากเป็นสัญลักษณ์ที่ว่าพบไม้เท้าเหมือนพบประมุข(ฟังดูคล้ายๆกับกระบี่อาญาสิทธิ์ของเป้าบุ้นจิ้นในซีรี่ย์กันเลยทีเดียว)

ซึ่งต้องบอกก่อนว่าพรรคกระยาจกนั้นในประวัติศาสตร์จีนนั้นมีจริงๆ แต่อาจไม่ได้เรียกว่าพรรคกระยาจก ซึ่งการรวมกลุ่มของขอทานก็ยังดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ทว่าในเรื่องจริงหาได้เป็น “ขอทานคุณธรรม”ดังในนิยาย แต่ทว่าพรรคกระยาจกนั้นก็อาศัยการรวมกันเป็นกลุ่มก้อนเพราะลักษณะของจีนนั้น นิยมการอยู่กันอย่างรวมกลุ่มอันเป็นรากฐานมาจากระบบวัฒนธรรมตระกูลแซ่ของจีน

แล้วไม้เท้าตีสุนัขละ มีจริงในประวัติศาสตร์หรือไม่ ?

ต้องบอกเลยว่าตามข้อมูลตอนนี้ยังหาไม่ได้ว่ามีไม้เท้าตีสุนัข แต่พลพรรคขอทานก็มีสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของแส้หนังที่เรียกกันว่า ”แส้มังกร”

ซึ่งที่มาของแส้มังกรต้องย้อนไปดูสมัยของราชวงศ์ถังในยุคที่หลี่หลงจีซึ่งภายหลังได้กลายเป็นฮ่องเต้ที่สำคัญต่อหน้าประวัติศาสตร์จีนอีกคนซึ่งมีเมี่ยวเฮ่าหรือเทพบิดรนามว่าถังเสวียนจง(หยางกุ้ยเฟยซึ่งเป็นหนึ่งในสี่หญิงงามของจีนก็เป็นกุ้ยเฟยของถังเสวียนจงองค์นี้นี่แหละ) ในตอนนั้นพระองค์ได้หนีการตามล่าของศัตรูอย่างเหวยฮองเฮาผู้ทะเยอทะยานอยากเป็นฮ่องเต้ดั่งบูเช็คเทียน หลี่หลงจีในตอนนั้นก็ได้หนีไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพรรคกระยาจกและยังว่ากันว่าพระองค์ได้เป็นผู้นำขอทานในระดับมณฑลเลยทีเดียว

ภายหลังเมื่อเหล่าขอทานทราบเรื่องว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ได้ทำการช่วยเหลืออย่างแข็งขัน ท้ายที่สุดเมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ก็พระราชทานแส้มังกรนี้ให้ สามารถลงโทษทั้งขุนนางจนไปถึงฮ่องเต้ได้ และเผลอๆเพราะแส้มังกรที่สามารถลงโทษฮ่องเต้ได้ จึงเป็นที่มาของชื่อวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรก็เป็นได้

นี่คือเรื่องราวที่ปรากฎขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับของสำคัญของพรรคกระยาจก แต่เรื่องราวขอเหล่าขอทานยังมีอีกหลายเรื่องเช่นเดียวกันในหน้าปรัวติศาสตร์ ซึ่งค่อยเอาไว้เล่าในภายหลังอีกครั้งนะครับ

วิชาไม้เท้าตีสุนัขนั้นเป็นวิชาลับเฉพาะซึ่งจะถ่ายทอดให้ประมุขพรรคกระยาจกเท่านั้น ซึ่งอานุภาพจะยอดเยี่ยมที่สุดก็ต่อเมื่อใช้ไม้เท้าตีสุนัขด้วย วิชานี้มีทั้งสิ้นสามสิบหกกระบวนท่า แปดเคล็ด แต่สามารถแปรเปลี่ยนได้อีกมากมาย ผู้ใช้วิชาชุดนี้จะต้องมีความสามารถในการผลิกแพลง มีไหวพริบที่ดีจึงจะสามารถสำแดงยอดวิชาชุดนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

เคล็ดทั้งแปดของไม้เท้าตีสุนัขประกอบด้วย เกาะเกี่ยว ฟาดฟัน พัวพัน ทิ่มแทง ตวัดเขี่ย ชักนำ ปิดป้อง หมุนวน ซึ่งแต่ละเคล็ดล้วนพิศดารและร้ายกาจเช่น “เคล็ดปิดป้อง” ใช้การควงไม้เท้าจนเรียกว่าน้ำมิอาจกระเด็นเข้ามา สามารถใช้ป้องกันศัตรูได้ ซ้ำยังสามารถปรับเปรียนจากรับเป็นรุดได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย หรือ “เคล็ดพัวพัน” คือใช้ไม้เท้าพัวพันไม่ยอมปล่อยให้หลุด ไม่ยอมให้สลัดหลุด หากเป็นการจีบผู้หญิงก็เปรียบคล้ายกับตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก

ส่วนกระบวนท่ามีสามสิบหกกระบวนท่า แต่สามารถแปรเปลี่ยนได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด โดยเฉพาะท่าสุดท้ายที่ชื่อว่า “แผ่นดินไร้สุนัข” ถือว่าเป็นเพลงที่ผลิกแพลงอย่างถึงที่สุดของวิชาชุดนี้คือพลังสามารถครอบคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ โจมตีมาจากสี่ทิศหากมีสุนัขอยู่ใกล้ก็ยากที่จะหลบพ้นกระบวนท่านี้ไปได้

ซึ่งวิชาไม้เท้าตีสุนัขนั้น บัญญัติโดยประมุขพรรครุ่นแรก(ไม่ใช่ชื่อโจวซือเอี้ยนะครับ แต่คำว่าโจวซือเอี้ยเป็นคำเรียกขานบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งโดยเป็นคำที่ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก) แล้วได้ถ่ายทอดลงมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งไม่ถ่ายทอดวิชาชุดนี้ให้กับคนนอก

จนวิชานี้มาถึงอย่างอวงเกี่ยมทงได้ถ่ายทอดให้เฉียวฟงประมุขพรรคกระยาจกคนต่อมา ในยุคของเฉียวฟง เขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาได้มีการปรับปรุงและพัฒนาวิชาชุดนี้ให้ร้ายกาจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก(จากการแก้ไขนิยายครั้งที่ 3 ของกิมย้ง) แต่ในเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้านั้นหลังจากที่เฉียวฟงรู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงว่าเป็นช่าวซิตันของตนและได้ถอนตัวจากพรรคกระยาจกทั้งยังทิ้งไม้เท้าตีสุนัขให้แก่พรรคกระยาจกสืบต่อไป หลังนั้นก็แทบไม่เห็นวิชาชุดนี้ในเรื่องนี้อีกเลย อาจเพราะเพียงแค่มือเปล่าเซียวฟงเองก็ยากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้แล้วในแผ่นดิน

 

เฉียวฟง
เฉียวฟง

 

จากเดิมที่วิชาชุดนี้หลังจากที่เซียวฟงนั้นได้ทำการเสียสละตนเองเพื่อยุติสงครามครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างเมืองเหลียวและเมืองซ้องแล้วก็น่าจะสูญหายไป แต่ในการแก้ไขปรับปรุงครั้งที่ 3 กิมย้งได้เพิ่มเติมส่วนนี้คือ เขาได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้กับซีจุ๊(ฮื่อเต็ก)แล้วจึงสั่งให้ผู้อาวุโสคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถมารับการสืบทอดต่อไป

ภายหลังมาในยุคของอั้งชิดกง มีน้อยครั้งมากที่เขาจะใช้วิชาชุดนี้ เพราะลำพังเพียงพลังฝ่ามือก็ยากที่หายอดฝีมือมาต่อกรกับเขาได้ในยุทธภพแล้ว

 

อั้งฉิกกง
อั้งฉิกกง ประมุขพรรคกระยาจก

 

หลังจากเดินทางออกจากเกาะดอกท้อมา อั้งชิดกงก็ได้พลาดท่าเสียทีพิษประจิมอาวเอี๊ยงฮง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนคิดว่าตนเองไม่น่ามีชีวิตรอด จึงต้องถ่ายทอดวิชาชุดนี้พร้อมทั้งแต่งตั้งให้อึ้งย้งเป็นประมุขพรรคกระยาจกคนต่อไป แม้ด้วยสติปัญญาของอึ้งย้งยังต้องใช้เวลาทำความเข้าใจวิชาชุดนี้อยู่พอสมควรเลยทีเดียว

 

บทความโดย

อภิวัฒน์ สุนันท์ยืนยง
อภิวัฒน์ สุนันท์ยืนยง
“สุดยอดแฟนพันธุ์แท้กิมย้ง”

 

อ่านตอน 2 

 

สนใจสั่งซื้อหนังสือของ "กิมย้ง" คลิก!!!

ขอบคุณภาพ เฉียงฟงจาก https://pantip.com/topic/13124143

ขอบคุณภาพ อั้งฉิกกง ประมุขพรรคกระยาจก จาก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mojikang&month=16-08-2009&group=7&gblog=1

ขอบคุณภาพปกจาก pixabay

Top Hit


Special Deal